หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 36 เสี่ยวเจามาแล้ว
“คุณหนูเยี่ยน โปรดระงับโทสะ อย่าให้ถึงชีวิตกันเลย!” ศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ต้องการหยุดเยี่ยนเสี่ยวซื่อ แต่นกหลวนศักดิ์สิทธิ์หลากสีก็บินลงมาขวางหน้าเขาและศิษย์คนอื่นไว้
แม้พวกเขาเป็นศิษย์ระดับเลี่ยนชี่ แต่โอกาสที่จะเอาชนะนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ที่มีสายเลือดพญาหงส์ก็แทบเป็นศูนย์
อีกอย่างหากทำร้ายสัตว์พาหนะของเหล่าคุณชายสกุลเยี่ยนจริง เช่นนั้นจะไม่ถูกเหล่าคุณชายสกุลเยี่ยนตัดหัวเอาหรือ?
“เอ่ยสิ เหตุใดไม่เอ่ยเล่า?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองดูเหล่าหญิงงามที่หวาดกลัวดาบวิญญาณจนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
ทุกคนกัดริมฝีปากด้วยความโกรธและแค้นเคือง
พวกนางอยากเอ่ย แต่ผู้ใดจะกล้าเอ่ยอย่างไม่คิดชีวิตเล่า?
หากเป็นคนอื่น คงคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา ทว่านี่คือเยี่ยนเสี่ยวซื่อ ผู้ที่กล้าทำได้ทุกอย่าง
พวกนางก็เป็นสตรีมีศักดิ์ศรี เป็นธิดาแห่งสำนัก ความภาคภูมิใจทั้งหมดนี้กลับไร้ความหมายยามอยู่ต่อหน้าเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
ผู้ใดหลงบุตรีที่สุดในใต้หล้า?
ปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉา
ผู้ใดหลงน้องสาวที่สุดในใต้หล้า?
คุณชายทั้งสามแห่งนิกายเซียน!
คิดแล้วช่างน่าหงุดหงิด เป็นแค่จอมห่วยแท้ๆ กลับมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะได้ยินว่าครอบครัวของนางมีสัมพันธ์เล็กๆ กับประมุขศักดิ์สิทธิ์ยามที่ยังเป็นคนธรรมดา พวกนางก็ยิ่งอิจฉาริษยากว่าเดิม
เหตุใดเรื่องดีงามทุกเรื่องในโลก ถึงเกิดขึ้นกับคนเช่นนี้? คนอื่นกินเนื้อพวกนางดื่มแกง ยังรับได้ แต่มีคนเช่นนี้ พวกนางมีแต่ลมตะวันตกเฉียงเหนือให้ดื่ม!
ทุกคนหันไปหาศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ด้วยแววตาที่ร้องขอความช่วยเหลือ หวังให้พวกเขาซื่อตรงสักครา อย่างไรก็ต้องเอานางมารผู้นี้ออกไป ให้คนอื่นๆ อยู่ที่นี่!
เอ่ยตามตรง ศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ก็สับสนวุ่นวาย หากรู้แต่แรกว่าการคัดเลือกหญิงรับใช้ลำบากยากเย็นเช่นนี้ พวกเขาคงเปลี่ยนกับศิษย์คนอื่น ไปคัดเลือกศิษย์แล้ว
ขณะที่ทุกคนกำลังกดดัน ศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งก็ขี่ดาบเหาะมาจากที่ซึ่งห่างออกไปไม่ไกล เขาไม่ได้ลงมา แต่ลอยอยู่กลางอากาศแล้วเอ่ยกับทุกคนว่า “การคัดเลือกเป็นอย่างไร? เหตุใดมีคนเพียงเท่านี้?”
ศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ผู้รับผิดชอบเงยหน้าตอบ “เรียนศิษย์พี่จิ้ง เหลือ…เหลืออยู่เท่านี้ขอรับ”
ศิษย์ที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่จิ้งเอ่ย “พาไปทั้งหมดเถอะ เจ้าสำนักกล่าวว่า ในเมื่อหาหญิงรับใช้ให้ประมุขศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ควรเลือกด้วยตนเอง”
เหล่าศิษย์ที่รับผิดชอบการคัดเลือกถอนใจยาวด้วยความโล่งอก โชคดีที่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ต้องรับมือนางมารแห่งนิกายเซียน ส่วนธิดาที่ควรได้รับการคัดเลือกก็ตื่นเต้นดีใจ เดิมทีพวกนางคิดว่าเพราะถูกนางมารก่อกวน ตนคงต้องสิ้นหวังแล้ว ทว่ายามนี้พวกนางกลับจะได้พบประมุขศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเอง?
หญิงงามทุกคนถลึงตาใส่เยี่ยนเสี่ยวซื่อด้วยความโกรธ
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางหวาดกลัวความร้ายกาจของสตรีผู้นี้ ประมุขศักดิ์สิทธิ์จะต้องกำจัดนางออกไปแน่!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองทุกคนอย่างขบขัน “พยายามเข้านะ หากไม่พยายาม จะรู้ได้อย่างไรว่าความสิ้นหวังมีรสชาติเช่นไร?”
ทุกคน “…”
ทุกคนเดินตามศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปบนภูเขา ขณะที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อนั่งบนนกหลวนศักดิ์สิทธิ์หลากสีของตน
แต่เดิมนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสีสัน ทว่าหลังจากฝึกฝนกับต้าเป่าเป็นระยะเวลาหนึ่ง ได้กระตุ้นสายเลือดพญาหงส์ในกาย จึงเผยลักษณะของสัตว์วิญญาณออกมาทีละน้อย
เหล่าหญิงงามอดอิจฉาริษยาขึ้นมาไม่ได้ ยามพวกนางเดินทางมีสัตว์ประหลาดสักตัวก็นับว่าดีแล้ว แต่สตรีผู้นี้ครั้งแรกก็เป็นสัตว์วิญญาณเลย
“แม่นางฟู่ บ้านท่านไม่มีสัตว์วิญญาณสักตัวหรือ?” ฉินหลิ่วจือถาม
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งสัตว์วิญญาณก็เป็นบททดสอบหนึ่งว่าสำนักนั้นแข็งแกร่งเพียงพอหรือไม่
หอเชียนชิวเดิมทีไม่มีสัตว์วิญญาณ แต่ในวันเกิดพี่ใหญ่ของนาง เจ้าสำนักนิกายศักดิ์สิทธิ์ได้มอบให้พี่ใหญ่ของนางไว้ตัวหนึ่ง ทว่าเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับหนึ่ง ไหนเลยจะเทียบนกหลวนศักดิ์สิทธิ์หลากสีที่มีสายเลือดพญาหงส์ได้?
ฟู่หรูเสวี่ยรู้สึกในใจ ทว่ากลับไม่แสดงสีหน้าออกมา “มีน่ะมี แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกมาโอ้อวดใช่หรือไม่?”
อย่างที่โบราณว่าไว้ ยิ่งอวดสิ่งใด ยิ่งขาดสิ่งนั้น แต่ประโยคนี้ไม่อาจใช้กับเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
พี่ชายสามคนของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ พี่รอง พี่สามยังไม่ต้องเอ่ยถึง แค่พี่ใหญ่คนเดียวก็เป็นเจ้าของสมบัติทั้งหมดแห่งเผ่าเฟิ่ง วันเกิดของนางทุกปี พี่ใหญ่จะส่งสัตว์วิญญาณที่เป็นสมบัติของเผ่าเฟิ่งมาให้นาง แต่ละตัวก็ไม่ด้อยไปกว่านกหลวนศักดิ์สิทธิ์หลากสีเลย ปีนี้นางอายุสิบสี่แล้ว สัตว์วิญญาณที่นางมีใช้นิ้วมือทั้งสองข้างนับก็ยังไม่ครบ
หากเป็นชีวิตในโลกก่อนของอวี๋หวั่น ก็คงเหมือนครอบครัวมีรถหรูหรามากมาย เยี่ยนเสี่ยวซื่อพยายามไม่เป็นจุดสนใจ ขับลัมโบร์กีนีออกมา
ฟู่หรูเสวี่ยเอ่ยเช่นนั้นด้วยเสียงที่ดังเล็กน้อย นางต้องการให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อได้ยิน แล้วก็กลัวว่าเยี่ยนเสี่ยวซื่อจะได้ยิน สรุปคือนางเกิดความขัดแย้งในใจ เอ่ยจบจึงเหลือบมองเยี่ยนเสี่ยวซื่อที่อยู่ด้านบน
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ได้ยินที่นางเอ่ย ในหัวของเยี่ยนเสี่ยวซื่อมีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับประมุขศักดิ์สิทธิ์
อันที่จริงวันนี้นางแอบหนีออกจากบ้านมา ก่อนหน้านี้ไม่นานนางไปล่าสัตว์บนภูเขา ‘ไม่ระวัง’ บุกเข้าไปในเขตทดสอบศิษย์ใหม่ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ นางจับเสือขาวได้สองสามตัว ทำให้เกิดการดึงดูดสัตว์ร้าย หลังจากนั้นก็เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย
บิดากักบริเวณนาง
แน่นอน นิกายเซียนมีพื้นที่ใหญ่เป็นครึ่งหนึ่งของเมืองเยี่ยน ดังนั้นการกักบริเวณจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
นางยังต้องหนีออกมา อย่างแรก นางคิดถึงสหายในเมือง แน่นอนว่า สหายในเมืองก็คิดถึงนางเช่นกัน (ไม่ใช่) ประการที่สอง นางอยากคลายสะกดในร่างกาย
นางรู้ว่านางไม่ใช่จอมห่วย ยามที่นางอายุได้แปดเดือน นางบังเอิญกลืนวิญญาณมารของประมุขมารในร่างกายยังหลงเหลือร่องรอยของไอมาร ขณะนั้นนางยังเด็ก การขับออกอาจทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ประมุขศักดิ์สิทธิ์จึงสะกดร่างกายของนาง ซึ่งไม่เพียงแต่ระงับไอมาร แต่ยังระงับชี่ดั้งเดิมของนางไปด้วย
ซึ่งตามแผนเดิม ควรจะคลายสะกดให้นางตั้งแต่สิบขวบแล้ว แต่ยามนี้เลยกำหนดมาสี่ปีแล้ว ไม่สิ เกือบห้าปีแล้วต่างหาก!
นางต้องการฟังคำอธิบายด้วยตนเอง!
การสะกดนี้ วันนี้เขาจะคลายก็คลาย ไม่คลายก็ต้องคลาย!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อลูบขนนกหลวนศักดิ์สิทธิ์แล้วเอ่ยว่า “ข้าได้คลายสะกดเมื่อใด ข้าก็จะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ไปร่วมพิธีแต่งงานของน้าเถี่ยตั้น!”
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น
การเดินทางหลังจากนี้ไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมายมากนัก ทุกคนมาถึงเขาเสี่ยวเฟิงแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ก่อน จากนั้นจึงเดินอ้อมเขาเสี่ยวเฟิงไปยังเขาเซิ่งเฟิง
เขาเซิ่งเฟิงเป็นที่อาศัยของประมุขศักดิ์สิทธิ์ ในวันธรรมดาไม่มีศิษย์คนใดเข้าไปรบกวนความสงบของประมุขศักดิ์สิทธิ์ในภูเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีทหารยาม ทว่าวันนี้ศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์พบว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้แล้ว
“เอ๊ะ?” ดาบของศิษย์พี่จิ้งเหาะไปครึ่งทาง ก็พบว่าตนถูกแรงที่ไม่สามารถขยับได้ขวางไว้
“ม่านพลัง!” เขาเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
เขาเซิ่งเฟิงน้อยมากที่จะมีม่านพลัง แต่ก็มิใช่ไม่มีเลย แต่นั่นก็เฉพาะยามที่วัตถุดิบยาของประมุขศักดิ์สิทธิ์ดึงดูดสายฟ้า เพื่อไม่ให้อัสนีบาตทำลายนิกายศักดิ์สิทธิ์ จึงกักพลังทำลายล้างให้อยู่ภายในเขาเซิ่งเฟิง
หรือว่า…ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปรุงยาอีกแล้วหรือ?
ศิษย์พี่จิ้งหันกลับมาเอ่ยกับทุกคน “พวกเจ้า ตามข้ากลับไปรอที่สำนักก่อน อาจใช้เวลาอย่างน้อยสิบวัน อย่างมากหนึ่งเดือน ประมุขศักดิ์สิทธิ์ถึงจะออกมา”
อะไรกัน?
นานเพียงนั้น?
แต่งานวิวาห์ของน้าเถี่ยตั้นใกล้จะถึงแล้ว!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อบอกว่าตนไม่อาจรอนานเช่นนั้น เมื่อภูเขาไม่มาหาข้า ข้าก็จะไปหาภูเขาเอง
นางทำทีกลับไปสำนักพร้อมกับทุกคน ทว่าฉวยโอกาสยามที่คนเผลอ ขี่นกหลวนศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในม่านพลัง
นางเกิดมาพร้อมกับร่างกายพิเศษ โดยทั่วไป ม่านพลังทำอะไรนางไม่ได้ ยกเว้นสิ่งที่อยู่ในร่างกายของนาง
ทันทีที่นางบินเข้าไปก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสดใสกลับกลายเป็นฟ้าผ่าฟ้าร้อง เมฆดำหมุนวน ทั่วทั้งเขาเซิ่งเฟิงมืดลง ฟ้าดินเต็มไปด้วยพลังที่อาจระเบิดได้ตลอดเวลา
กลางพายุใหญ่รุนแรง ชายในชุดคลุมสีดำยืนอยู่ในอากาศ ราวกับยืนอยู่กลางทะเลสายฟ้า และราวกับดึงโลกทั้งใบลงสู่นรก
เขาเหมือนเทพมารแห่งขุมนรกจิ่วโยว ควบคุมสายฟ้านับพัน
สายฟ้าฟาดลงรอบตัวเขา แสงสว่างวูบวาบพาดผ่านใบหน้า จากมุมที่เยี่ยนเสี่ยวซื่ออยู่ ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ทั้งหมด เฉพาะยามที่ฟ้าแลบฟ้าร้อง เขายกริมฝีปากสีแดงขึ้นน้อยๆ งดงามหยาดเยิ้ม
ติ๋ง~
ของเหลวเย็นหยดลงบนหน้าผากนกหลวนศักดิ์สิทธิ์
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์กลอกตา
น้ำลายไหลอีกแล้วหรือ?
เจ้าเลิกมองบุรุษรูปงามพอใช้แล้วเป็นเช่นนี้ได้หรือไม่?
สี่คนในครอบครัวเจ้า ยังดูไม่พออีกรึ?!
กลับไปจะรายงานนาย น้องสาวท่านหลงบุรุษอีกแล้ว! รีบไปควักลูกตาบุรุษผู้นั้น!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อครุ่นคิด เหตุใดอีกฝ่ายดูคุ้นตา? นางเคยพบเขามาก่อนหรือ?
“ส่งคนมา ไม่เช่นนั้นวันนี้…ข้าจะทำให้นิกายศักดิ์สิทธิ์ราบเป็นหน้ากลอง!”
บุรุษผู้นั้นข่มขู่เย้ยหยันจบ สายฟ้าสองสายในมือก็ฟาดลงมา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อจึงได้สังเกตเห็นว่าบนพื้นโล่งด้านล่างมีชายหนุ่มชุดขาวยืนอยู่ เขายืนอยู่ใต้ท้องนภาเพียงลำพัง ลมเย็นพัดเสื้อคลุมของเขาพลิ้วไหว
นั่นเป็นเงาที่มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า
หากกล่าวว่าชายชุดดำเป็นดอกไม้สวรรค์ที่เบ่งบานในความมืดไร้ที่สิ้นสุด เช่นนั้นเขาก็เป็นกล้วยไม้สีขาวก่อนรุ่งสาง
ติ๋ง~
ของเหลวหยดลงมาอีกครั้ง
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ขนพอง!
เลิกน้ำลายไหลสักทีได้รึไม่!
แต่ช้าก่อน
มีบางอย่างแปลกๆ
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์หันไปมองก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ
น้ำลายไหลยังพอว่า แต่นี่เจ้ากำเดาไหล?!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อลูบจมูกตน มิใช่นางมองบุรุษจนเลือดกำเดาไหล ทว่าพลังงานที่นี่น่ากลัวเกินไป เลือดนางจะไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด!
…………………