หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 37 สายฟ้าเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
การต่อสู้ระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือธรรมดาแบกรับไหว ไม่เช่นนั้นประมุขศักดิ์สิทธิ์คงไม่กั้นม่านพลังให้เขตการต่อสู้อยู่บนเขาเซิ่งเฟิงของเขา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อในยามนี้ถูกผนึกชี่ดั้งเดิมไว้ แน่นอนว่านางไม่อาจทนต่อพลังกดดันยิ่งใหญ่ทั้งสองได้
นางไม่เข้าใจว่าบุรุษผู้ควบคุมสายฟ้าเป็นใคร?
ชายชุดขาวที่กำลังต่อสู้กับเขา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นประมุขศักดิ์สิทธิ์ แต่คำถามคือ…ยังมีใครในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสู้กับประมุขศักดิ์สิทธิ์ได้?
เยี่ยนเสี่ยวซื่อได้รับการปกป้องอย่างดีตั้งแต่ยังเล็ก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้รับการปกป้องอย่างดีจากประมุขศักดิ์สิทธิ์ นับตั้งแต่สงครามวังมาร เผ่าศักดิ์สิทธิ์กับมารก็ต่างคนต่างอยู่ ดังนั้น เยี่ยนเสี่ยวซื่อจึงไม่เคยพบคนเผ่ามารจริงจังสักคน และไม่มีทางเดาตัวตนเผ่ามารของอีกฝ่ายได้
สิ่งที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อและคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ไม่รู้ คือเหตุผลที่เผ่ามารไม่บุกรุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะประมุขมารของพวกเขายังไม่เติบโตก็เท่านั้น
ยามนั้นวิญญาณมารถูกประมุขศักดิ์สิทธิ์ไล่ล่า อับจนหนทางใกล้จะขวัญหนีดีฝ่อ บาปหนาไม่อาจกลับมาเกิดใหม่ได้ จึงคิดแผนลอบทำร้าย บูชายันต์ตนเอง ลากทารกน้อยที่ประมุขศักดิ์สิทธิ์ห่วงใยเข้าสู่วิถีมาร
การบูชายันต์ตนเอง โดยพื้นฐาน แตกต่างจากการยึดครองร่าง หลังจากเยี่ยนเสี่ยวซื่อกลืนกินวิญญาณมารครานั้น วิญญาณมารก็ยังคงมีสตินึกคิดของตน รอวันที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อประมาทละเลย เขาก็จะยึดร่างของนาง เช่นนั้น วิญญาณของเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็จะหายไป กลายเป็นอาหารของเขา
และการทำเช่นนั้นมีความเสี่ยง หากพลังวิญญาณของเยี่ยนเสี่ยวซื่อแข็งแกร่งมากพอ เขาอาจจะไม่สามารถยึดครองเยี่ยนเสี่ยวซื่อได้อีกชั่วชีวิต
เขาบูชายันต์ตนเอง ทำลายพลังวิญญาณ เปลี่ยนเป็นอาหารของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ พลังวิญญาณของเยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะการบูชายันต์เช่นนี้มาพร้อมคำสาป
คำสาปนี้แลกกับการที่เขาไม่ไปเกิดใหม่ แต่จะดึงเยี่ยนเสี่ยวซื่อเข้าสู่เส้นทางมารได้
เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยจะออกมากลางคัน กลายเป็นมารแทนเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
เผ่ามารเคารพผู้แข็งแกร่งกว่าเสมอ ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายได้สืบทอดวิญญาณมารมาทั้งหมด เขาย่อมกลายเป็นประมุขมารคนใหม่ เพียงแต่เขายังเป็นเด็ก ต้องใช้เวลาในการเติบโตและปรับแต่งวิญญาณมารในร่างกาย
วิญญาณมารสูญเสียจิตสำนึกของนายเก่า หลงเหลือเพียงพลังที่ทรงอานุภาพ แต่มิใช่ดูดซับได้ง่ายๆ ตลอดหลายปีมานี้ ประมุขมารคนใหม่ได้ฝึกฝนบำเพ็ญตนอยู่ในวังมารจิ่วโยว นี่เป็นเหตุผลที่เผ่ามารไม่ได้บุกรุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เหตุใดประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่ยกทัพไปทำลายเผ่ามาร ผู้คนทั่วหล้าต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่า ประมุขศักดิ์สิทธิ์มีเมตตา ไม่ต้องการให้สรรพชีวิตเดือดร้อนภายใต้สงคราม บ้างก็ว่าประมุขศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ เผ่ามารไม่กล้าบุกรุกตามอำเภอใจ จึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้ ยังมีคนกล่าวอีกว่า ยามนั้นประมุขศักดิ์สิทธิ์และประมุขมารได้ทำการตกลงกันหนึ่งร้อยปี หลังจากร้อยปี ทั้งสองจะสู้กันให้ตายไปข้าง…
ด้านบนเป็นเพียงการคาดเดาของผู้บำเพ็ญ ส่วนจริงหรือเท็จ ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคยชี้แจงแถลงไข
เยี่ยนเสี่ยวซื่อจำไม่ได้ว่ายามที่นางยังเด็กเกิดอะไรขึ้น และไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับนาง แม้แต่เรื่องที่นางกลืนวิญญาณมาร ก็เพื่ออธิบายว่าเหตุใดจึงต้องสะกดร่างกายของนาง
“เอ๊ ยิ่งดูก็ยิ่งคุ้น”
ไม่แปลกที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อจะคุ้นเคยกับประมุขศักดิ์สิทธิ์ ภาพของประมุขศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ทั่วทุกถนน มีหรือนางจะไม่เคยเห็น? แต่บุรุษชุดดำ…เหมือนเคยเห็นที่ใดมาก่อน?
เยี่ยนเสี่ยวซื่อรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ ทวยเทพต่อสู้ มารน้อยทนทุกข์ นางก็คือมารน้อยที่ทนทุกข์ทรมานตนนั้น
“นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ ไปเร็ว!”
หากไม่ไป ชีวิตน้อยๆ ของนางคงจบลงที่นี่
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์เองก็ใกล้จะทนไม่ไหว ทว่าในกายมีสายเลือดพญาหงส์ที่ได้มาจากเผ่าโบราณ ทำให้แข็งแรงกว่านกทั่วไป แต่ต่อให้แข็งแรงเพียงใด ก็รับสงครามเช่นนี้ไม่ไหว
ทันทีที่นกหลวนศักดิ์สิทธิ์กระพือปีก หมายจะพาเยี่ยนเสี่ยวซื่อบินออกจากเขาเซิ่งเฟิง จู่ๆ ก็มีเมฆดำก่อตัวหนาแน่น มืดมิดไร้แสงสว่าง นกหลวนศักดิ์สิทธิ์สูญเสียทิศทาง กระแทกกับเนินเขาเสียงดังสนั่น ทั้งคนทั้งนกกลิ้งตกลงไป
เยี่ยนเสี่ยวซื่อร้องอุทานเสียงต่ำ
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเผชิญการต่อสู้ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเองก็ไม่รู้ว่านกเน่าตัวนี้ชนเข้ากับสิ่งใด แต่นางตกลงจากหลังของมันด้วยความเร็ว
ทันทีที่ประมุขศักดิ์สิทธิ์โบกมือแหวกเมฆหมอก ก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งปิดหน้าปิดตาร่วงลงมาใส่ตน
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว ลำแสงหนึ่งพุ่งออกจากปลายนิ้ว ห่อหุ้มตัวเยี่ยนเสี่ยวซื่อเอาไว้ไม่ให้ตกลงมา นางลืมตาขึ้นและพบว่าท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้งแล้ว นางนั่งอยู่กลางลูกกลมแสงขนาดใหญ่
ลูกกลมแสงลอยอยู่ในอากาศ ห่างจากประมุขศักดิ์สิทธิ์ประมาณแปดเก้าฉื่อ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อนั่งขัดสมาธิ มองประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่กะพริบตา
เมื่อครู่เห็นเพียงด้านหลัง บัดนี้ในที่สุดก็เห็นด้านหน้าแล้ว
โอ้สวรรค์ นี่มันรูปโฉมเช่นไรกัน? ช่าง ช่าง…ช่างงดงามยิ่งนัก!
ประมุขศักดิ์สิทธิ์จดจ่ออยู่กับการต่อสู้ แต่ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ ในลูกกลมแสงโบกมือให้เขา
ประมุขศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองนาง
ลูกกลมแสงสามารถแยกความเสียหาย และแยกเสียงจากภายในและภายนอก เหตุนี้เขาจึงไม่ได้ยินสิ่งที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อเอ่ย ทว่าปากของเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็อ่านได้ง่ายดายนัก
นางเอ่ยอย่างชัดเจนว่า “โอ้ เจ้าดูดีกว่าในภาพนะ!”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์หันหน้าไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เยี่ยนเสี่ยวซื่อโบกมือให้เขาอีกครั้ง โบกมือ โบกๆๆๆ มือ
ป๊อง!
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่มองนาง เพียงสะบัดแขนเสื้อ พลังงานมหาศาลตบลูกกลมแสงกระแทกเข้ากับภูเขา
ลูกกลมแสงติดอยู่ในหิน
เยี่ยนเสี่ยวซื่อผลัก “เฮ้? นี่มันอะไรกัน? กล้าตบข้าเข้าภูเขารึ? ข้าเยี่ยนเสี่ยวซื่อ เติบโตมาจนบัดนี้ ไม่เคยมีผู้ใดกล้าทำกับข้าเช่นนี้!”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเริ่มค้นหาอาวุธศักดิ์สิทธิ์และอาวุธวิญญาณในตัว นางขว้างลูกปัดสายฟ้าออกไป เกิดเสียงดังปัง ลูกปัดสายฟ้าระเบิด ทว่าลูกกลมแสงกลับไม่แตก แต่ทำให้นางระเบิดเสียเอง
เยี่ยนเสี่ยวซื่อผมยุ่งราวกับรังนก อ้าปากพ่นควันดำพ่นออกมาอย่างน่าอนาถ…
การต่อสู้ของทั้งสองยังดำเนินต่อไป
ริมฝีปากบางสีแดงของบุรุษชุดดำยกยิ้ม เอ่ยเยาะเย้ยว่า “นี่น่ะหรือพลังของเจ้า? ดูเหมือนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ก็ดี ข้ามาวันนี้ มิใช่ต้องการเอาชีวิตเจ้า แค่มาตกลงกับเจ้าเท่านั้น ส่งคนที่พวกเจ้าจับได้เมื่อไม่กี่วันก่อนมา หากได้ตัวมา ข้าก็จะจากไป ในหนึ่งร้อยปีจะไม่ย่างกรายมาเหยียบดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย หลังจากร้อยปี ข้าว่าความแข็งแกร่งของเจ้าคงพัฒนาแล้ว ถึงเวลานั้นเราค่อยมาสู้กันอีกครั้ง เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”
“ไม่ใช่เช่นนั้นแล้วอย่างไร!”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาจบ ก็เหาะขึ้นไปต่อสู้กับเขาท่ามกลางพายุสายฟ้า
เยี่ยนเสี่ยวซื่อจ้องมองตาไม่กะพริบ นางเติบโตมาถึงบัดนี้ ไม่เคยเห็นผู้ใดมีฉากต่อสู้เช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ นางรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมือนที่เล่าลือกัน
เขาเริ่มอ่อนแรงลงทีละน้อย
“เหตุใดเป็นเช่นนี้? เขาบาดเจ็บหรือ?”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังไม่ทันคิดคำตอบ ไหล่ขวาของประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกสายฟ้าฟาดจนบาดเจ็บ
สีหน้าของเยี่ยนเสี่ยวซื่อเปลี่ยนไป นางตะโกนเสียงดัง “นี่! เจ้าจะเป็นอะไรไม่ได้นะ! เจ้ายังต้องคลายสะกดให้ข้า!”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อรู้สึกว่าหากเขายังคงต่อสู้เช่นนี้ ประมุขศักดิ์สิทธิ์จะพ่ายแพ้ ผู้ควบคุมสายฟ้าผู้นั้นดูโหดเหี้ยมอำมหิต อาจจะฆ่าประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ ไม่ นางจะปล่อยให้ประมุขศักดิ์สิทธิ์ตายไม่ได้ หากประมุขศักดิ์สิทธิ์ตายไป ก็ไม่มีคนคลายสะกดให้นางแล้ว!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อพยายามทุบลูกกลมแสงนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดลูกกลมแสงก็หลุดออกมาจากซอกหิน
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเดินอยู่ด้านในลูกกลมแสง และพบว่าหากตนก้าวเร็วพอก็จะสามารถขยับลูกกลมแสงได้ นางวิ่งด้วยความเร็วในลูกกลมแสง
“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว” บุรุษชุดดำกล่าว
ประมุขศักดิ์สิทธิ์มองเขาด้วยสายตาเย็นชา เลือดหยดหนึ่งไหลออกจากมุมปาก
บุรุษชุดดำยกมือเรียวยาวดุจหยก ใช้ไอมารสร้างคันธนู จากนั้นก็เปลี่ยนสายฟ้าเป็นลูกธนู ยิงใส่ประมุขศักดิ์สิทธิ์อย่างโหดเหี้ยม
เวลานี้เยี่ยนเสี่ยวซื่อเหยียบลูกกลมแสงกลิ้งมาด้วยร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
ยามที่เห็นนางวิ่งเข้ามาราวกับหนูตัวน้อย สีหน้าประมุขศักดิ์สิทธิ์กับบุรุษชุดดำก็เปลี่ยนไป
ลูกกลมแสงชนประมุขศักดิ์สิทธิ์กระเด็นออกไป
แต่ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็เหาะกลับมาอย่างรวดเร็ว ผลักลูกกลมแสงนั้นออกไป
ไม่รู้ว่าการกระทำใดของคนทั้งสองที่ทำให้บุรุษชุดดำขุ่นเคือง ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา แววตาเจ็บปวด ดึงคันธนูยิงสายฟ้าอีกดอก ไล่ตามธนูดอกแรก กระเด็นออกไป แต่พลังของสายฟ้าขนาดมหึมาทำลายม่านพลังของเขาเซิ่งเฟิง ทั่วทั้งใต้หล้าสั่นสะเทือน
ความผันผวนของพลังงานมหาศาลทำให้เกิดอัสนีบาต
ภายใต้สายฟ้า ทุกสรรพสิ่งถูกทำลายสิ้น!
นี่เป็นโอกาสที่ดีในการทำลายนิกายศักดิ์สิทธิ์ ทว่า หากในหมู่คนที่ถูกทำลาย…
บุรุษชุดดำกำหมัด โบกสายฟ้ารอบตัวขึ้นปะทะกับสายฟ้าที่ผ่าลงมา
เขาสกัดการโจมตีส่วนใหญ่ได้ แต่ยังมีสายฟ้าครึ่งหนึ่งผ่าลงมายังประมุขศักดิ์สิทธิ์กับเยี่ยนเสี่ยวซื่อที่อยู่ในลูกกลมแสง
ลูกกลมแสงแตกกระจาย เยี่ยนเสี่ยวซื่อถูกสายฟ้าฟาด ประมุขศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างนางก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ประมุขศักดิ์สิทธิ์กอดนางไว้ และกระอักเลือดอย่างรุนแรง ดิ่งตกลงกลางอากาศ
สายฟ้าเงียบสงบ ควันหนาลอยคลุ้งขึ้นทั่วทุกที่
ผู้บำเพ็ญมารผู้หนึ่งเหาะมาและคุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าบุรุษชุดดำ “ประมุขมาร คนจากนิกายศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว รีบไปกันก่อนเถอะขอรับ! กลับไปค่อยหารือกันอีกที!”
บุรุษชุดดำมองก้นเหวที่ทั้งสองตกลงไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงราวกับน้ำแข็ง “พวกเจ้าไปก่อน”
“แต่ว่า…”
ผู้บำเพ็ญมารไม่ทันได้เอ่ยจนจบ บุรุษชุดดำก็สะบัดแขนเสื้อส่งเขาออกไปจากเขาเซิ่งเฟิง
แล้วบุรุษชุดดำก็กระโดดเหาะลงไปยังก้นเหว
…………………