หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 38 ประมุขมารผู้ดุร้าย
ฝนตกโปรยปรายลงมาในหุบเขา ทำให้หุบเขาราวกับมีเหมือนเมฆหมอก
ภายในบ้านไม้ที่ถูกทิ้งร้าง เยี่ยนเสี่ยวซื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
นางคล้ายกับมีฝันที่ยาวนาน แต่เมื่อตื่นขึ้นก็จดจำสิ่งใดไม่ได้ นางจ้องมองรอยแตกร้าวขนาดใหญ่บนหลังคาอย่างว่างเปล่า น้ำฝนไหลลงมาตามมุมของรอยแตก หยดลงบนหน้าของนาง
ขณะนี้นางยังสับสน
ข้าเป็นใคร? ข้าอยู่ที่ใด? ข้ามาทำอะไร?
เสียงสวบสาบดังแว่วเข้ามาในหู เยี่ยนเสี่ยวซื่อหูตั้ง หันมองไปตามเสียง เห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเตียง
ห้องนั้นรกเลอะเทอะ แต่เขากลับสะอาดสะอ้าน
รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ชายผ้าที่เผยอออกเล็กน้อยเผยให้เห็นขาเรียวยาวคู่หนึ่ง
รูปร่าง…ดีกว่ายามที่มองเห็นไกลๆ เสียอีก
ทันทีที่ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว ความทรงจำของเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็พรั่งพรูออกมาราวกับน้ำท่วมไหลทะลัก ในที่สุดนางก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ประมุขศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้กับบุรุษชุดดำที่อยู่ตรงหน้า ภูเขาแตกแผ่นดินแยก นาง ถูกอัสนีบาต ตกลงไปในหุบเขาพร้อมกับประมุขศักดิ์สิทธิ์
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็คือเมื่อครู่
หืม เขาก็ตามมาด้วยหรือ?
มาตามล่าประมุขศักดิ์สิทธิ์หรือ?
ดวงตาของเยี่ยนเสี่ยวซื่อไล่มองตามขายาวของเขาขึ้นไป จะว่าไป เหตุใดเอวของบุรุษถึงได้ดูดีเช่นนี้?
คล้ายกับว่าไม่มีไขมัน มีเพียงพละกำลังที่เต็มเปี่ยม
หรือนี่จะเป็นเอวสุนัขตัวผู้ที่คนเล่าลือ?
ขณะที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังอยากมองรูปโฉมของเขาให้ละเอียดกว่านี้ ก็พบว่าเขากำลังอุ้ม…เด็กคนหนึ่งอยู่โดยไม่คาดคิด
ใช่ ไม่ผิดแน่ นั่นคือเด็ก
ห่อด้วยผ้าที่คุ้นตา การพันผ้าไม่นับว่าได้มาตรฐาน แค่ดูก็รู้ว่าเป็นมือใหม่ แต่แน่นอนว่าเป็นทารก อายุราวๆ…แปดเก้าเดือน?
จากมุมที่เยี่ยนเสี่ยวซื่ออยู่ ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของทารก เห็นเพียงเท้าสีขาวอวบอ้วนคู่หนึ่ง
เท้าของทารกผู้นี้ทำให้ก้นบึ้งของหัวใจนางรู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้
แปลกจริง เหตุใดถึงมีเด็กในอ้อมแขนของเขา?
ไม่รู้เหตุใด นางรู้สึกว่าเด็กผู้นั้นมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับตน!
ในที่สุดเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ได้เห็นใบหน้าของบุรุษชุดดำสมดังใจหวัง
โอ้โห
นางอุทานในใจ บุรุษงดงามมีให้เห็นทุกวัน วันนี้ยิ่งมีมากเป็นพิเศษ ใบหน้านี้อาจไม่ได้โดดเด่นกว่าประมุขศักดิ์สิทธิ์ ทว่าประมุขศักดิ์สิทธิ์เย็นชาเกินไป ทั่วทั้งร่างราวกับมีไอเย็นและตบะแผ่ออกมา แต่บุรุษผู้นี้ ชวนให้รู้สึกอันตรายอย่างยิ่ง ประเภทที่น่าหลงใหลทว่าตกอยู่ในอันตรายจากพิษร้าย
แต่กลิ่นอายอันตรายของเขากลับไม่สอดคล้องกับแววตา แววตาของเขายามที่มองดูทารกในอ้อมแขนดูอ่อนโยนลง…
“เอ่อ ข้าถามเจ้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร?”
ในที่สุดเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็อดที่จะเอ่ยปากไม่ได้
เมื่อต้องเผชิญกับบุคคลอันตรายเช่นนี้ นางก็ยังกล้าเอ่ย แสดงให้เห็นว่าปกติเยี่ยนเสี่ยวซื่อได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างกล้าหาญ ทว่าทันทีที่สิ้นเสียง นางก็ต้องตกใจกับเสียงของตน
ต้องรู้ว่าสถานการณ์ที่จะทำให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อหวาดกลัวมีไม่มากนัก
เยี่ยนเสี่ยวซื่อจับที่คอของตน นางรู้สึกไปเองหรือไม่? เหตุใดเสียงของนางกลายเป็นเช่นนี้?
เยี่ยนเสี่ยวซื่ออ้าปาก “เอ่อ…อ่า…คือ…อ๊า!”
สองสามคำแรกเป็นการทดสอบเสียง ทว่าคำสุดท้ายเป็นเสียงร้องจริงๆ
เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเสียงของนางถึงกลายเป็นเสียงของบุรุษ?
เสียงไพเราะทีเดียว แต่หากมาจากคอของตน ก็น่ากลัวอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
การเคลื่อนไหวของนางดึงดูดความสนใจของบุรุษชุดดำได้สำเร็จ
บุรุษชุดดำมองดูนางอย่างเฉยเมย แววตาไร้ซึ่งร่องรอยของความอ่อนโยนหรือสงสาร ราวกับกำลังมองคนที่ตนรังเกียจยิ่ง
เยี่ยนเสี่ยวซื่อนั่งตัวตรง รีบมองที่มือของนาง
มือเรียวราวกับหยก ข้อต่อกระดูกชัดเจน งามวิจิตรหาผู้ใดเปรียบ แต่…นี่ไม่ใช่มือของนาง! เป็นมือของบุรุษ!
นางรีบสัมผัสหน้าอกตนต่อ
อกน้อยๆ ของนางละ?
แล้วนางก็จับเอวบางของตน
ไม่สัมผัสถึงเอวบาง ทว่าสัมผัสกับกล้ามเนื้อหน้าท้องกระชับแน่น และร่องบนกระดูกเชิงกราน
เกิดอะไรขึ้น?
นางกัดนิ้วด้วยความตื่นตระหนก ภายในใจคาดเดา คงไม่ใช่ว่านาง…ถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นบุรุษกระมัง?
ไม่ต้องสงสัยเลย เสื้อผ้าของนางก็ไม่ใช่ของนาง ทว่ายามนี้นางไม่ได้สังเกตถึงสิ่งนี้ นางยื่นมือสั่นระริกออกมา จับกางเกงของตน ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ใช้มือ…
“เป็นบ้าอะไร!”
ทว่าบุรุษชุดดำกลับใช้ขลุ่ยกั้นมือของนางที่เอื้อมลงมา
บุรุษชุดดำทนดูต่อไปไม่ได้ เจ้านี่ประสาทอะไร? ถูกอัสนีบาตจนเสียสติไปแล้วรึ? กล้าปลดกางเกงต่อหน้าเขา แล้วยังจะสอดมือเข้าไป เขาจะทำอะไรกันแน่?
ช่วยตัวเองต่อหน้าเขาหรือ?
บุรุษชุดดำรู้สึกหนาวสะท้าน
แม้มีเรื่องอยากถาม แต่หากเขายังน่ารังเกียจเช่นนี้ ตนก็จะฆ่าเขาซะ!
จู่ๆ เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ร้องไห้ออกมา!
เสียงร้องนี้ทำให้บุรุษชุดดำถึงกับผงะ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อร้องไห้ ไม่ใช่ร้องไห้ธรรมดา แต่ใช้ทั้งมือทั้งเท้า มือก็ตีเท้าก็เตะ ราวกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ถูกรังแก
บุรุษชุดดำรู้สึกแย่ไปทั้งร่าง
“เจ้าร้องไห้อะไร!” เขาเอ่ยอย่างเย็นชา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อร้องไห้ไปพลาง ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาไปพลาง “เจ้ายังจะดุข้า…พ่อข้าพี่ชายข้ายังไม่ดุข้าเลย…เจ้าดุข้า…”
“เจ้า…เจ้ามีพี่ชายด้วยหรือ?” บิดาน่าจะมีหนึ่งคน บุรุษชุดดำจำได้
“เหตุใดข้าจะไม่มีพี่ชาย?” เยี่ยนเสี่ยวซื่องอแง ร้องไห้ไม่หยุด “แต่บัดนี้ข้าเป็นเช่นนี้แล้ว พี่ชายต้องจำข้าไม่ได้แน่…เหตุใดชีวิตข้าถึงได้ขมขื่นเช่นนี้? หากรู้แต่แรกข้าคงไม่มาตามหาประมุขศักดิ์สิทธิ์ หากไม่มาหาเขา ข้าก็ไม่ต้องเห็นพวกเจ้าสู้กัน ไม่เห็นพวกเจ้าสู้กัน ข้าก็ไม่ต้องโดนฟ้าผ่า แล้ว…กลายเป็นบุรุษเช่นนี้!”
บุรุษชุดดำฟังได้ครึ่งหนึ่งก็รู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดลงกลางอก เมื่อฟังจนจบ เขาก็หันไปมองอีกคนที่ดูไม่เหมือนตัวปลอม ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงฟ้าผ่าดังสนั่น!
เขามองดูเด็กที่คล้ายเยี่ยนเสี่ยวซื่อในอ้อมแขนอีกครั้ง เด็กผู้นั้นมีใบหน้าเย็นชา ราวกับเขารู้อยู่นานแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงเขาเท่านั้นที่หน้ามืดตามัว ทั้งยังอุ้มนาง…ไม่ใช่สิ อุ้มเขา!
บุรุษชุดดำ….รู้สึกไม่สู้ดีอีกครั้ง
ยามที่เขาพบที่แห่งนี้ ประมุขศักดิ์สิทธิ์กับเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ตกลงมาจากหลังคาแล้ว ประมุขศักดิ์สิทธิ์หมดสติไป เยี่ยนเสี่ยวซื่อในอ้อมแขนประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกฟ้าผ่าจนกลับสู่สภาพการเป็นทารก
เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเช่นนี้ เขาไม่นึกว่าทั้งสองจะถูกสับเปลี่ยนร่างกัน
ดังนั้นเจ้าหนูน้อยน่ารักที่เขากอดมาหนึ่งชั่วยามเต็ม…ก็คือศัตรูเก่าของตนเอง?
“…”
ประมุขมารอยากหามีดมาแทงตัวเองให้ตาย!
มิน่าละ แววตาของหนูน้อยถึงดูไม่เป็นมิตรตลอดเวลา เขาคิดว่าเพราะตนอุ้มไม่สบาย ยามนี้มาคิดดูแล้ว บนใบหน้าของหนูน้อยเขียนคำว่า ‘เจ้าโง่’
ประมุขมารผู้กระอักเลือดในใจร้อยครั้ง “…”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเข้าใจความจริงของเรื่องนี้ก็เพราะประมุขมารมอบกระจกให้นาง
“อ้า ที่แท้นี่ก็คือข้า!” หลังจากรู้ว่าตนสลับร่างกับประมุขศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็หายโศกเศร้าในทันที นางแหย่หน้าประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อย “ข้าก็ว่าเหตุใดดูคุ้นๆ ที่แท้ก็เป็นตัวข้าเอง เพียงแต่ เหตุใดข้าถึงตัวเล็กลงเช่นนี้ละ?”
ประมุขมารกล่าวว่า “อาจเกี่ยวกับชี่ดั้งเดิมและการสะกดในร่างกาย โดยปกติเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แปลงร่างเท่านั้น ยามที่ชี่ดั้งเดิมของพวกมันลดต่ำลง ก็จะกลับสู่สภาพที่ประหยัดพลังที่สุด”
“หรือว่าข้า…ข้าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หรือ?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อกะพริบตา จู่ๆ ก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ฟังดูไม่เลว!
ประมุขมารใบหน้ามืดมน “เจ้าเป็นมนุษย์ ข้าแน่ใจ”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมุ่ยปาก “เจ้าแน่ใจได้อย่างไร? รู้จักข้าหรือ?”
ประมุขมารไม่ตอบ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อแหย่ตัวเองอีกครั้ง เอ่อ ไม่สิ บัดนี้เป็นใบหน้าของประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อย นางมองดูใบหน้าเล็กอวบอ้วน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าน่ารักยิ่งนัก!”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยก็ใบหน้ามืดมน
เยี่ยนเสี่ยวซื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ยามนี้นางได้กลายเป็นประมุขศักดิ์สิทธิ์แล้ว ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นนาง…ในวัยเด็ก นั่นก็หมายความว่านางสามารถใช้โอกาสนี้คลายสะกดให้ตัวเองได้?
แต่คำถามคือ จะคลายอย่างไร?
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองมือเรียวดุจหยกของตน ด้วยสีหน้างวยงง
“เป็นอะไรรึ?” ประมุขมารถาม
เยี่ยนเสี่ยวซื่อขมวดคิ้วเรียวงามเอ่ยว่า “ข้าอยากใช้โอกาสนี้คลายสะกดพลังในร่างกายของข้า แต่…ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เจ้าทำได้หรือไม่?”
“…ไม่ได้” ประมุขมารเอ่ย
“เจ้าละ?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองไปที่ประมุขศักดิ์สิทธิ์
ประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยสีหน้าเย็นชา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเกาหัวแล้วฉีกยิ้ม “อา ลืมไปว่าเจ้าพูดไม่ได้แล้ว เจ้าจะทำได้อย่างไร?”
ขณะที่กำลังครุ่นคิด คิ้วของเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ขมวดเข้าหากัน
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษผู้นี้ทำหน้าของสตรีหน้ามุ่ย แม้ประมุขมารจะรู้ความจริง แต่ก็ยังต้องสูดหายใจเฮือก
“คราวนี้อะไรอีก?” ประมุขมารถาม
เยี่ยนเสี่ยวซื่อขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ข้า…ข้าดูเหมือนจะปวดฉี่”
ประมุขมารเหลือบมองนางอย่างมีนัย เรียวคิ้วงามขมวดเข้าหากัน “เจ้ากังวลเรื่อง…”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อพยักหน้า “ใช่ ที่นี่ไม่มีกระท่อม จะไปฉี่ที่ใดละ?”
ประมุขมารแทบจะพูดไม่ออก!
ยามนี้เจ้าใช้ร่างของบุรุษคนอื่น แต่กังวลว่าจะมีกระท่อมหรือไม่?
ประมุขมารระงับหัวใจที่เต้นระส่ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “ตามข้ามา”
“อ้อ” เยี่ยนเสี่ยวซื่อลุกขึ้นเดินตามประมุขมารออกไป
ทั้งสองมาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“หลับตา” ประมุขมารกล่าว
“จะทำอะไร?”
“บอกให้หลับก็หลับ”
“เจ้านี่ดุจริง”
“เชื่อหรือไม่ ข้าดุได้มากกว่านี้อีก?”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อคิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูตัวฉกาจของประมุขศักดิ์สิทธิ์ ยามนี้ตนใช้ร่างกายของประมุขศักดิ์สิทธิ์ หากอีกฝ่ายโกรธขึ้นมาแล้วสับนาง นางจะร้องไห้ก็ไม่มีที่ให้ร้องอีกแล้ว
ถึงเยี่ยนเสี่ยวซื่อจะบ้าบิ่น แต่นางก็ไม่โง่ ยามที่ควรก้มหัวก็ก้มหัว ออกไปหาบิดากับพี่ชายได้เมื่อใด รอดูเถอะว่านางจะจัดการเขาเช่นไร!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
ประมุขมารก้าวไปข้างหน้า คล้ายกับยังมีความกังวลเล็กน้อย ยกมือขึ้นปลดผ้าคาดศีรษะสีแดงของตนมาผูกตานาง
คนผู้นี้จะทำอะไรกันแน่?
แน่นอน เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่คิดว่าอีกฝ่ายที่กรำศึกทำสงครามเช่นนี้ จะทำเพื่อให้ฆ่านางง่ายขึ้น อย่างไรแม้ว่านางจะกลายเป็นประมุขศักดิ์สิทธิ์ แต่นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังของประมุขศักดิ์สิทธิ์เลย กระทั่งวิชาพื้นฐานที่สุดยังใช้ไม่เป็น หากเขาจะฆ่านาง นั่นก็เป็นเรื่องง่ายดายนัก
“เจ้า…” ทันทีที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อจะเอ่ยปากถาม ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้น เข็มขัดของตนก็ถูกปลดออก
เยี่ยนเสี่ยวซื่อผงะไปครู่หนึ่ง
“เอ่อ…เจ้าจะช่วยข้าถือหรือ?”
“หุบปาก!”
…..
คืนเดือนดับสายลมโหยหวน
หลังจากเหตุการณ์บนเขาเซิ่งเฟิง ทุกคนในนิกายศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตื่นตระหนก อาจารย์ปู่ไปปิดตัวบำเพ็ญ ไม่อาจออกมาได้ เจ้าสำนักจึงนำศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ไปค้นหาที่เขาเซิ่งเฟิงด้วยตนเอง
เมื่อพวกเขาค้นหาไปจนถึงหน้าผา ก็เห็นเงาร่างสง่างามเงาหนึ่งมาแต่ไกล
ประมุขศักดิ์สิทธิ์!
แต่…ยังไม่ทันที่พวกเขาจะก้าวไปหาประมุขศักดิ์สิทธิ์ ก็เห็นเงาสูงใหญ่ด้านหลังประมุขศักดิ์สิทธิ์ ดูจากรูปร่างเป็นบุรุษหนุ่มในชุดสีดำ เส้นผมดำขลับดุจน้ำหมึก กลิ่นอายแข็งแกร่ง
เขากับประมุขศักดิ์สิทธิ์กำลังทำท่าทางแปลกๆ…ใต้ต้นไม้
มองแวบแรก ราวกับว่าเขากำลังกอดประมุขศักดิ์สิทธิ์จากด้านหลัง…
ทุกคนรู้สึกว่าขนของตนลุกชันขึ้น
หากพวกเขาไม่ได้เห็นกับตา คงไม่มีวันเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง!
ทุกคนอดนึกถึงเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นตอนกลางวันไม่ได้
หรือว่า——
ที่เขาเซิ่งเฟิงกั้นม่านพลังขึ้นกะทันหัน เพราะประมุขศักดิ์สิทธิ์จะทำสิ่งที่สุดจะพรรณนากับบุรุษผู้นี้?
เพราะสิ่งที่สุดจะพรรณนานั้นช่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน กระทั่งม่านพลังถึงกับแตกเป็นเสี่ยง?
จากนั้น เพราะทั้งสองละเมิดกฎแห่งสวรรค์ แม้แต่เหล่าทวยเทพก็ไม่อาจทนมอง ส่งสายฟ้าฟาดลงมาที่ยอดภูเขาเซิ่งเฟิง?!
ไอ้หยาแม่เอ๊ย!
ที่แท้เจ้าก็เป็นประมุขศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้!!!
…………………