หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 4 ต้าเป่าพูดแล้ว
อันที่จริงชายชราผมขาวมีนามว่าเหมยฉีหลิน เพียงแต่นามรองของเขาคือโย่วตัน
จะว่าไป ต้าเป่าไม่รู้จักคำนี้ก็ไม่แปลก คำว่าฉีหลิน(麒麟) [1]ยากจะตายไป ยังไม่ได้เรียนเลย!
ต้าเป่ามองทั้งสองคำ เขาเกือบพูดออกมาว่าลู่ลู่(鹿鹿) [2]แล้ว แต่คิดไปคิดมา กวางเป็นสัตว์ที่น่ารัก คำว่ากวางจะไปมีตัวอักษรยึกๆ ยือๆ ประกอบอยู่ได้อย่างไรกัน
จากนั้นเขาก็พูดว่า “เหมยโหย่วตั้น” โอ้ เหมาะสมจริงๆ
ชายชราเห็นว่าต้าเป่าและเสี่ยวเป่ามีสีหน้าเข้าใจ เขาก็แทบอยากกระอักเลือก ชื่อที่เขาเพิ่งพูดไปฟังดูแปลกกว่า ‘ไม่มีไข่’ รึ? พวกเจ้าถึงไม่คิดว่าเป็นชื่อนั้น แต่คิดว่าเป็นชื่อนี้มากกว่า
ในตอนนั้นชายชราคิดว่าเขายอมถูกขังไว้ในนี้ยังจะดีกว่ามาเจอผู้ที่ชะตากำหนดเช่นนี้! ไม่รงไม่รอมันแล้ว!
‘ทำไมท่านถูกขังไว้ที่นี่’
ต้าเป่าเขียนบนกระดาษ
ชายชรางุนงง เด็กคนนี้เป็นใบ้หรือ? เขียนอย่างเดียว ไม่ยอมพูด
‘ข้าถามท่านอยู่’
ต้าเป่าเขียน
“ต้าเป่าถามท่านน่ะ!” เสี่ยวเป่าบอก
“ใช่แล้วละ!” เอ้อร์เป่าบอก
“อุว้าอุว้า!” เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็บอก
ชายชราผมขาวถูกตะโกนใส่เสียยกใหญ่ จะว่าไป เมื่อเทียบกับเรื่องที่ทำไมเขาถึงถูกขังไว้ที่นี่ ควรจะเป็นเขาที่สงสัยว่าทำไมเจ้าเด็กทะลึ่งพวกนี้ถึงหาทางเข้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์พบเสียมากกว่า
สรุปแล้วใครกันที่แปลกประหลาดที่สุด
“นี่ เจ้าเด็กตัวแสบ พวกเจ้าเป็นคนบ้านไหน? ข้าเพิ่งตอบคำถามพวกเจ้าไป ตอนนี้ตาพวกเจ้าตอบคำถามข้าบ้างแล้ว ผู้ใดพาพวกเจ้ามา”
ต้าเป่าตั้งใจเขียนตัวหนังสือ
ชายชราเห็นว่าต้าเป่ายินยอมตอบคำถามของตน ก็พลันรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เขียนยาวและละเอียดดีจริงๆ
ปรากฏว่า เมื่อต้าเป่าส่งกระดาษให้เขา เขาถึงกับตะลึงงัน
ต้าเป่าเขียนว่า ‘พวกข้าไม่ได้ชื่อเจ้าเด็กตัวแสบ พวกข้ามีชื่อ แต่ท่านพ่อกับท่านแม่บอกว่าคนแปลกหน้าคนใดก็ตามที่ถามชื่อพวกข้าโดยไม่มีเหตุผลล้วนแต่เป็นคนไม่ดี’
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ชายชราแทบกระอักเลือดออกมา อะไรกันนี่ ทำไมอยู่ๆ เขาก็กลายเป็นคนไม่ดีไปได้ เจ้าเขียนตั้งมากมาย เพียงเพื่อพูดแค่นี้เนี่ยนะ? ไม่เหนื่อยหรืออย่างไร
ต้าเป่าเขียนต่อไปว่า ‘แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น เมื่อครู่น้องชายข้าไม่ระวัง พูดออกไปแล้ว แต่ท่านยังไม่รู้ว่าข้าชื่อต้าเป่า ท่านไม่ได้เป็นคนไม่ดี ท่านเป็นคนทึ่ม’
เอ้อร์เป่า เสี่ยวเป่า และเยี่ยนเสี่ยวซื่อส่งสายตารังเกียจให้เขา
ชายชรา “…!!”
สวรรค์หนอสวรรค์ ปฐพีหนอปฐพี สรุปแล้วนี่มันเด็กที่ไหนกัน?
หลังจากระบุตัวตนได้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนทึ่ม ทั้งสามก็ตัดสินใจไม่ถามอะไรจากเขาอีก ดังนั้นเด็กตัวแสบที่อยากรู้อยากเห็นเมื่อครู่ก็เดินออกไปอย่างไร้เยื่อใย!
ไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?
พวกเจ้าไม่ถามแล้วหรือว่าทำไมข้าถึงถูกขังไว้ที่นี่
ข้ายังไม่ได้ตอบเลย พวกเจ้าไม่อยากรู้แล้วหรือ?
เด็กสมัยนี้…หมดความสนใจต่อเรื่องต่างๆ ง่ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เขาถูกขังมานานแค่ไหนกัน รู้สึกว่าตามโลกไม่ทันแล้ว!
“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ชายชราตะโกนลั่น
ครั้งนั้นเขาทำความผิดใหญ่หลวง จึงถูกขังไว้ที่นี่ อาจารย์ปู่เคยบอกว่า ให้เขาสำนึกผิดอยู่ที่นี่ วันหนึ่งจะมีผู้ที่ชะตากำหนดมาปลดปล่อยเขาออกไป แต่สิ่งที่เขาต้องทำก็คือพาผู้ที่ชะตากำหนดไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เจ้าเด็กตัวแสบพวกนี้คือผู้ที่ชะตากำหนดหรือ?
ในใจเขายังคงไม่ยอมรับ
แต่ถ้าหากเป็นพวกเขาจริงๆ เล่า?
หากปล่อยให้พวกเขาออกไปเช่นนี้ เขาก็จะหมดโอกาสออกไปจากที่นี่แล้ว!
“พวกเจ้า หยุดก่อน!”
ชายชรามองเจ้าพวกเด็กตัวแสบกำลังจะเดินออกไปจากห้องลับ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
ไหนเลยจะรู้ว่าเด็กทั้งสี่มิได้สนใจเขาแม้แต่น้อย และเดินออกจากห้องไป
ครืนนน
เสียงดังคล้ายกับก้อนหินกำลังเสียดสีกันดังขึ้นจากด้านนอก ชายชรารู้ดีว่านั่นเป็นสัญญาณว่าประตูหินกำลังจะปิดลงอีกครั้ง และเมื่อประตูนี้ปิดลง เขาก็ไม่มั่นใจว่าเด็กตัวแสบเหล่านี้จะกลับมาที่นี่อีก
เขารู้สึกร้อนรน
“พวกเจ้า…พวกเจ้า…” ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่าเด็กคนที่โตที่สุดชื่อว่าต้าเป่า
“ต้าเป่า!” เขาเอ่ยเรียก ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาดีกว่าเดิมมาก “ข้ามีเรื่องจะพูดกับพวกเจ้า!”
เด็กทั้งสามชะงักฝีเท้า พวกเขาหันขวับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ต้าเป่าเขียนลงบนกระดาษว่า ‘ท่านยังมีอะไรจะพูดอีก’
ชายชราชะงักไป
ต้าเป่าไม่ได้พูดอะไรผิด แต่ทำไมฟังดูแปลกๆ
ต้าเป่าเขียนต่อว่า ‘มีอะไรก็รีบพูด จะ…’
ตอนที่ต้าเป่ากำลังจะเขียนว่า ‘จะตดก็รีบตด’ นั้นเอง เขาก็หันไปมองเยี่ยนเสี่ยวซื่อซึ่งอยู่ด้านหลัง เยี่ยนเสี่ยวซื่อเกาะอยู่บนไหล่ของเขา กำลังมองเขาเขียนหนังสือ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังเด็ก ยังไม่รู้หนังสือ แต่ต้าเป่าไม่อยากให้ดวงตาของน้องสาวต้องแปดเปื้อน จึงขีดฆ่าตัวอักษรที่สองไป
ชายชราหายใจเข้าเฮือกหนึ่งอย่างอ่อนแรง เจ้าเด็กบ้า…คิดจะสบถใส่เขาหรืออย่างไร
“อะแฮ่มๆ!” ชายชรามิได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เขามองไปยังเด็กตัวแสบเบื้องหน้า เห็นว่าพวกเขาท่าทางไร้เดียงสาเช่นนี้ แต่ที่จริงแล้วทุกครั้งที่พวกเขาเลือกตำแหน่งที่ยืน ก็จะพิจารณาก่อนทุกครั้ง และไม่อยู่ในรัศมีของโซ่เหล็ก
นั่นหมายความว่า จะหลอกพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แน่นอนว่าเขายังมีความสามารถอื่นอีก แต่น่าเสียดายที่พลังของเขาถูกกดไว้ ไม่อาจสำแดงออกมาได้
‘ท่านกำลังคิดอะไร’
ต้าเป่าเขียน
ชายชรานึกในใจว่า ข้ากำลังคิดว่า ในบรรดาพวกเจ้าทั้งสี่ คนไหนที่เป็นผู้ที่ชะตากำหนดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ชายชราคิดว่า ถ้าหากตนพาพวกเขาไป พวกเขาต้องไม่ยอมไปเป็นแน่ ยิ่งพาไปเพียงคนเดียว พวกเขาต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน
และถ้าไม่ยอม ก็อาจไม่ช่วยปลดโซ่เหล็กให้เขา
เมื่อคิดเช่นนี้ ชายชราก็ตัดสินใจหว่านล้อมให้พวกเขาช่วยตนออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“แหะๆๆ” ชายชรายิ้มกรุ้มกริ่ม “ต้าเป่า พวกเจ้าดูสิ ข้าถูกโซ่ล่ามไว้เช่นนี้ทรมานเหลือเกิน พวกเจ้าช่วยข้าแกะโซ่ออกก่อนได้ไหม”
“ทำไมท่านถูกล่ามไว้ได้ละ ท่านเป็นคนไม่ดีหรือ?” เสี่ยวเป่าเอียงคอถาม
“ไม่ๆๆ! ข้าไม่ได้เป็นคนไม่ดี!” เจ้าเด็กตัวแสบ! ทำไมฉลาดขนาดนี้เนี่ย
“อะแฮ่ม!” ชายชรามีสีหน้าจริงจัง “ข้าถูกคนใส่ร้าย”
“อ้อ” เสี่ยวเป่าพูด “ข้าไม่มีกุญแจ จะปล่อยท่านออกมาได้อย่างไร”
ชายชราคิดในใจว่าเกินเยียวยาจริงๆ “พวกเจ้า…ดึงออกไปก็ได้แล้ว!”
“ท่านดึงออกเองไม่ได้หรือ?” เอ้อร์เป่าถาม
ชายชราหัวเราะ ตอบว่า “ถ้าข้าดึงออกได้ ข้าจะให้พวกเจ้าช่วยหรือ?”
เอ้อร์เป่าจึงพูดว่า “ท่านเป็นผู้ใหญ่ยังดึงไม่ออก แล้วเด็กอย่างพวกข้าจะดึงออกหรือ?”
ชายชรา “…”
ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล…
จะว่าไป เด็กสี่ขวบมีเหตุมีผลเช่นนี้เชียวหรือ
ต้าเป่ายกปากกาขึ้นมาเขียนว่า ‘ท่าน บอกความจริงมา ไม่เช่นนั้นจะ…’
ต้าเป่าปิดตาน้องสาว แล้วเขียนว่า ‘ฆ่าท่าน!’
ชายชราใจกระตุกวูบ เจ้าเด็กตัวแสบ จะฆ่าเขารึ!
ชายชราเริ่มจะสงสัยในในชีวิตเสียแล้วสิ ต่อให้เป็นพญามารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าซึ่งสังหารคนมานับไม่ถ้วน…ตอนเด็กก็ยังคงไม่บ้าบิ่นเช่นนี้กระมัง? พวกเขาคงไม่ใช่เด็กจากเผ่ามารกระไรเทือกนี้หรอกกระมัง?
ขณะที่ชายชรากำลังลังเลว่าจะหว่านล้อมเด็กตัวแสบเหล่านี้อย่างไร เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ร้องขึ้นว่า “อุว้าอุว้า!”
นางชี้ไปยังกำแพง บนกำแพงมีดอกไม้ดอกเล็กสีเหลืองอยู่ดอกหนึ่ง
“น้องเล็กอยากได้ดอกไม้หรือ?” เสี่ยวเป่าเดินเข้าไป เด็ดดอกไม้ที่บานสะพรั่งดูมีชีวิตชีวาดอกนั้นออกมา
ชายชราหน้าถอดสีในทันใด นั่นไม่ใช่ดอกไม้จริงๆ แต่เป็นกลไกสำหรับป้องกันคนบุกเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ ขณะที่ทางเข้าถูกเปิดเอาไว้ กลไกนี้แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เคยใช้
แต่อาจารย์ปู่บอกไว้ว่า หากไม่จวนตัวจริงๆ ก็ไม่ควรใช้กลไกนี้ มิฉะนั้นอาจมีอันตรายถึงชีวิต
ทว่ากว่าชายชราจะนึกได้ก็สายไปเสียแล้ว เสี่ยวเป่าเด็ดดอกไม้ออกมาแล้ว
“น้องเล็ก เอ้านี่”
เสี่ยวเป่าเป็นพี่ชายที่รักน้องเหมือนกันนะ
ขณะที่เสี่ยวเป่ากำลังจะส่งดอกไม้ให้น้องสาวนั้นเอง ก็มีลูกไฟพ่นออกมาจากกำแพงซึ่งก่อนหน้านี้มีดอกไม้ติดอยู่ มันพุ่งเข้าใส่ด้านหลังศีรษะของเสี่ยวเป่า!
“อุว้าาา” เยี่ยนเสี่ยวซื่อร้องลั่นด้วยความดุดัน
นางยกมือขึ้นปัด ลูกไฟก็ถูกพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ดันกลับไปกระแทกกับกำแพง ทำให้เปลวเพลิงลุกท่วมกำแพง!
ชายชรามองภาพเหตุการณ์ด้วยความตะลึงงัน
ปล่อยให้เขาสับสนอยู่ตั้งนาน ที่แท้เจ้าทารกชุดลูกแกะคนนี้หรอกหรือที่มีพลังแข็งแกร่ง?
ในภาพวาดบนกำแพง มีลูกไฟเล็กๆ ปล่อยออกมาอีกหลายลูก แต่ก็ถูกราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยปัดกลับไปอีก
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่พอใจที่พี่ชายของตนถูกลอบโจมตี นางไม่เพียงปัดลูกไฟกลับไป แต่ยังใช้พลังถล่มผนังลงมา!
เดิมทีคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลงเพียงเท่านี้ อย่างไรเสียลูกไฟเหล่านี้ก็รุนแรงเหลือเกิน แต่ไหนเลยจะรู้ว่าอยู่ๆ ก็
มีเสียงร้องของนกดังขึ้นจากด้านหลังกำแพงซึ่งถล่มลงไป นกหลวน[3]ตัวยักษ์ใหญ่ตัวหนึ่งก็บินขึ้นมาจากกองขี้เถ้า
นกหลวนนั้นรวดเร็ว เข้ามาคาบเยี่ยนเสี่ยวซื่อไป!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อตกใจ “อุว้า!”
“น้องเล็ก!” เอ้อร์เป่าตะโกนเรียก ยื่นมือออกมาคว้าน้องสาว นกหลวนตัวนั้นบินข้ามศีรษะของพวกเขาไปด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
ชายชราตกใจ “นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ห้าสี! ว่ากันว่านกหลวนห้าสีมีสายเลือดของเฟิ่งหวง[4] เป็นลูกหลานของเฟิ่งหวง!”
ไม่น่าเล่า อาจารย์ปู่จึงระมัดระวังกลไกนี้มาก นกหลวนดุร้ายมาก ไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู นอกจากนั้นแล้วพวกมันก็ยังน่าสะพรึงกลัวมาก แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูของพวกเขา พวกเขายังไม่กล้าคิดเป็นปฏิปักษ์กับนกหลวนศักดิ์สิทธิ์เลยด้วยซ้ำ
ชายชรากล่าวว่า “พวกเจ้ารีบหนีไปเร็ว น้องสาวของพวกเจ้าหนีไม่รอดแล้ว หลังจากที่มันกินน้องพวกเจ้าแล้ว ก็จะกลับมากินพวกเจ้า!”
“อุว้าอุว้า!” เสียงของเยี่ยนเสี่ยวซื่อดังก้องอยู่ในถ้ำ คล้ายกับกำลังร้องไห้
ใบหน้าของต้าเป่าเย็นเยียบ เขากำหมัดแน่น มองไปยังทิศทางที่นกหลวนออกไป เขาตะโกนพูดบางอย่างออกมา
ไม่มีใครฟังออกว่าเขาพูดว่าอะไร แต่เรื่องน่าประหลาดเกิดขึ้น นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ที่ดุร้ายก็คาบเยี่ยนเสี่ยวซื่อกลับมา
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์กระพือปีก มันบินมาฝั่งตรงข้ามของต้าเป่า มองไปยังต้าเป่าด้วยความดุดัน
ต้าเป่าพูดด้วยสีหน้าเย็นเยียบอีกครั้ง
เป็นสิ่งที่พวกเขาฟังไม่ออก
แต่ว่านกตัวนั้นค่อยๆ บินลงมาหยุดตรงหน้าของต้าเป่า มันค่อยๆ วางเยี่ยนเสี่ยวซื่อลงที่พื้น หลังจากนั้นมันก็ถอยหลังออกไปสองก้าว แล้วก้มหน้าลง
ชายชราตะลึงงันกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นี่มันอะไรกัน
นกหลวนซึ่งคาบเยี่ยนเสี่ยวซื่อไป อยู่ๆ ก็คาบเยี่ยนเสี่ยวซื่อกลับมาคืนให้ต้าเป่าอย่างว่าง่าย ทั้งยังก้มหน้านิ่งราวกับเป็นขุนนางซึ่งกำลังเข้าเฝ้ากษัตริย์
ต้าเป่าไม่ได้สนใจว่าชายชราจะตกใจเพียงใด เขาก้าวเข้าไปข้างหน้า แล้วอุ้มน้องสาวขึ้นมา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อคว้าแขนเสื้อต้าเป่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย แล้วมุดศีรษะเข้าหาอ้อมอกของต้าเป่า “อุว้า อุว้า”
นกยักษ์ นิสัยไม่ดี
ชายชรามองต้าเป่า หรือว่า…เขาจะเป็นผู้ที่ชะตากำหนด?
เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่าวิ่งเตาะแตะเข้ามาจับน้องสาวสุดที่รักของเขา
เอ้อร์เป่าพูดว่า “ต้าเป่า เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไร มันถึงพาน้องเล็กกลับมา”
ที่จริงต้าเป่าก็ไม่รู้เหมือนกัน
ในตอนนั้นเอง สมองของเขาก็ว่างเปล่า ในใจของเขาคล้ายกับจะมีเสียงนี้ดังขึ้น และเปล่งเสียงนั้นออกมา
“ภาษาเฟิ่ง! ภาษาเฟิ่ง!” ภาษาเฟิ่งหายสาบสูญไปหลายพันปีแล้ว เมื่อมีโอกาสได้ฟังยามที่มีชีวิตอยู่ ชายชราก็ตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น “นกหลวนเป็นลูกหลานของเผ่าเฟิ่ง มีเพียงภาษาของเผ่าเฟิ่งเท่านั้นที่สั่งมันได้! เจ้าเด็กน้อย! ไม่สิ…ต้าเป่า พวก…พวกเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าเฟิ่งหรือ”
ที่เขาไม่ได้ถามต้าเป่าเพียงคนเดียว ก็เพราะเด็กทั้งสามคนหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกัน ถ้าหากคนใดคนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเผ่าเฟิ่ง พวกเขาอีกสองคนก็ย่อมต้องเกี่ยวข้องด้วย
ไหนเลยจะรู้ว่าต้าเป่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก เสี่ยวเป่าก็พูดขึ้นว่า “เฟิ่งหวงไม่ใช่นกหรอกหรือ? ภาษาเฟิ่งก็คือภาษานกสินะ ที่ต้าเป่าไม่ยอมพูด ก็เพราะเจ้าพูดภาษานกใช่ไหมละ!”
ต้าเป่า “…”
เอ้อร์เป่า “…”
ชายชรา “…”
……………………