หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 52.2 อัสนีบาต (2)
คุนเผิงโบราณได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว มันคือร่างวิญญาณของคุนเผิงโบราณ แต่หากเลี้ยงไว้ระยะหนึ่ง อาจสามารถใช้คาถาสร้างร่างที่แท้จริง กลายเป็นคุนเผิงโบราณตัวน้อยๆ ได้
“เจ้าทำอะไรกับพวกมัน?” ประมุขมารถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด เลียริมฝีปากตน “อืม…ข้ากินไปแล้ว”
ในที่สุดประมุขมารก็ทนไม่ไหว กระอักเลือดล้มลงกับพื้น
“แต่…” เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังไม่ทันพูด พวกมันออกไข่ นางเก็บไข่พวกมันไว้ ทั้งหมดสามฟอง ไม่ขาดสักฟอง!
…
ในขณะนั้น ประมุขศักดิ์สิทธิ์กับประมุขมารก็ตระหนักถึงปัญหาบางอย่างได้พร้อมกัน หลังจากพลังของเยี่ยนเสี่ยวซื่อถูกปลุกให้ตื่น นางจำเป็นต้องกินสิ่งที่มีพลังมาก ไม่เช่นนั้นจะไม่พอต่อความต้องการของนาง นางไม่ได้ตั้งใจกินมังกรมาร หงส์มาร หรือคุนเผิงร่างวิญญาณ ทว่าถูกสัญชาตญาณของนางควบคุม
ประมุขมารมองเยี่ยนเสี่ยวซื่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ไก่ เป็ด ปลาของเขาเซิ่งเฟิงไม่อร่อยใช่หรือไม่?”
มังกรมาร หงส์มาร หรือคุนเผิงน่ารักเช่นนั้น กินลงได้อย่างไร?
เยี่ยนเสี่ยวซื่อกล่าว “อร่อย แต่ไม่มีงูน้อย ไก่น้อย และปลาบินได้ที่อร่อย!”
ประมุขมารยืดเอวขึ้นทันที “นั่นสินะ!”
สัตว์มารของเขาระดับสูงกว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้อยู่แล้วละ!
จะว่าไปแล้ว ผู้บำเพ็ญสายตรงไม่อาจกินสิ่งที่มีไอมารได้ เบาหน่อยก็ไม่ย่อย หนักหน่อยก็ถูกไอมารกัดเซาะจนเสียหาย แต่เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่มีปัญหาเช่นนั้นแม้แต่น้อย แม้แต่ร่างวิญญาณนางก็กินได้
ทว่าด้วยความเร็วที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อกิน สัตว์มาร (วิญญาณ) และพืชมาร (วิญญาณ) ในเขามารเซียนกับเขาเซิ่งเฟิงอาจถูกกวาดจนเกลี้ยงในไม่ช้า และสัตว์ประหลาดพืชประหลาดภายนอก อาจไม่พอต่อความต้องการของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่มีอุปสรรคมากมายเช่นนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือการเลื่อนขั้นเป็นเซียน เปิดเส้นทางที่สูงขึ้นไป
อันที่จริงความแข็งแกร่งของทั้งสองในยามนี้ ห่างกับการเลื่อนขั้นเป็นเซียนเพียงช่วงเดียวเท่านั้น
ทว่าการเลื่อนขั้นเป็นเซียนก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เหล่าผู้บำเพ็ญระดับทั่วไปอาจพบอัสนีบาต ขั้นไท่ซวีอัสนีบาตสามครั้ง ขั้นเสี่ยวเฉิงอัสนีบาตหกครั้ง ขั้นต้าเฉิงอัสนีบาตเก้าครั้ง แต่ละครั้งจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะอยู่รอด และการเลื่อนขั้นเป็นเซียนต้องเผชิญอันตรายยิ่งกว่านั้น สิ่งที่ผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนต้องพบเจอไม่เรียกว่าอัสนีบาตหรือสายฟ้าสวรรค์ ทว่าเป็นมหันตภัยอัสนี ซึ่งเป็นสนามรบแห่งอัสนีมากมายนับไม่ถ้วน คนผู้นั้นจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
เหตุผลเพราะผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนแข็งแกร่งเกินไป เกินขอบเขตที่ที่แห่งนี้จะสามารถรับได้ กฎแห่งสวรรค์จึงส่งทัณฑ์อัสนี สังหารผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียน รักษาความมั่นคงของโลกฝั่งนี้
และเมื่อทัณฑ์อัสนีไม่สามารถทำลายผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ กฎแห่งสวรรค์ก็จะเปิดทางผ่านแก่ผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียน ให้พวกเขาบินไปยังที่ที่สามารถรองรับพลังของพวกเขาได้
“ประมุขมาร ท่านจะเลื่อนขั้นเป็นเซียนจริงๆ หรือ? ท่านไม่ต้องการเราแล้วหรือ?” ภายในสวน ผู้บำเพ็ญมารสะอึกสะอื้นถามประมุขมาร
ประมุขมารสีหน้ารังเกียจ “พวกเจ้ามีสิ่งใดให้ต้องการ? หน้าตาดี หรือว่ารูปร่างดีละ?”
ผู้บำเพ็ญมารที่สำลักตาย “…”
ประมุขมารก็ไม่ได้ละทิ้งเผ่ามารไปเสียทีเดียว ไม่มีใครกำหนดว่าผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนไม่สามารถกลับมาได้ เพียงแค่กดขอบเขตพลังเท่านั้น
สิ่งที่เขาไม่แน่ใจคือโจวจิ่นจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนไปกับเขาได้หรือไม่?
ในมุมมองของเขา แน่นอนว่าไม่อยากพบเจอบุรุษผู้นั้นอีก
แต่หากบุรุษผู้นั้นยุ่มย่ามกับเสี่ยวซื่ออย่างไร้ยางอาย ตนคงไม่สามารถฆ่าเขาได้จริงๆ
“ประมุขมารท่านคิดสิ่งใดอยู่?” ผู้บำเพ็ญมารถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นท่าทางอับจนหนทางของเจ้านาย
“ข้าสงสัยว่าบุรุษผู้นั้นจะเลื่อนขั้นเป็นเซียนด้วยหรือไม่?” ประมุขมารกล่าว
“ประมุขศักดิ์สิทธิ์หรือ?” ผู้บำเพ็ญมารขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ความแข็งแกร่งของเขา น่าจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนนานแล้ว เหตุผลที่ไม่เกิดทัณฑ์อัสนี คงเป็นเพราะเขาเป็นเจ้าแห่งโลกนี้ เขาอยู่กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาช้านาน เขาหลอมรวมกับกฎแห่งสวรรค์เป็นอันหนึ่งอันเดียว เขาแข็งแกร่ง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็แข็งแกร่ง จึงไม่ง่ายที่กฎแห่งสวรรค์จะขจัดเขาออกไป”
ประมุขมารฮึดฮัด “เช่นนั้นข้าละ? กฎแห่งสวรรค์ก็ไม่ขจัดข้าด้วยรึ? หรือเพราะข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะปลุกทัณฑ์อัสนีจากกฎแห่งสวรรค์?”
ผู้บำเพ็ญมารรีบเอ่ย “ท่านเป็นเจ้าแห่งแดนมาร ความแข็งแกร่งของท่าน…ส่วนมากก็ทำเพื่อแดนมาร จึงไม่ง่ายที่จะนำพาการลงทัณ์จากกฎแห่งสวรรค์ ไม่เช่นนั้นท่านทั้งสองลองทำเรื่องที่มนุษย์สวรรค์พิโรธดีหรือไม่?”
ประมุขมารกลอกตาใส่เขา
ผู้บำเพ็ญมารคลี่ยิ้ม “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น ล้อเล่น ล้อเล่น”
ประมุขมารเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าอยู่สอดแนมข่าวของราชาหลัวช่าที่นิกายศักดิ์สิทธิ์ต่อไป ข้าจะไปพบกับโจวจิ่น”
“ขอรับ” ผู้บำเพ็ญมารตอบ
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ถอดเสื้อคลุมตัวนอกที่ซับซ้อน สวมเพียงชุดด้านในบางเบา หมายจะไปแช่ตัวที่บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย
เมื่อใดที่เขามีเรื่องในใจก็มักไปแช่ตัวที่บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เสมอ
ไม่คาดคิดว่ายังไม่ทันลงสระ ก็มีเสียงฝีเท้าที่ไม่สนผู้ใดตามหลังมา
โตเพียงนี้ ยังเดินเหมือนกับต้าเป่าตอนเด็กๆ
ประมุขศักดิ์สิทธิ์หางตาขยับ เก็บของในมือแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย “เจ้ามาทำอะไร?”
“แช่น้ำ ทำไม? ไม่ให้รึ?” ขณะที่ปากยังถามว่าให้หรือไม่ให้ มือกลับเริ่มปลดเปลืองเสื้อผ้าของตน
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจ เดินตรงไปที่บ่อน้ำพุ
เสื้อท่อนบนของประมุขมารถูกถอดออก เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้ออวบแน่นและร่องบนกระดูกเชิงกรานทรงพลัง ริมฝีปากสีแดงยกขึ้นเอ่ยว่า “เจ้าคิดจะเลื่อนขั้นเป็นเซียนด้วยหรือไม่? อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า มหันตภัยอัสนีไม่มีตา”
“คำพูดเหล่านี้ ข้าก็อยากบอกกับเจ้าเช่นกัน” ประมุขศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยเมย
“ข้าไม่กลัวอัสนีอยู่แล้ว” ประมุขมารกางมือออก เขาควบคุมสายฟ้าได้ มหันตภัยอัสนีสำหรับเขาไม่นับว่าเสี่ยงมากนัก อย่างน้อยมหันตภัยอัสนีของเขาก็เป็นเช่นนี้ แน่นอน หากเป็นมหันตภัยอัสนีของโจวจิ่น ก็เป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง
ทว่าเขาก็ไม่ได้คิดจะเลื่อนขั้นเป็นเซียนพร้อมกับโจวจิ่นอยู่แล้ว
“ในมือเจ้าถือสิ่งใดอยู่? คงมิใช่ของแทนใจที่จะให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อกระมัง? จะว่าไป มิใช่ว่าเจ้าตัดสิ้นปรารถนาทั้งหกอารมณ์ทั้งเจ็ดไปนานแล้วหรอกรึ?” ประมุขมารยิ้มเอ่ยพลางยื่นมือแย่งของจากมือของประมุขศักดิ์สิทธิ์
ของสิ่งนั้นมีสีขาว สัมผัสเนียนลื่น ราวกับไขมันแพะชั้นดี เขาเพิ่งแย่งมาได้ ก็ลื่นไถลหลุดมือ ปิ๊ว~
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ดวงตาวูบไหว รีบก้มลงหยิบมันขึ้นมา
เมื่อเห็นเขาร้อนรนเช่นนี้ ประมุขมารจึงมั่นใจว่านั่นต้องเป็นสิ่งที่น่าละอายเป็นแน่ เขารีบก้มลงไปคว้า แต่ไม่คาดคิด ฝ่าเท้าเขากลับลื่นไถลพุ่งไปข้างหน้า ชนเข้ากับประมุขศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังก้มหยิบพอดี ประมุขศักดิ์สิทธิ์ถูกชนจนคว้าจับเสาตรงหน้า
ท่านี้ดูไม่ถูกต้องเท่าไร!
ประมุขมารรีบร้อนใช้สองมือยันเอวประมุขศักดิ์สิทธิ์ หมายจะยืมแรงให้ตนถอยออกไป
ประจวบเหมาะเวลานี้เยี่ยนเสี่ยวซื่อเดินเข้ามาพอดี
คนที่มาพร้อมกับนางยังมีประมุขหลินผู้งดงามหล่อเหลาราวต้นหยก
ประมุขหลินคิดว่าตนจะเป็นบ้า เขาเห็นอะไร? ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก้มตัวพยุงเสา โดยมีประมุขมารยืนอยู่ข้างหลัง บดเบียดกายกับเขาแน่น พร้อมสองมือพยุงเอวประมุขศักดิ์สิทธิ์——
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ยังหน้าแดงผิดปกติ!
…เพราะความร้อน
ดวงตาพร่าพราย!
…เพราะไอน้ำ
“พวกเจ้าทำอะไรกัน?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อดวงตาถลึงโต
ในที่สุดประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็มองเห็นสบู่ที่ตนหยิบขึ้นมา เอ่ยอย่างอ้ำอึ้ง “หยิบ…สบู่?”
ทันทีที่สิ้นเสียง เพดานด้านบนก็เกิดเสียงดังสนั่น จู่ๆ เมฆฝนฟ้าคะนองก็ก่อตัวทั่วท้องฟ้า แสงอัสนีสว่างวาบราวกับไฟ
ผู้บำเพ็ญมารที่กำลังสอดแนมข่าวในนิกายศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกถึงพลังทำลายฟ้าถล่มดินทลายเหนือศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นมอง “ฉิบหาย! มหันตภัยอัสนี!”
ทั้งยังเป็นมหันตภัยอัสนีของคนสองคน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และแดนมารถูกปกคลุมด้วยพลังแห่งอัสนีบาตที่โหมกระหน่ำ โลกถูกความมืดมนและตื่นตระหนกกลืนกิน เหลือเพียงมหันตภัยอัสนีรุนแรง คล้ายจะทำลายทุกสิ่ง
มหันตภัยอัสนีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แทบจะทำให้ผู้บำเพ็ญมารตกใจจนคางหล่น เหตุใดเขารู้สึกว่า…กฎแห่งสวรรค์ไม่ได้กำลังขจัดผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนทั้งสอง แต่กำลังบดขยี้สัตว์ร้ายทั้งสอง?
“ท่านทั้งสองทำเรื่องใดให้มนุษย์สวรรค์พิโรธกันแน่!!!”
……………………