หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 57 พิธีมหามงคลสมรส (2)
เถี่ยตั้นน้อยทำไปมิใช่เพราะความโกรธแค้นส่วนตัว ยามนั้นเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นสามีขององค์หญิงจิ่ว หลังจากสังหารถึงได้ทราบ แต่บอกไปเกรงว่าคงจะไม่มีใครเชื่อ
โดยเฉพาะองค์หญิงจิ่วยิ่งไม่มีทางเชื่อ
ฆ่าสามีตนแล้ว ยังมาขอตนแต่งงาน เกรงว่าเป็นใครก็คงไม่ตอบตกลง น่าเสียดาย นี่เป็นพิธีสมรสระหว่างสองประเทศ องค์หญิงจิ่วถูกกำหนดให้สมรสกับองค์ชายน้อยแห่งหนานจ้าวซื่อจื่อแห่งจวนกั๋วกง นางไม่มีทางให้ขัดขืน
นางไม่ดื่มไม่กินมาตลอดทาง อาศัยเพียงยาจากหมอหลวงที่ติดตามมาด้วย ไม่เช่นนั้นนางคงตายก่อนมาถึงจวนกั๋วกงแล้ว
เถี่ยตั้นน้อยได้ยินว่านางไม่เต็มใจแต่งงานกับตน รถม้าเดินทางไปได้ครึ่งทางจึงเข้าไปขวางไว้
“พวกเจ้าถอยไป!”
เขาสั่งเสียงเย็นชา
คนที่ส่งไปสู่ขอหรือรับตัวเจ้าสาวล้วนเป็นคนของเขา ไหนเลยจะมีใครกล้าขัด? ล้วนแต่รีบร้อนถอยห่างไปสามฉื่อ
เถี่ยตั้นน้อยเปิดม่านเข้าไปในรถม้า
เขานั่งลงที่ม้านั่งด้านข้าง องค์หญิงจิ่วสวมมงกุฎหงส์เครื่องยศสตรีนั่งบนเก้าอี้แดงที่หันหน้าเข้าม่านรถม้า
องค์หญิงจิ่วสวมผ้าคลุมปิดหน้า เถี่ยตั้นน้อยไม่เห็นสีหน้าของนาง แต่ดูร่างกายที่แข็งเกร็งของนางและมือที่กำผ้าคลุมไว้แน่น ไม่ยากที่จะรู้ว่านางกำลังหวาดกลัวอยู่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เถี่ยตั้นน้อยก็รู้สึกโมโห
เขาทำอะไรรึ?
สตรีผู้นี้ถึงต้องหวาดกลัวเขา?
เขาเป็นคนยิงบุรุษของนางตายไม่ใช่หรือ? เขาใช้ตนเองแต่งงานกับนางแล้ว นางยังต้องการอะไรอีก?
เรื่องราวของเถี่ยตั้นน้อยและองค์หญิงจิ่วเป็นเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย
เถี่ยตั้นน้อยอาศัยอยู่ที่จวนคุณชายชั่วคราว องค์หญิงจิ่วก็ย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วย แต่ไม่นานหลังจากนั้น กองทัพเผ่าศักดิ์สิทธิ์เข้ายึดเมืองอวี่ อวี๋เซ่าชิงพาเถี่ยตั้นน้อยกลับไปเสริมทัพที่หนานจ้าว
เด็กน้อยสองคนที่กำลังอยู่ในวัยน่ารักกลับถูกทำลายลง
หลังจากนั้น เถี่ยตั้นน้อยก็ไม่ได้กลับไปที่ต้าโจวอีกเลย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ แต่เขาเด็กเกินไป เด็กไม่มีสิทธิ์ในตนเอง
ผู้ใหญ่ให้ทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ารักหลานมาก เก็บไว้ในปากก็กลัวละลาย ถือไว้ในมือก็กลัวหล่น หลานคนโตอย่างเยี่ยนจิ่วเฉากับเห้อเหลียนเซิง นางไม่อาจเข้าไปยุ่มย่าม แต่หลานคนเล็กมีหรือจะคุมไม่อยู่?
คุมคราหนึ่งก็สิบปี
ยามที่เถี่ยตั้นน้อยออกจากจวนเห้อเหลียนได้ ก็มี ‘ข่าวร้าย’ ที่น่าตกใจมาจากต้าโจวว่าองค์หญิงจิ่วแต่งงานแล้ว
คู่สมรสเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระชายารัชทายาท
หลังจากเยี่ยนไหวจิ่งถูกปลดในปีนั้น เฉิงอ๋อง องค์ชายห้าก็ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทองค์ใหม่ พระชายาของเขาคือองค์หญิงแห่งซยงหนู ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพระชายารัชทายาท
ตอนนั้นองค์ชายห้ากำหนดให้แต่งงานกับองค์หญิงแห่งซยงหนู ทุกคนคิดว่าเขาสิ้นหวัง ห่างไกลจากบัลลังก์แล้ว แม้แต่ฮ่องเต้เองก็คิดเช่นนั้น อย่างไรฮ่องเต้ก็ไม่ต้องการให้ประเทศของตนไปอยู่ในมือองค์ชายที่มีสายเลือดซยงหนูครึ่งหนึ่ง
ซยงหนูมีความทะเยอทะยานไม่น้อย ทันทีที่รู้ว่าองค์หญิงแห่งซยงหนูให้กำเนิดทายาท ก็ตั้งใจจะกำจัดขวากหนาม ช่วยสนับสนุนบุตรของนางให้ขึ้นครองบัลลังก์ หลังจากครองบัลลังก์ค่อยส่งกำลังแทรกซึมเข้าไปยึดครองต้าโจวเป็นของตน
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย ฮ่องเต้จะปล่อยให้เฉิงอ๋องเป็นรัชทายาทได้อย่างไร
กระทั่งฮ่องเต้เคยขู่เฉิงอ๋อง ตำแหน่งรัชทายาทกับองค์หญิงแห่งซยงหนู เลือกได้เพียงหนึ่งเดียว อนาคตองค์หญิงแห่งซยงหนูอาจเป็นนางสนมได้ แต่ไม่อาจเป็นฮองเฮา และไม่อาจให้กำเนิดองค์ชาย
เฉิงอ๋องกับองค์หญิงแห่งซยงหนูก็นับว่าผูกสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาในสงคราม
หากเป็นสองสามปีก่อน เฉิงอ๋องอาจจะตอบตกลงไปแล้ว ทว่ายามนี้ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์กันแล้ว เฉิงอ๋องไม่ปรารถนาจะละทิ้งภรรยาของตนไปแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท
เฉิงอ๋องเป็นคนกตัญญูรู้บุญคุณ
เห็นได้จากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอวี๋หวั่น
ฮ่องเต้แต่งตั้งเขา เพราะความซื่อสัตย์สุจริตและเมตตา หากเขาละทิ้งภรรยาจริง เช่นนั้นในสายตาฮ่องเต้ เขาก็ไม่คู่ควรกับการเป็นประมุขประเทศ
พระชายาเฉิงอ๋องเองก็ไม่ย่อท้อ เมื่อนางได้ยินว่าเฉิงอ๋องปฏิเสธการเป็นรัชทายาทเพราะตน จึงตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยว ตัดสัมพันธ์กับซยงหนู
ยามนี้ต้าโจวมีหนานจ้าวที่ทรงอำนาจเป็นพันธมิตรแล้ว ซยงหนูก็ไม่มีอะไรน่ากังวล
ทว่าอย่างไรก็เป็นครอบครัวภรรยา ไหนเลยจะตัดสิ้นการไปมาหาสู่ได้จริงๆ?
หลังจากแน่ใจว่าซยงหนูสงบลงแล้วจริงๆ พระชายาเฉิงอ๋องก็ค่อยๆ กลับไปติดต่อครอบครัวของนาง
ครั้งหนึ่งลูกพี่ลูกน้องมาเยี่ยมนาง และได้พบกับองค์หญิงจิ่ว
ลูกพี่ลูกน้องผู้นั้นมากความสามารถ ลักษณะนิสัยก็ดีไม่น้อย การแต่งงานครั้งนี้จึงถูกกำหนดขึ้น
แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า องค์หญิงจิ่วเพิ่งไปถึงซยงหนู ตาของลูกพี่ลูกน้องผู้นั้นกลับสมรู้ร่วมคิดกับคนเซียนเปยก่อกบฏ
เถี่ยตั้นน้อยนำทัพขึ้นเหนือ ช่วยต้าโจวปราบกบฏซยงหนูและคนเซียนเปย แต่องค์หญิงแห่งซยงหนูผู้นั้นก็หลงผิด ไม่ได้เพียงแต่ไม่ลงโทษญาติตนที่กระทำผิด ยังช่วยตาของเขาหลบหนี
ขณะไล่ล่ากบฏ เถี่ยตั้นน้อยคิดว่าเขาเป็นกบฏจึงยิงสังหารจนตาย
เอ่ยอย่างเคร่งครัดแล้ว เขาถือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แม้จะถูกหลอกใช้ ทว่าในฐานะองค์ชาย หากแค่นี้ยังไม่อาจแยกแยะผิดชอบ ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย
ทว่าหลังจากนั้นได้ยินมาว่าองค์ชายผู้นั้นปฏิบัติต่อองค์หญิงจิ่วเป็นอย่างดี ระหว่างหลบหนี ไม่เคยทำให้องค์หญิงจิ่วลำบากหรือได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อย แม้ตาของเขาบอกจะให้ตัดนิ้วองค์หญิงจิ่วเพื่อข่มขู่ต้าโจว เขาก็ไม่ทำ
เถี่ยตั้นน้อยที่รู้ความจริง ความรู้สึกในใจเริ่มสลับซับซ้อน
ไม่ใช่เพราะเถี่ยตั้นน้อยคิดว่าเขาไม่ควรตาย ก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้ หากไม่ยิงเขาตาย ข่านแห่งซยงหนูก็ต้องประหารเขา คำถามคือเขาตายแล้ว องค์หญิงจิ่วจะทำอย่างไร?
ในใจขององค์หญิงจิ่วคิดเช่นไรกับสามีผู้นี้?
ว่ากันว่าเป็นสามีภริยาหนึ่งวันเสน่หาต่อกันลึกซึ้ง องค์หญิงจิ่วมีเขาอยู่ในใจแล้วใช่หรือไม่? เขาตายแล้ว นางทุกข์ใจหรือไม่? จะเกลียดตนเองหรือไม่?
จะคิดว่าตนตั้งใจยิงเขาให้ตายหรือไม่?
เถี่ยตั้นน้อยเจ็บปวด!
“หากข้าบอกเจ้าว่า ข้าไม่ได้ตั้งใจฆ่าสามีเจ้า เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
ในที่สุด เถี่ยตั้นน้อยก็เอ่ยปาก
เขาไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ยังดี ทันทีที่เอ่ย ทั้งร่างขององค์หญิงจิ่วก็สั่นสะท้านเบาๆ
เถี่ยตั้นน้อยจุกอก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เป็นอะไร?
อยู่กับตนพูดไม่ได้แล้วกระมัง?
เขาเอ่ยปากทีก็หวาดกลัวเช่นนี้? เขาเป็นภูติผีปีศาจหรือ?
“บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไง!” เถี่ยตั้นน้อยเพิ่มน้ำเสียงขึ้น
แหมะ!
น้ำตาหยดลงบนหลังมือขาวขององค์หญิงจิ่ว
เถี่ยตั้นน้อยพลันตื่นตระหนก
เกิดอะไรขึ้น?
เหตุใดถึงร้องไห้ออกมา?
“ข้า…ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเป็นสามีของเจ้า! ยามนั้นข้าได้รับคำสั่งไปสังหารศัตรู เขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและไม่ยอมจำนน ข้าไม่มีทางเลือก หากข้าไม่ฆ่าพวกเขา คนที่ต้องตายก็คือทหารของต้าโจว…ข้าพูดมากมายเช่นนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่? ในสนามรบ…ความลังเลเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียที่ไม่จำเป็น ข้าจะปล่อยให้เหล่าทหารตายอย่างไร้ประโยชน์ไม่ได้…”
เถี่ยตั้นน้อยไม่รู้ว่านางจะเข้าใจสิ่งที่ตนเอ่ยหรือไม่ เห็นเพียงหยดน้ำตาบนหลังมือที่มากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจก็ยิ่งเจ็บปวด น้ำเสียงอ่อนลงอย่างไม่อาจควบคุม “ข้าใช้ตัวเองชดเชยให้เจ้าไม่พอหรือ? ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าให้ดีกว่าเขา”
องค์หญิงจิ่วยังคงร้องไห้
เถี่ยตั้นน้อยคิดว่าตนอธิบายมากมายเช่นนั้น เหตุใดนางไม่พูดอะไรเลย?
ความคิดกล้าหาญหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว ดวงตาของเถี่ยตั้นน้อยจ้องถมึงเบิกโพลง “เยี่ยนพินถิง! เจ้าคงไม่ได้จำข้าไม่ได้หรอกนะ?!”
เสียงร้องขององค์หญิงจิ่วหยุดชะงัก
เถี่ยตั้นน้อยหายใจเฮือก
เหตุใดเขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้ใจหาย?!
เถี่ยตั้นน้อยกำหมัดแน่น เบียดนางเข้ากับผนังรถ ดึงผ้าคลุมหน้าของนางออก มองใบหน้าร่ำไห้และสายตาเล็กที่ไม่รู้จะวางลงที่ใด เขากัดฟันเอ่ย “เยี่ยน พิน ถิง!”
ร่างเล็กขององค์หญิงจิ่วสั่นสะท้าน!
การคาดเดาในใจของเขาแน่ใจแล้วครึ่งหนึ่ง
สตรีสมควรตายผู้นี้ นางจำเขาไม่ได้จริงๆ!
ไม่แปลกที่นางจะตกใจมาก คงคิดว่าตนเป็นพวกวิปริตต่ำช้ากระมัง?
ฆ่าสามีของนางแล้วก็มาแต่งงานกับนาง ค่อยๆ ทรมานนางจนตาย
นางคงคิดเช่นนั้นกระมัง?
น่าโมโหจริง!
“เจ้าไว้ทุกข์ให้สามีเจ้าสามปี ข้าก็ยอม รอจนบัดนี้ถึงขอเจ้าแต่งงาน ข้าไม่มีสตรีบำเรอ ไม่มีอนุภรรยา เจ้าคิดว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้า เพื่อทรมานเจ้าจริงๆ หรือ?”
เถี่ยตั้นน้อยแทบจะอกแตก แต่ก็ยังดึงกลับเข้าประเด็น “เจ้าลืมข้าไปตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
องค์หญิงจิ่วกัดริมฝีปาก ไม่เอ่ย
เถี่ยตั้นน้อยทุบกำปั้นกับผนังรถข้างหูนาง มองนางด้วยด้วยสายตาคุกรุ่นดุจเพลิงแผดเผา “ทางที่ดีอย่าทำให้ข้าต้องโมโห!”
องค์หญิงจิ่วก้มหน้าหวาดหวั่น
เถี่ยตั้นน้อยจับคางของนางอย่างไร้ความปรานี คลี่ยิ้มเย็นชา “ดีมาก ในเมื่อเจ้าลืม เช่นนั้นข้าจะช่วยให้เจ้าจำได้อีกครั้ง!”
เขาฉีกเครื่องยศสตรีของนาง
เสียงร้องไห้สิ้นหวังของนางดังออกจากรถม้า
สองเค่อต่อมา
องค์หญิงจิ่วที่ทำทรงผมจุก กับเถี่ยตั้นน้อยในเสื้อคลุมยาวปรากฏตัวขึ้นในบ้านหลังหนึ่ง
เครื่องยศสตรีถอดยาก จนมือของเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน!
ทว่าในที่สุด ก็เปลี่ยนชุดองค์หญิงในยามนั้นให้นางได้สำเร็จ!
เถี่ยตั้นน้อยชี้ไปที่หนึ่งในสวนด้านหลังและเอ่ยว่า “นี่คือชิงช้าที่เจ้าเคยนั่งในตอนนั้น ข้าย้ายมันจากจวนคุณชายมาที่หนานจ้าว! ขึ้นไปนั่ง! ขยับตัวเอง!”
องค์หญิงจิ่วที่ไม่อยากขยับเคลื่อนไหว “…”
……………………