หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 59.2 ตอนจบ (2)
สิ่งที่นางต้องทำคือใช้ไอวิญญาณในทะเลดาวย่อยมัน
หญ้าหลินจือกลายเป็นเมฆเหนือทะเลดาว คอยซ่อมแซมความเสียหายที่วิญญาณมังกรสร้างแก่ทะเลดาวตลอดเวลา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อกับประมุขมารต่างก็เข้าสู่สภาวะลืมตน กลับไม่รู้เลยว่าจู่ๆ ประมุขศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ลืมตาขึ้น
ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด
เงาดำที่ปรากฏในลำธารทอดลงบนพื้นข้างกายเขา
เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ จ้องมองเสี่ยวเจาและเยี่ยนเสี่ยวซื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาเชือดเฉือนราวกับมีด
เงาดำสะกดจิตเขา “อยากได้นางหรือไม่? ต้องการนางหรือไม่? สังหารบุรุษผู้นั้น นางก็จะเป็นของเจ้า”
ในมือของประมุขศักดิ์สิทธิ์ปรากฏดาบวิญญาณเล่มยาว
เขาถือดาบเดินไปหาประมุขมารทีละก้าว
เงานั้นอยู่ข้างเท้าเขาตลอดเวลา
“ยามนี้เขาอ่อนแอนัก หากจะฆ่าก็ต้องลงมือเดี๋ยวนี้ รีบฆ่ามัน ฆ่ามัน!
ฆ่ามันเลย ไม่มีผู้ใดแย่งนางไปจากเจ้าได้
ยังรออะไรอีก? ฆ่ามันซะ!”
เงาดำไม่หยุดสะกดจิตประมุขศักดิ์สิทธิ์ โลกของประมุขศักดิ์สิทธิ์เริ่มหมุนวน ทันใดนั้นเสียงของเงาดำก็ดังขึ้นทั้งไกลและใกล้ อยู่ในหูของเขา พุ่งชนหัวใจของเขา
“เร็วสิ
ฆ่ามัน
ใช้ดาบในมือเจ้า”
ดวงตาของประมุขศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ พร่ามัว เขาเดินมาด้านหน้าประมุขมาร ยกดาบในมือขึ้น
มือของเขาเริ่มสั่นเทา
“อย่ารีรออีกเลย มันคือประมุขมาร มีไข่มุกมารที่ประมุขมารคนก่อนบำเพ็ญมาตลอดชีวิตอยู่ภายในกาย หากตอนนี้เจ้าไม่ลงมือ อย่างไรเสีย สุดท้ายเขาก็ต้องกลายเป็นมารอย่างสมบูรณ์ ถึงยามนั้น เขาจะจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใคร เจ้าเป็นใคร เขาจะฆ่าเจ้า ฆ่าเยี่ยนเสี่ยวซื่อ ฆ่าทุกคน
รีบลงมือเลย รีบกำจัดหายนะนี้ซะ
เจ้ายังลังเลอะไรอยู่? เจ้ากลัวว่าเยี่ยนเสี่ยวซื่อจะโศกเศร้าหรือ? นางจะเศร้าได้อย่างไร? เจ้าทำเพื่อนาง เขาจะไม่มีทางกลับชาติมาเกิด ไม่อาจดูแลนางไปตลอดชีวิต แต่เจ้าทำได้”
ดาบของประมุขศักดิ์สิทธิ์พุ่งใส่ประมุขมาร
จู่ๆ เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็เบิกตาโพลง “ท่านพี่โจวจิ่น!”
เสียงเรียกท่านพี่โจวจิ่นที่ออกจากปาก แม้แต่ตัวนางเองก็ยังตกใจ
ร่างของประมุขศักดิ์สิทธิ์ชะงัก ทว่าก็สายเกินไปที่จะยั้งดาบกลับคืนมา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อหมุนตัวบังด้านหน้าประมุขมาร รับดาบแทนเขา
ทว่าดาบไม่ทะลุร่างกายนาง ทันทีที่นางวิ่งเข้าโผกอดประมุขมาร ประมุขมารก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาโอบรอบเอวอ่อนนุ่มของนาง หมุนตัวกลับ วางนางลงราบกับพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม ดาบกลับแทงจากหลังทะลุหน้าอกของเขา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อตะโกนลั่น “ท่านพี่เสี่ยวเจา——”
เลือดกระเซ็นเปื้อนใบหน้าของประมุขศักดิ์สิทธิ์ ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็พลันได้สติกลับคืน มองเสี่ยวเจาที่ล้มอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ แล้วก็มองดาบในมือตน สองตาดำมืดล้มลงกับพื้น
ไอโลหิตของเยี่ยนเสี่ยวซื่อพลุ่งพล่าน วิญญาณมังกรได้โอกาสปั่นป่วนทะเลดาว ในที่สุดเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็สลบไป
……………..
เส้นทางเลื่อนขั้นแห่งเผ่ามารที่เพิ่งรับตำแหน่ง ในที่สุดก็ถูกคนเลื่อนขั้นเป็นเซียนขึ้นไป คนผู้นั้นเบื่อหน่าย เลื่อนขั้นขึ้นมาไม่นานก็อยากกลับไป และยังพาคนทั้งสามไปกับเขาด้วย
ถูกคนเลื่อนขั้นผ่านขึ้นไปวันแรก จะแบกรับคนทั้งสี่ผ่านร่างไปพร้อมกันได้อย่างไร?
หลังจากนั้นคนผู้นั้นก็ทิ้งไข่แดงไว้ให้มันสองฟอง
…ไข่ที่เป็นสีแดงสุดพิเศษ!
ประมุขมารตื่นขึ้นก็พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงที่ไม่คุ้นเคย เยี่ยนเสี่ยวซื่อนอนหลับอยู่ข้างๆ เขา วิญญาณมังกรโบราณในร่างกายของเยี่ยนเสี่ยวซื่อถูกระงับด้วยไอปราณของวิชาอายุวัฒนะ เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็จะสามารถย่อยได้เองอย่างช้าๆ
เหตุใดถึงมีวิชาอายุวัฒนะ?
ประมุขมารตกใจมาก จากนั้นก็พบว่าอาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว
เขาผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความประหลาดใจ ก็เห็นประมุขหลินกับลูกน้องผู้บำเพ็ญมารเฝ้าอยู่ข้างเตียง
ไม่ต้องเอ่ย ตัวตนของผู้บำเพ็ญมารถูกเปิดโปงแล้ว แต่คนของนิกายศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ได้จัดการเขา
เมื่อเห็นเขาตื่นขึ้น ผู้บำเพ็ญมารก็ทอดถอนใจด้วยความโล่งอก ก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยว่า “ท่านประมุขมาร! ในที่สุดท่านก็ตื่น! ข้าน้อยตกใจแทบตาย!”
ประมุขหลินก็ก้าวไปข้างหน้า เขาอ้าปาก อยากเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ก็ดูเหมือนยากจะเอ่ย
ประมุขมารคลายมือที่จับเยี่ยนเสี่ยวซื่อไว้แน่น ห่มผ้าให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อ ก่อนจะถามผู้บำเพ็ญมาร “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดข้าถึงกลับมา?”
ที่นี่เต็มไปด้วยไอปราณของนิกายศักดิ์สิทธิ์ ก็น่าจะเป็นนิกายศักดิ์สิทธิ์ แต่หากจำไม่ผิด เขาสลบอยู่ที่ดินแดนด้านบน ไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกลับมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย?
“เรื่องนี้หากเล่าคงยาว ต้องขอบคุณปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉา…” ผู้บำเพ็ญมารเล่าเรื่องทั้งหมดที่ปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาขึ้นไปนำคนทั้งสามจากดินแดนด้านบนกลับมายังนิกายศักดิ์สิทธิ์ “ปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาโกรธมาก!”
โกรธที่บุรุษตัวเหม็นสองคนลักพาตัวบุตรสาวอันเป็นที่รักของเขาไป และโกรธประมุขมารที่จับมือบุตรสาวแน่น จนดึงออกไปไม่ได้ หากไม่ได้ฮูหยินห้ามไว้ ปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาคงใช้ขวานสับประมุขมารไปแล้ว
ประมุขมารกระแอมในลำคออย่างกระอักกระอ่วน “แค่ก ข้าจะไปขอโทษเขาที่นิกายเซียนทีหลัง จริงสิ แล้วประมุขศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าละ? จิตมารของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
คนที่เขาถามคือประมุขหลิน
ความจริงตั้งแต่ตอนที่ต่อสู้กับผู้บำเพ็ญในแดนลับ ประมุขมารก็รู้สึกถึงความผิดปกติของประมุขศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ในขณะนั้น เขาไม่ได้นึกถึงจิตมาร จนกระทั่งประมุขศักดิ์สิทธิ์ใช้ดาบแทงตน เขาถึงสัมผัสพลังของจิตมารได้
ใครจะคิดว่าประมุขศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นดั่งพระพุทธเจ้าจะก่อกำเนิดจิตมาร?
เมื่อใดที่ผู้บำเพ็ญมีจิตมาร ขาข้างหนึ่งก็ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางมารแล้ว มีเพียงการกำจัดจิตมารให้เร็วที่สุดเท่านั้น จึงจะสามารถกลับสู่วิถีธรรมของตน
จิตมารไม่ง่ายที่จะกำจัด ทว่าด้วยจิตใจของประมุขศักดิ์สิทธิ์ ไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่
อย่างน้อยประมุขมารก็คิดเช่นนั้น
ทว่าสีหน้าของประมุขหลินกลับหนักอึ้ง
ประมุขมารถามอย่างประหลาดใจ “ทำไมรึ? ประมุขศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าเก่งกาจเพียงนั้น แม้แต่จิตมารก็ฆ่าไม่ตายหรือ?”
ประมุขหลินกล่าวอย่างเจ็บปวด “มิใช่เขาฆ่าไม่ตาย แต่เขาไม่ต้องการฆ่ามัน”
จิตมารของประมุขศักดิ์สิทธิ์…คือโจวจิ่น
ยามที่ทุกคนทราบถึงการกลับชาติมาเกิดของประมุขศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนไม่คิดว่าชีวิตชาตินี้สำคัญแต่อย่างใด ประมุขศักดิ์สิทธิ์อยู่มาเป็นหมื่นปี ไหนเลยระยะเวลาเพียงสิบเอ็ดสิบสองจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้? นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย และสามารถละทิ้งได้อย่างสมบูรณ์
เกรงว่ายามประมุขศักดิ์สิทธิ์บำเพ็ญก็คิดเช่นนั้น
เขาระงับทั้งหมดที่เป็นของโจวจิ่น โดยคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป ตนก็จะค่อยๆ วางเรื่องของโจวจิ่นลงได้ จนกระทั่ง…เขากลายเป็นจิตมารของตน
นี่คือบ่วงอารมณ์ของประมุขศักดิ์สิทธิ์
หากฆ่าจิตมารได้ ก็จะสามารถตัดบ่วงอารมณ์
แต่เขาไม่อยากทำเช่นนี้
ระหว่างประมุขศักดิ์สิทธิ์กับโจวจิ่น เขาเลือกอย่างหลัง
“เจ้าหมายความว่า…เขากลายเป็นจิตมารหรือ? เขาจะตกไปในเส้นทางมารได้อย่างไร? เขาไม่สนใจความเป็นตายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ…” ประมุขมารเอ่ยได้ครึ่งหนึ่ง ก็รู้สึกได้ถึงพลังแปลกประหลาดและมหาศาลที่พวยพุ่งออกมา
ครั้งแรกในชีวิต ที่เขาได้รู้แจ้งการกลับชาติมาเกิดหกครั้ง
คนเผ่ามารไม่อาจรับรู้ถึงการกลับชาติมาเกิด พวกเขาเป็นคนที่ถูกกันจากการกลับชาติมาเกิด เว้นแต่…ในตัวของเขามีพลังแห่งการกลับชาติมาเกิด แต่นี่เป็นไปได้อย่างไร?
เขาเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตา “นี่คือ…”
ประมุขหลินพยักหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ “พลังแห่งประมุขศักดิ์สิทธิ์”
“ประมุขศักดิ์สิทธิ์ ท่านต้องการทำเช่นนี้จริงๆ หรือ?” ประมุขหลินจำได้ว่าตนคุกเข่าอ้อนวอนเขา
ประมุขศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “เขาเป็นร่างรวมของเผ่าศักดิ์สิทธิ์และมาร สามารถแบกรับพลังของวิญญาณมาร และสามารถรองรับพลังของประมุขศักดิ์สิทธิ์ บางทีในโลกที่มองไม่เห็นอาจกำหนดไว้ ไม่เช่นนั้น เขาจะปรากฏตัวอย่างเหมาะสมเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาถูกกำหนดให้เป็นเจ้าแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง รวมดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับจิ่วโยวแห่งแดนมาร ช่วยข้าให้พ้นจากทะเลแห่งทุกข์”
ยามนั้นประมุขหลินร้องไห้ออกมา “เหตุใดท่านกล่าวว่าตนอยู่ในทะเลแห่งทุกข์? หรือว่าตลอดหลายปี…”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์มองดูฟ้าไกลและยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ตลอดหลายปี มีเพียงยามที่เป็นโจวจิ่น ข้าถึงได้มีความสุขอย่างแท้จริง”
ดูเหมือนเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนยอมแพ้นั้นเป็นอย่างไร
ละทิ้งตัวตนของประมุขศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นจิตมาร เขาจะไม่มีชีวิตชาติภพหน้าอีกต่อไป
เขาใช้ชีวิตของเขาทำให้ชีวิตของเสี่ยวเจาสมบูรณ์
“ตัวเขาละ?”
“ไปแล้ว” ประมุขหลินตอบ
เสี่ยวเจายกผ้าห่มลุกจากเตียง รีบเดินไปหน้าเตียง มองดูท้องฟ้าสีคราม
คล้ายกับว่าเขามองเห็นโจวจิ่น
โจวจิ่นหันมาและเอ่ยกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าเอาแต่ดูแลนางไปตลอดชีวิตละ”
(จบบริบูรณ์)