หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 8 ต้าเป่าผู้ปราดเปรื่อง!
ชายชราผมขาวเห็นสีหน้าเย็นเยียบของต้าเป่า เขาไม่เข้าใจว่าเด็กคนหนึ่งจะเอาความกล้าหาญเช่นนี้มาจากไหน ถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้กับผู้ที่มีพลังสูงส่งอย่างเขาได้
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งหาคำตอบ ชายชราตระหนักได้ว่าต้าเป่ากำลังจริงจัง หากตนไม่ยอมไปเก็บผลไม้ละก็ ต้าเป่าก็จะให้นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ส่งเขาลงไปยังหุบเหวลึกหมื่นจั้งเบื้องล่างอย่างแน่นอน
หากเป็นเมื่อก่อน อย่าว่าแต่หุบเหวลึกหมื่นจั้งเลย ต่อให้เป็นแดนมังกรเขาก็กล้าไปเยือน ติดก็ตรงที่วรยุทธ์ของเขาฟื้นฟูไม่ได้แล้วน่ะสิ แต่บุรุษอกสามศอกอย่างไรไม่เสียเปรียบง่ายๆ หรอก!
แม้ว่าการเก็บผลไม้จะอันตราย แต่หากตนระมัดระวังสักหน่อย โอกาสที่จะตกลงไปในเหวก็จะมีเพียงน้อยนิด
“อะแฮ่ม” ชายชรากระแอม “พวกเจ้าจะกินกี่ผล”
สิ่งเขาไม่คาดคิดก็คือ ต้าเป่าไม่ได้ให้นกหลวนศักดิ์สิทธิ์คาบชายชรากลับมา แต่กลับเขียนต่อไปว่า ‘ข้าให้โอกาสท่านพูดอีกครั้ง’
ชายชรางุนงงเหลือเกิน ข้าพูดอะไรผิดอีกเล่า เจ้าไม่ได้จะให้ข้าเก็บผลไม้ให้หรอกหรือ? ข้าถามพวกเจ้าว่าจะกินกี่ผลยังฟังดูไม่จริงใจมากพออีกหรืออย่างไร?
ช้าก่อน เมื่อครู่เขาพูดอะไรไป
‘อ้วนขนาดนี้ยังจะกินๆๆๆ อยู่นั่นละ!’
ความคิดแล่นปราดผ่านสมองของชายชรา เขายิ้มแหย แล้วกล่าวว่า “ข้าหมายถึงข้าอ้วนขนาดนี้ ยังจะกินๆๆ อยู่ได้ พวกเจ้าไม่อ้วน พวกเจ้าน่ารักที่สุด!”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อสะอึกสะอื้น สุดท้ายก็หยุดร้องไห้
ที่แท้ก็ไม่ได้ให้เขาไปเก็บผลไม้ เพียงแต่ให้เขาเปลี่ยนคำพูดของตนเป็นคำชมสินะ ชายชราถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ไหนเลยจะรู้ว่าวินาทีต่อมา ต้าเป่าก็เขียนอีกว่า ‘หนึ่งร้อยผล’
ชายชราตะลึงงัน จึงตระหนักได้ว่าต้าเป่าตอบคำถามเมื่อครู่ของตน จำเป็นต้องข้ามไปข้ามมาเช่นนี้เชียวหรือ? เขาแทบตามไม่ทันแล้ว!
อีกอย่าง หนึ่งร้อยผลนี่มันอะไรกัน
จะให้เขาเก็บถึงเช้าเลยรึ?
ครั้งนี้ต้าเป่าวางใจให้เขาไปโดยลำพัง ไม่ได้สั่งให้นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ตามไปจับตาดู
เหตุที่อยู่ๆ ต้าเป่าก็วางใจขึ้นมา ไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ต้าเป่าเข้าใจผิด แต่เป็นเพราะทั้งสวนผลไม้นั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกดำขนาดใหญ่ ทุ่งหญ้าที่พวกเขายืนอยู่นั้นเป็น ‘ดินแดนสุขาวดี’ เพียงแห่งเดียว และยังนับว่าเป็นทางออกเพียงทางเดียว ขอเพียงชายชรายังมีชีวิตอยู่ เขาย่อมต้องรีบเก็บผลไม้แล้วกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่เพื่อปกป้องพวกเขา
แน่นอนว่าชายชราเดาแผนการของต้าเป่าออก เขาอดสงสัยไม่ได้ ว่าแผนการของเด็กคนนี้เปลี่ยนไปมาอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งก็จะคำนึงถึงผลประโยชน์อันสุดโต่ง ยามอยู่ในถ้ำ เด็กคนนี้ให้นกหลวนศักดิ์สิทธิ์พาเขาออกไปสำรวจเส้นทางนับว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ยามหาอาหาร เด็กคนนี้ก็รู้ว่าการพาพวกเขาทุกคนมาพร้อมกันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในตอนนี้ เมื่อต้องเก็บผลไม้ แน่นอนว่าการให้ตนเสี่ยงชีวิตไปเก็บผลไม้ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไร ตนก็ต้องกลับไปที่เดิม และถ้าหากเขาไม่ทันระวัง ไปแหวกหญ้าให้งูตื่นเข้าละก็ นกหลวนศักดิ์สิทธิ์จะได้พาเด็กทั้งสี่หลบหนีได้ทันท่วงที
ชายชราเริ่มจะสงสัยแล้วว่าพ่อแม่ประเภทไหนที่มีลูกวิปลาสเช่นนี้ได้
มิผิด คำนิยามที่เขามีต่อต้าเป่านั้นเปลี่ยนจากฉลาดเฉลียวเป็นแปลกประหลาด และเปลี่ยนจากประหลาดเป็นวิปลาสไปแล้ว
โชคดีที่ในสวนแห่งนี้มีผลไม้จำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องเดินเข้าไปข้างในก็สามารถเก็บผลไม้ได้มากมาย เขาไม่รู้ว่าผลไม้เหล่านี้คืออะไร ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต แต่ละลูกขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับไข่ห่าน สีแดงสด ผิวนุ่ม เมื่อเด็ดมาแล้วค่อนข้างหนัก คล้ายกับจะเป็นผลไม้ที่มีน้ำมาก
เขาสุ่มเก็บมาจำนวนหนึ่ง ใช้แขนกอบไว้ และรีบร้อนกลับมายังลานว่าง แล้ววางผลไม้ลงบนพื้น
ต้าเป่ากวาดสายตาไป เขายกปากกาขึ้นมาเขียนว่า ‘ขาดอีกเจ็ดผล’
ชายชรา “…!!”
นับแล้วหรือถึงได้รู้ว่าขาดเจ็ดผล!
ชายชราไม่เชื่อเป็นอันขาด เขาก้มลงไปนับรอบหนึ่ง เวรเอ๊ย! เก้าสิบสามลูก!
ที่เจ้าบอกว่าหนึ่งร้อยลูก หมายความว่าหนึ่งร้อยลูกพอดิบพอดีอย่างนั้นรึ เด็กอายุสี่ขวบต้องเข้มงวดเช่นนี้เลยหรือ?
ข้าคิดเสียอีกว่าตนเองเก็บมาได้หนึ่งร้อยกว่าลูกแล้ว มีเหลือถมเถไป!
“ไอ้หยา ยังขาดอีกเจ็ดผล…อ่า…”
ชายชรายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ผลักกลับเข้าไปในสวนผลไม้แล้ว
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางประหนึ่งกำลังบอกว่า ‘ถ้าเจ้าเก็บไม่ครบก็ไม่ต้องกลับมา’
ชายชราปวดใจเหลือเกิน แต่เขาไม่อยากพูดออกไป
ชายชราเก็บผลไม้อีกเจ็ดผล อันที่จริงเขาเก็บมาได้มากกว่านี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขากังวลว่าถ้าหากตนเก็บไปไม่พอดี เจ้าเด็กนั่นก็จะเล่นงานเขาอีก!
ขณะที่ชายชราวางผลไม้สีแดงสดเจ็ดลูกสุดท้ายไว้ตรงหน้าต้าเป่า ต้าเป่าก็ตอบว่า ‘อืม’ อย่างพึงพอใจ
ต้าเป่าส่งผลไม้ให้ชายชราผลหนึ่ง
ชายชราหัวเราะ “ยังรู้จักเคารพผู้อาวุโส ใช้ได้”
เขาพูดไปพลางกัดผลไม้เข้าปาก เปลือกของผลไม้สีแดงมีรสฝาด แต่น้ำของผลไม้ซึ่งมีสีขาวกลับหวานฉ่ำ แลดูแปลกประหลาด แต่รสชาติกลับอร่อยคล้ายนมเปรี้ยว
เมื่อต้าเป่าเห็นว่าเขากินหมดแล้ว ก็เขียนบอกน้องชายว่า ‘ไม่มีพิษ พวกเจ้ากินเถอะ’
ชายชราตะลึงงัน
นี่พวกเจ้าให้ข้าทดลองยาพิษหรอกรึ!!!
เด็กทั้งสามเห็นเขาขมวดคิ้วยามกัดโดนเปลือกผลไม้ จึงแกะเปลือกทิ้งไป และกินน้ำข้างใน สำหรับพวกเขาแล้ว น้ำผลไม้นี้มีรสชาติคล้ายกับนมแพะ แต่ว่าหวานและเข้มข้นกว่า
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเห็นน้ำนมสีขาว ก็พลันรู้สึกหิวขึ้นมา “อุแว้ๆ!”
ต้าเป่าหยิบผลไม้ขึ้นมาสามสี่ผล แล้วเทน้ำลงในขวดนม ให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อดื่ม
เยี่ยนเสี่ยวซื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่น้ำนม ดังนั้นจึงมิได้ร้องให้ต้าเป่าป้อนนม นางนั่งอยู่ที่พื้น แล้วยกขวดนมขึ้นมาดื่มเองอย่างว่าง่าย
“คู้~” นกหลวนศักดิ์สิทธิ์มองไปยังกองผลไม้ คล้ายกับบอกว่ามันเองก็หิวเหมือนกัน
ต้าเป่าส่งผลไม้ให้มันยี่สิบผล
ไหนเลยจะรู้ว่านกหลวนศักดิ์สิทธิ์ดันผลไม้เหล่านั้นกลับคืนให้ต้าเป่า มันใช้จะงอยปากจิ้มไปยังเปลือกผลไม้แห้งๆ
ต้าเป่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็หยิบเปลือกผลไม้ชิ้นหนึ่งขึ้นมา แกะเมล็ดซึ่งอยู่ด้านใน แล้วถามมันด้วยสายตาว่า ‘เจ้าจะกินอันนี้หรือ?’
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์กระพือปีกด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นมันก็ถอยหลังไป เพื่อให้อยู่ห่างจากต้าเป่า แล้วอ้าปากกว้างออกมา
ต้าเป่าคล้ายกับจะเข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร จึงโยนเมล็ดผลไม้ให้มัน นกหลวนศักดิ์สิทธิ์เงยหน้ารับ แล้วกลืนเมล็ดทั้งหมดเข้าไป จากนั้นมันก็พ่นไฟออกมา
ทุกคนต่างตื่นตะลึง!
เจ้านกยักษ์…เจ้าพ่นไฟได้ด้วยหรือ?
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์แลดูพึงพอใจกับความตื่นเต้นของทุกคน และอาจพึงพอใจกับสิ่งที่มันทำด้วย มันคาบเปลือกผลไม้ส่งให้ต้าเป่าอีก จากนั้นก็ถอยหลังไป เพื่อให้ต้าเป่าป้อนเมล็ดผลไม้ให้มัน
ต้าเป่าให้มันกินหนึ่งเมล็ด
หลังจากที่กินเข้าไป มันก็พ่นเมล็ดออกมา
“อุว้าอุว้า!” เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ดื่มน้ำผลไม้อีกต่อไปแล้ว นางตบมือด้วยความตื่นเต้น
ต้าเป่ามองนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ด้วยความงุนงง สรุปแล้วมันไม่ได้หิว แต่อยากพ่นไฟ?
สิ่งที่เด็กๆ สนใจนั้นเป็นเรื่องความสนุกสนาน แต่ชายชรากลับมิได้สนใจเรื่องนี้ นี่มันผลไม้อะไรกัน เมื่อนกหลวนศักดิ์สิทธิ์กินเมล็ดเข้าไปก็พ่นไฟออกมาได้ เขาพ่นไฟบ้างได้ไหมนะ?
เขาตัดสินใจแกะเมล็ดผลไม้ออกมา เมล็ดผลไม้ชนิดนี้ไม่ต่างอะไรกับเมล็ดของลูกท้อ ทว่าเมื่อกินเข้าไปแล้วค่อนข้างแข็ง แต่ถ้ากินแล้วพ่นไฟได้จริงๆ ละก็ ลองดูสักหน่อยจะเป็นไรไป
ชายชราตัดสินใจกินเมล็ดผลไม้เข้าไป เขาก็อยากพ่นไฟเหมือนกัน!
สรุปแล้ว เขาพ่นไฟได้จริงหรือไม่นั้นไม่อาจรู้ได้ เพราะเขาสำลักเสียก่อน!
ต้าเป่าและนกหลวนศักดิ์สิทธิ์เล่นกันอยู่สามครั้งก็หยุดลง ท่านแม่เคยบอกว่าไฟเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดในธรรมชาติ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่ไม่อาจเอาชนะได้ คบเพลิงจะทำให้มันกลัว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เมล็ดเหล่านี้ก็เก็บเอาไว้ใช้ยามคับขันก็แล้วกัน
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ยังมีท่าทีลังเล แต่ต้าเป่าบอกกับมันว่าเมล็ดผลไม้ทั้งหมดนี้เป็นของมัน จะให้มันเล่นภายหลัง มันจึงรู้สึกดีใจขึ้นมา
สี่พี่น้องกินผลไม้ไปทั้งหมดยี่สิบผล นอกจากเมล็ดสามเมล็ดที่ป้อนให้นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ไป พวกเขาเหลืออยู่อีกสิบเจ็ดเมล็ด
ต้าเป่าเทตำราในกระเป๋าของน้องชายออกมา แล้วใส่ผลไม้ที่เหลืออยู่เข้าไป
ส่วนเมล็ดผลไม้นั้นมีขนาดเล็ก ใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเยี่ยนเสี่ยวซื่อได้พอดิบพอดี
หลังจากที่เห็นนกหลวนพ่นไฟไปสามครั้ง เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็เห็นถึงความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างเมล็ดและเปลวไฟ นางตบกระเป๋าเสื้อด้วยความพึงพอใจในการตัดสินใจของต้าเป่า!
เสี่ยวเป่าเห็นว่าสมุดการบ้านถูกลมพัดลอยละล่อง จึงเบ้ปากถามว่า “การบ้านเพิ่งทำเสร็จ จะไม่เอาแล้วหรือ?”
เอ้อร์เป่าพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ ถ้าอาจารย์ถามจะทำอย่างไร”
ต้าเป่าเหลือบมองทั้งสอง แล้วหยิบสมุดการบ้านอันว่างเปล่าขึ้นมาเปิดดู พวกเจ้าทำแล้วจริงหรือ?
เสี่ยวเป่าซึ่งไม่เคยทำการบ้าน “…”
เอ้อร์เป่าซึ่งฉวยโอกาสในจังหวะชุลมุน “…”
กระแสลมแรงพัดมา หมอกหนากระจายเป็นวงกว้าง ภายในชั่วพริบตาเดียว ท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกดำ พวกเขาไม่อาจแยกแยะทิศทางได้ ทำได้เพียงพักอยู่ที่เดิม รอให้ฟ้าสางแล้วค่อยว่ากัน
ชายชราสำลักเมล็ดผลไม้จนสลบไป
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์นอนอยู่ที่พื้น เด็กทั้งสามถูกมันโอบไว้ เยี่ยนเสี่ยวซื่ออยู่ในอ้อมอกของต้าเป่า นกหลวนศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องพวกเขา
“ต้าเป่า ข้าคิดถึงท่านแม่”
“ข้าก็เหมือนกัน ข้าคิดถึงท่านพ่อด้วย”
“อุว้าอุว้า”
ต้าเป่าลูบศีรษะน้องชายและน้องสาว
“นอนเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้ากลับบ้าน”
เสี่ยวเป่ากำลังงัวเงีย เขาพึมพำว่า “ต้าเป่า…เจ้าพูดแล้วหรือ…”
ราตรีเงียบสงัด ทุกคนหายใจอย่างสม่ำเสมอ
ทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีเถาวัลย์สีดำทะมึนงอกขึ้นมาจากพื้นดิน ราวกับเป็นมือของปีศาจ พันเข้าที่ข้อเท้าของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
……………………..