หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 9 เสี่ยวเป่าฟันเหล็ก!
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงชายชราผมขาวซึ่งหมดสติไป เยี่ยนเสี่ยวซื่อกำลังหลับสบาย ก็ช่วยไม่ได้ พวกเขายังเป็นเด็กวัยเจริญเติบโต พวกเขาต้องนอนให้มาก อีกทั้งยังเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน หากจะบอกว่าต่อให้ฟ้าผ่าพวกเขาก็ไม่รู้ตัวก็คงจะไม่เกินจริง
คนแรกที่สะดุ้งตื่นก็คือนกหลวนศักดิ์สิทธิ์
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์เป็นสัตว์ที่แข็งแกร่ง เป็นเพราะมันแข็งแกร่ง การตื่นตัวจึงมีน้อยกว่าสัตว์เล็ก ไม่เช่นนั้นหากสัตว์ยิ่งตัวเล็ก การตื่นตัวก็ต่ำ พวกมันไม่สูญพันธุ์พอดีหรือ? ในทางกลับกัน สัตว์อย่างนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ก็ใช่ว่าจะทำตัวจองหองพองขนไปทั่ว
แต่ว่า ในตอนที่เถาวัลย์นั้นกำลังลากเยี่ยนเสี่ยวซื่อออกไป นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ก็สัมผัสได้ว่าใต้ปีกของตนมีบางอย่างกำลังถูไถไปมา มีแรงมากเช่นนี้ หากไม่ตื่นก็แปลกแล้ว
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ลืมตาขึ้นทันใด มันปกป้องเด็กตามสัญชาตญาณ
แรงของเถาวัลย์ถูกสกัดไว้ ทว่ามันก็ยังไม่หยุด แต่กลับเพิ่มแรงขึ้นอีก สะบัดจนเยี่ยนเสี่ยวซื่อถูกลากออกมาจากปีกของนกหลวนศักดิ์สิทธิ์
กระนั้นในจังหวะที่มันลากออกไปนั้นเอง เถาวัลย์ก็คล้ายกับแยกกิ่งไม้นุ่มออกมา เพื่อป้องกันเยี่ยนเสี่ยวซื่อตื่นขึ้น และดึงเยี่ยนเสี่ยวซื่อออกมาอย่างนุ่มนวล
เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังคงหลับสนิท
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์หันหน้าไปมองเยี่ยนเสี่ยวซื่อ จากนั้นก็มองไปยังเด็กทั้งสามซึ่งยังคงอยู่ใต้ปีกของมัน มันเริ่มไม่พอใจแล้ว!
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์กระพืออีก อ้าปากงับเถาวัลย์นั้น
เมื่อเถาวัลย์ถูกนกหลวนศักดิ์สิทธิ์งับโดยไม่ทันตั้งตัว มันก็ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มลากต่อไป นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ยังคงงับต่อไป ไม่ยอมปล่อย ต่างฝ่ายต่างออกแรงทึ้งกันไปมา
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ร่างสูงใหญ่ พละกำลังมหาศาล กระนั้นเถาวัลย์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะยามที่เถาวัลย์เพียงเส้นเดียวนั้นทำอะไรไม่ได้ มันจึงงอกเถาวัลย์เพิ่มขึ้นมาอีกหลายเส้น
ภายในชั่วพริบตาเดียว เถาวัลย์เจ็ดแปดเส้นก็โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน มัดนกหลวนศักดิ์สิทธิ์จนแน่น
เถาวัลย์เหล่านั้นพันแน่นขึ้นเรื่อยๆ มัดนกหลวนศักดิ์สิทธิ์จนแทบขยับไม่ได้
แต่นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ยอมให้เถาวัลย์ทำร้ายเด็กทั้งสาม มันจึงไม่ยอมขยับปีก และใช้ปีกต้านกับเถาวัลย์ ทว่ากลับมีเถาวัลย์อีกเส้นหนึ่งโผล่ขึ้นมามัดปีกของมันไว้แน่น!
ขณะที่ปีกของมันกำลังจะบีบเด็กน้อยทั้งสาม ทันใดนั้นเอง ดาบก็พุ่งเข้ามาตัดเถาวัลย์เส้นนั้น ปีกของนกหลวนศักดิ์สิทธิ์เป็นอิสระ ขนของมันปัดผ่านใบหน้าของเด็กทั้งสาม จนพวกเขาตื่นขึ้น
“เอ๋?” เสี่ยวเป่าขยี้ตา “เกิดอะไรขึ้น ต้าเป่า เอ้อร์เป่า น้องเล็ก”
“น้องเล็กละ?” เอ้อร์เป่ามองไปด้านข้าง น้องเล็กหายไปแล้ว!
ต้าเป่าลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าน้องสาวซึ่งกำลังหลับสนิทถูกเถาวัลย์ลากไปแล้ว
ต้าเป่านัยน์ตาเย็นเยียบ หยิบมีดสั้นขึ้นมาปักลงบนเถาวัลย์
เถาวัลย์นั้นส่งเสียงร้องแหลม
ในตอนนั้นเอง แม้แต่ชายชราก็ต้องตะลึงงัน
เมื่อครู่เขาใช้ดาบของตนตัดเถาวัลย์ แต่เถาวัลย์กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากนัก แต่เด็กคนนี้ใช้มีดอะไรกัน เถาวัลย์จึงกรีดร้องออกมาเช่นนั้น
“น้องเล็กๆๆๆ!” เสี่ยวเป่ายื่นมือออกไปหาเยี่ยนเสี่ยวซื่อ น่าเสียดายที่เขาถูกผูกติดกับนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงใช้สองมือจับเถาวัลย์ขึ้นมา “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าไม่ปล่อย ข้าๆๆ …ข้าจะกัด!”
เถาวัลย์: เหอะๆๆ เจ้ากัดสิ!
เถาวัลย์ปีศาจพันปี ไหนเลยจะกลัวฟันของเด็ก
แม้ว่าเถาวัลย์นี้จะดูสกปรกไปสักหน่อย แต่เพื่อน้องสาว เขาก็ยอม!
เสี่ยวเป่าอ้าปากกัดเถาวัลย์
เถาวัลย์ “…”
เถาวัลย์ “!!!”
โถ่เว้ย!
เจ็บจริงๆ!
เถาวัลย์ส่งเสียงกรีดร้องชวนขนลุก
ชายชราสับสนเหลือเกิน ไม่ใช่แล้ว มีดสั้นนั่นร้ายกาจยังพอเข้าใจได้ อย่างไรเสียก็เป็นอาวุธ แต่เจ้ากลับใช้ฟัน กัดจนเถาวัลย์ร้องเช่นนั้น นี่มันเรื่องอะไรกัน
“ข้าจะกัด! กัด! กัดๆๆๆ!” เสี่ยวเป่ากัดไม่หยุด จนเถาวัลย์ซึ่งพันอยู่บนหลังของนกหลวนศักดิ์สิทธิ์เลื้อยหนีไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราเห็นคนใช้ฟันกัดเถาวัลย์ปีศาจ ถ้าหากเขาเข้าใจถูกต้อง ฟันของเด็กคนนี้เป็นเพียงฟันน้ำนมไม่ใช่หรือ? ฟันน้ำนมยังยอดเยี่ยมเช่นนี้ หากฟันแท้ขึ้นไม่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าเลยหรือ?
เสี่ยวเป่ากัดจนวินาทีสุดท้าย เถาวัลย์เหล่านั้นไม่มาเกาะเกี่ยวอยู่บนตัวพวกเขาอีก มันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดลากเยี่ยนเสี่ยวซื่อไป
ชายชรามั่นใจแล้วว่าต้าเป่าเป็นผู้ที่ชะตากำหนดของตน ขอแค่อีกฝ่ายไม่ได้จับต้าเป่าไป ชายชราก็จะทำตัวเป็นผู้ชมอยู่ข้างสนาม แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้ต้าเป่าถือมีดสั้นตามไปแล้ว!
ชายชราไม่อยากลงมือแต่ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ เขากวัดแกว่งดาบของตน ตัดเถาวัลย์ซึ่งพันเยี่ยนเสี่ยวซื่อไว้
กระนั้นแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ เถาวัลย์ปีศาจเส้นหลักนั้นแข็งแกร่งกว่าเถาวัลย์ปีศาจอื่นๆ แม้ว่าเขาจะใช้พลังทั้งหมดที่มี แต่กลับทำให้มันมีรอยบากได้เพียงเล็กน้อย เท่านี้ยังไม่พอ สิ่งที่เลวร้ายไปกว่าก็คือ การลงมือในครั้งนี้ของเขา ทำให้เถาวัลย์ปีศาจเดือดดาล เถาวัลย์ปีศาจทั้งหมดจึงพุ่งเข้าโจมตีชายชราและเด็กทั้งสาม
“นกหลวนศักดิ์สิทธิ์!” ต้าเป่าใช้ภาษาเฟิ่งเรียกมัน
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์จับต้าเป่าขึ้นมา ต้าเป่าคว้ากระเป๋าหนังสือของเสี่ยวเป่า แล้วหยิบผลไม้ออกมา หลังจากบีบจนแตก ก็แกะเมล็ดของมันออกมา
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์กินเมล็ดผลไม้เข้าไป ก็พ่นไฟใส่เถาวัลย์ปีศาจ
ไฟนี้ไม่ใช่ไฟธรรมดา เถาวัลย์ปีศาจส่งเสียงร้องเสียดโสตประสาทออกมา
ต้าเป่าถือโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อน แกะผลไม้อีกสองผล แล้วป้อนเมล็ดให้นกหลวนศักดิ์สิทธิ์กิน
เมล็ดของผลไม้ถึงสองเมล็ดนั้นย่อมให้เปลวไฟที่รุนแรงกว่า เปลวไฟระลอกที่สองพวยพุ่งออกไป เผาไหม้เถาวัลย์ไปเกินครึ่ง
เถาวัลย์ค่อยๆ หดกลับไป แต่มันก็ยังคงดึงดันไม่ยอมปล่อยเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
ใช้ไฟก็ไม่ได้แล้ว อย่างไรเสียต้าเป่าก็ไม่แน่ใจว่าน้องสาวของตนทนไฟหรือไม่ ถ้าหากนางไม่ทนไฟขึ้นมา จะไม่นับเป็นการทำร้ายน้องหรอกหรือ?
“น้องเล็กให้พวกข้าจัดการเอง!”
“น้องเล็ก!”
เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่าวิ่งเตาะแตะเข้าไปหาเถาวัลย์ปีศาจ
ต้าเป่าตัดสินใจขี่นกหลวนศักดิ์สิทธิ์เพื่อโจมตีอีกฝ่ายซึ่งหน้า แต่ว่าทันใดนั้นเอง เถาวัลย์ปีศาจเส้นหลักก็จับเยี่ยนเสี่ยวซื่อเข้าไปซ่อนในต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง
ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้มีใบหนาทึบ ปกคลุมท้องฟ้า นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจบินเข้าไปได้ เด็กทั้งสองก็ปีนขึ้นไปไม่ได้
ชายชราอยากช่วย แต่น่าเสียดาย ตอนนี้วรยุทธ์ของเขายังไม่ฟื้นฟู พลังที่เขาใช้ได้จึงมีขีดจำกัด
ในตอนนั้นเอง ต้าเป่าได้แต่ภาวนาให้น้องสาวตื่นขึ้น เมื่อนางตื่นแล้ว เถาวัลย์ปีศาจเส้นหลักก็จะทำอะไรนางไม่ได้
แต่นางกลับนอนหลับสนิท!
ต้าเป่ารู้สึกว่าเขาเครียดจนผมจะหงอกอยู่แล้ว
ขณะที่ทุกคนกำลังเค้นสมองอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรดี ไม่รู้ว่าเถาวัลย์เส้นหลักเป็นอะไร อยู่ๆ มันก็สั่น จากนั้นก็โยนเยี่ยนเสี่ยวซื่อออกมา ราวกับ…โยนหัวมันร้อนลวกมือทิ้ง แล้วรีบหดกลับลงไปใต้ดิน
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์บินเข้าไปรับเยี่ยนเสี่ยวซื่อมา
“น้องเล็ก!”
“น้องเล็ก!”
เอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่าร้องออกมาด้วยความดีใจ
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์พาต้าเป่าลงมาบนพื้นดิน
ต้าเป่าอุ้มน้องสาวซึ่งยังคงหลับสนิท เมื่อมั่นใจแล้วว่านางไม่เป็นอะไร จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมกับน้องชายทั้งสอง
พวกเขาไม่คิดเลยว่า ยังไม่ทันได้ถอนหายใจ ก็มีตาข่ายขนาดใหญ่หล่นลงมา จนทั้งคนทั้งนกไม่มีโอกาสหนีเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุดชายชราก็รู้แล้วว่าเหตุใดเถาวัลย์จึงไม่ต้องการเหยื่อ ทั้งที่เหยื่อมาอยู่ในมือแล้ว และยังรีบหนีอย่างว่องไว้ เขามองไปยังตาข่ายซึ่งคลุมอยู่บนร่างของพวกเขา ในใจรู้สึกสิ้นหวัง
ราคาที่ต้องจ่ายจากการขโมยผลไม้นั้นได้มาถึงแล้ว!
สามารถทำให้เถาวัลย์ปีศาจหนีหัวซุกหัวซุนได้ พลังของอีกฝ่ายต้องเหนือกว่าที่จินตนาการไว้เป็นแน่ ชายชรา นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ และเด็กทั้งสี่คนถูกทหารสวมชุดเกราะสีดำและทองสองคนนำตัวไปยังคุกใต้ดิน
ขณะที่โดนจับนั้น ตาข่ายตกลงมาก่อน คนถึงได้ตามมา ก่อนที่ทหารของเผ่ามารสองคนเดินเข้ามา ต้าเป่าก็รีบนำน้องสาวซ่อนไว้ในกระเป๋าหนังสือ
หลังจากที่ทหารของเผ่ามารจับพวกเขาขังไว้ในคุกใต้ดิน ก็หันหลังเดินออกไป
ในคุกนั้นมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟ มีเพียงแสงสะท้อนจากมือชื้นๆ ของต้าเป่า ซึ่งเกิดจากที่เมื่อครู่เขาบีบผลไม้จนแตก แสงจันทร์รำไรเล็ดลอดมาจากหน้าต่าง ในยามที่มืดมิดจนยื่นมือออกมาไม่เห็นนิ้วทั้งห้า จึงได้พบว่าแท้จริงแล้วมันก็ส่องแสงได้
ต้าเป่าหยิบกระดาษมาเขียนว่า ‘พวกเขาคือใคร’
“คนเผ่ามาร” ชายชรานั่งอยู่ที่พื้น แผ่นหลังพิงผนังห้อง “ข้าบอกพวกเจ้าแต่แรกแล้ว ว่าอย่าขโมยของคนอื่น ทีนี้เป็นอย่างไร ถูกจับได้เสียแล้ว”
แต่ชายชราก็รู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน คนเผ่ามารจับโจรขโมยผลไม้ได้ เหตุใดไม่จับพวกเขาสังหารทิ้งเสีย ทำไมยังจับพวกเขามาขังไว้อีก นี่มันไม่ใช่วิธีการของเผ่ามาร!
นอกจากนั้น เมื่อเทียบกับเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่ชายชราสงสัยยิ่งกว่าก็คือ แถวนี้มีคนเผ่ามารปรากฏตัว ทั้งยังสร้างคุกใต้ดินเสียเสร็จสรรพ แสดงว่าพวกเขาไม่ได้เพิ่งมาอยู่ที่นี่ เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ที่นี่เป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านหากเดินทางไปยังเผ่าศักดิ์สิทธิ์ มีคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์คอยอารักขา คนเหล่านั้นหายไปไหนหมดแล้วเล่า
ชายชรายิ่งคิดยิ่งนึกถึงในตอนนั้น สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดในตอนนั้นอาจารย์ปู่จึงยืนกรานจะให้เขารอผู้ที่ชะตากำหนดอยู่ข้างนอก
อาจารย์ปู่ไม่ได้บอกว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ที่ชะตากำหนดของใคร เขาจึงคิดว่าเป็นผู้ที่ชะตากำหนดมาเพื่อช่วยตนเอง ทว่าบัดนี้เห็นทีจะไม่ใช่
ผู้ที่เขากำลังรอ…อาจเป็นผู้ที่ชะตากำหนดของทั้งเผ่าศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้
…………………………..