หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 101 เกี้ยวนางยังไม่สมหวัง เฝ้าคำนึงถึงนางทั้งยามตื่นยามหลับ (5)
- Home
- หมอหญิงจ้าวดวงใจ
- ตอนที่ 101 เกี้ยวนางยังไม่สมหวัง เฝ้าคำนึงถึงนางทั้งยามตื่นยามหลับ (5)
หันหมิงชั่นเดินไปด้วยพลางหัวเราะไปด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นางรู้สึกเหนื่อยจนขาอ่อนแรง และอยากจะพักขาที่นี่ สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังพลันเอาพรมหนังหมาป่ามารองบนเก้าอี้หิน ทั้งสองก็นั่งกอดคอกัน
“เยี่ยนอวี่ วันนี้เจ้าอย่าไปไหนเลย อยู่ต่อที่นี่เถอะ” หันหมิงชั่นพิงอยู่บนเรือนร่างของเหยาเยี่ยนอวี่ รองเท้าผ้าไหมสีดำหม่นปักลายผีเสื้อและกล้วยไม้คู่นั้นกำลังขยับขึ้นลงตรงหน้าชายกระโปรง การขยับขาขึ้นลงเช่นนี้ ทำให้เหยาเยี่ยนอวี่ตาลาย
“อืม สภาพข้าเช่นนี้หากยังสามารถนั่งรถม้ากลับไปได้อีก ข้าก็คงจะอาเจียนจนเละรถม้าแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่หลับตาลง นางปล่อยให้ลมหนาวกระทบใบหน้า เพื่อให้ลมหนาวปลุกตนเองให้มีสติ
หันหมิงชั่นนิ่งเงียบไปสักพัก ทันใดนั้นนางจึงเอ่ยขึ้น “เยี่ยนอวี่ ข้าอยากจะกำจัดแผลเป็นนี่ของข้าทิ้งไปเสีย”
“ได้! ข้าสามารถฝังเข็มให้ท่านชา แล้วท่านก็จะไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิดเดียว ข้าจะค่อยๆ ตัดผิวหนังที่ตายแล้วของแผลเป็นออกอย่างเบามือ แล้วใช้ผงยาวิเศษและขี้ผึ้งทาสูตรเฉพาะของข้า หลังจากยี่สิบแปดวันผ่านไป ท่านก็จะได้คืนโฉมหน้าที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ฮ่าๆ…” หลังจากเหยาเยี่ยนอวี่ดื่มจนเมา นางหัวเราะอย่างเหลวไหลไร้เหตุผล ทว่าน้ำเสียงที่เอ่ยออกมากลับเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง
“เช่นนั้นเจ้ารักษาให้ข้าพรุ่งนี้เลย ดีไหม” หันหมิงชั่นพิงอยู่บนไหล่ของเหยาเยี่ยนอวี่ ทำให้นางดูเด็กไปหลายปีโดยทันที จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
“ทว่าข้าไม่ได้พกอุปกรณ์พวกนั้นมาด้วย” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยขึ้นอย่างเศร้ารันทด
“เช่นนั้นข้าไปกับเจ้า ข้าไปพักที่บ้านนาของเจ้าสักระยะก็ดี ในจวนมีเรื่องที่ทำให้เคร่งเครียดอยู่มาก” หันหมิงชั่นทำสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย
“ได้ เช่นนั้นวันรุ่งขึ้นท่านตามข้ากลับไป” เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มพลางกล่าวขึ้น
“อืม” หันหมิงชั่นพิงอยู่บนไหล่ของเหยาเยี่ยนอวี่แล้วโยกไปมาเบาๆ ทำตัวเหมือนดั่งคนไร้จุดหมาย ทว่ากลับเอ่ยถามด้วยความตั้งใจ “เยี่ยนอวี่ เจ้ารู้สึกว่าแม่ทัพติ้งหย่วนเป็นเช่นไรบ้าง”
“แม่ทัพติ้งหย่วน?” เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงแผ่วๆ เรื่อยๆ “แม่ทัพติ้งหย่วนคนไหนกัน ข้ารู้จักคนๆ นี้ด้วยหรือ”
“เหลวไหล” หันหมิงชั่นยิ้มพลางผลักเหยาเยี่ยนอวี่หนึ่งที พวกนางสองคนเกือบล้มลงจากเก้าอี้หิน “เจ้าจะไม่รู้จักเขาได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เจ้ายังคุยกับเขาเลย”
“มีด้วยหรือ ไยข้าถึงจำไม่ได้” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “ข้าคงเมาแล้วล่ะ”
ตรงที่ไม่ไกล ด้านหลังทุ่งดอกเหมยกลีบแดง มีคนสองคนกำลังเดินเล่นพูดคุยกัน ขณะเดียวกันพวกเขาได้หยุดฝีเท้าลงทันที
หันซังเย่ว์มองไปด้านข้างที่เว่ยจางยืนอยู่ข้างๆ เขา แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของแม่ทัพเว่ยยิ่งกว่าเย็นชาและเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็ง ใบหน้าของเขาแย่จนแทบไม่น่าดู
“เยี่ยนอวี่ บอกความจริงมาให้พี่สาวฟังเดี๋ยวนี้ เจ้าชอบคนเช่นไรกันแน่ คนเยี่ยงแม่ทัพเว่ยที่เป็นวีรบุรุษ หรือว่าบุรุษที่เป็นคุณชายสง่างามอย่างเฟิงเซ่าเชิน” เสียงของหันหมิงชั่นทุ้มต่ำและนุ่มนวล ไม่ใช่น้ำเสียงที่สงบนิ่งเหมือนดั่งปกติ เป็นน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความมึนเมาเล็กน้อย
หันซังเย่ว์หันไปมองใบหน้าของเว่ยจางอีกครั้ง แม่ทัพเว่ยเซ่าที่มีดวงตาดุจนกเหยี่ยวดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย และค่อยๆ เก็บความคมเฉี่ยวไป นัยน์ตาเจือความคาดหวังมากขึ้น
“ข้าไม่ชอบใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นวีรบุรุษหรือคุณชายสง่างาม ไม่ใช่อาหารในถ้วยของข้า” เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเบาบาง เหมือนดั่งลมทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่หนาวเย็น มาพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกเหมย ที่พัดเข้าไปในกระดูกของแม่ทัพเว่ยเซ่า
“เช่นนั้นเจ้าชอบคนประเภทใด” หันหมิงชั่นไถ่ถามขึ้นต่อ
“ที่ข้าชอบ?” เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะออกมา “ข้าชอบคนอย่างท่าน! อืม…แล้วก็เหิงเอ๋อร์”
“เยี่ยนอวี่!” หันหมิงชั่นหัวเราะอย่างร่าเริงพร้อมผลักเหยาเยี่ยนอวี่ออก จากนั้นก็ยิ้มพลางพูดขึ้น “เจ้ามันเจ้าเล่ห์”
“เปล่านะ ข้าพูดจากใจจริง” เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มอย่างร่าเริง นัยน์ตากลับค่อยๆ หลับลง จากนั้นก็เอียงศีรษะไปพิงบนศีรษะของหันหมิงชั่น แล้วถอนหายใจ
“เช่นนั้นเจ้าไม่มีคนที่อยากจะออกเรือนด้วยหรือ” หันหมิงชั่นยังคงถามไถ่
“ไม่มี” เหยาเยี่ยนอวี่คลายยิ้มอ่อนๆ “ถ้าเป็นไปได้ ใจจริงตลอดชีวิตนี้ ข้าไม่อยากออกเรือน”
“เหอะๆ เจ้ากำลังพูดอะไรโง่ๆ…” หันหมิงชั่นพึมพำด้วยเสียงต่ำแล้วพิงอยู่บนไหล่ของเหยาเยี่ยนอวี่ ไม่นานนางก็ผล็อยหลับไป
แม่นมที่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างๆ พลันเดินเข้ามาพยุงนางแล้วใช้เสื้อคลุมคลุมตัวนาง จากนั้นก็เรียกบ่าวรับใช้มายกเกี้ยวส่งคุณหนูกลับเรือน และขณะที่ทุกคนกำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น หันซังเย่ว์เดินเข้ามาในสวนดอกเหมย พร้อมกับส่งเสียงสั่งให้สาวใช้และผัวจื่อที่กำลังยุ่งวุ่นวายหลีกทาง “ถอยไป”
ทุกคนต่างก็รีบถอยหลังเพื่อหลีกทาง หันซังเย่ว์เดินเข้ามาพยุงหันหมิงชั่นที่หลับใหล จากนั้นก็ช้อนตัวนางขึ้นเบาๆ แล้วมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ตรงนั้น แล้วกล่าวขอโทษ “คุณหนูเหยา ต้องขอโทษด้วย ชั่นเอ๋อร์เมาจนขาดสติไปแล้ว ข้าส่งนางกลับเรือนก่อน”
เหยาเยี่ยนอวี่คลายยิ้มอ่อนๆ แล้วพยักหน้า ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใดขึ้น
หันซังเย่ว์อุ้มหันหมิงชั่นแล้วหันหลัง ก่อนที่จะจากไปก็ได้สั่งให้เหล่าสาวใช้และผัวจื่อที่อยู่รอบๆ “ดูแลคุณหนูเหยาให้ดี”
ทุกคนต่างก็ขานรับทันที แล้วมองคุณชายรองอุ้มคุณหนูรองของพวกนางเดินจากไป ชุ่ยเวยรีบเดินหน้ามาพยุงเหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้น แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณหนูเวียนศีรษะหรือไม่ ให้บ่าวพยุงท่านกลับไปเถอะ?”
แม่นมของหันหมิงชั่นพลันพูดขึ้น “คุณหนูรอเกี้ยวมาก่อนเถอะ ที่นี่ไกลจากเรือนพักผ่อนของคุณหนูเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอ่อนพลางส่ายหน้า และกำลังจะบอกว่าไม่ต้อง ทว่าก็เห็นสาวใช้และผัวจื่อที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ย่อตัวทำความเคารพ แล้วเปล่งเสียงออก “คารวะท่านแม่ทัพเว่ยเจ้าค่ะ”
แม่ทัพเว่ย? เหยาเยี่ยนอวี่หมุนตัวไป ทว่ากลับเห็นบุรุษร่างสูงเพรียวที่สวมใส่เสื้อคลุมแมวป่าสีม่วง เขาคือแม่ทัพติ้งหย่วนที่องอาจและสง่าผ่าเผย เวลานี้เขากำลังยืนอยู่ตรงถนนที่ราดด้วยก้อนหินก้อนเล็กที่อยู่ระหว่างต้นดอกเหมย นัยน์ตาอันเย็นยะเยือกกำลังจับจ้องนาง สีหน้าของเขาดูหม่นหมอง และไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
“แม่ทัพเว่ย” เหยาเยี่ยนอวี่ผลักมือของชุ่ยเวยออก แล้วย่อตัวลงเล็กน้อย
“คุณหนูเหยา” เว่ยจางเดินมาเพียงไม่กี่ก้าวก็อยู่ตรงหน้าเหยาเยี่ยนอวี่แล้ว จากนั้นก็จับจ้องนางเขม็ง
เหยาเยี่ยนอวี่เดินถอยหลังสองก้าว แล้วพยุงมือของชุ่ยเวยไว้ จากนั้นเอ่ยด้วยความเกรงใจ “ท่านแม่ทัพเว่ย ขอตัวก่อน” หลังจากกล่าวจบ นางหันหลังกำลังจะเดินจากไป
“คุณหนูเหยาได้โปรดอยู่ก่อน” เว่ยจางก้าวเดินหน้าไปขวางทางเหยาเยี่ยนอวี่ ดวงตาคู่นั้นจ้องตาเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ข้ามีเรื่องจะคุยกับคุณหนู”
จู่ๆ หัวใจของเหยาเยี่ยนอวี่ก็เต้นแรงขึ้นอย่างฉับพลัน จากนั้นความหงุดหงิดที่อธิบายไม่ได้ก็พุ่งขึ้นมายังความคิด ไม่ว่าเขาจะต้องการทำอะไร นางก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาคู่นั้นที่สะท้อนแสงอาทิตย์อันอบอุ่นในช่วงบ่ายของฤดูเหมันต์ ซึ่งเดิมทีเป็นดวงตาที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ในเวลานี้เป็นเพราะแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องเข้ามา ทำให้ดวงตาเป็นสีอำพันอ่อน ทำให้มันไม่ได้มีความเฉียบคมเหมือนก่อน แต่มันยังคงมีความลึกซึ้งพอ ๆ กัน
เหมือนพวกเขานิ่งงันกันไปสักพัก นานจนเหยาเยี่ยนอวี่เองเกือบลืมที่มาที่ไปของตนเอง ชุ่ยเวยจึงสะกิดนางเบาๆ นางถึงจะได้สติกลับมา ลมหนาวพัดโชยมาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกเหมย ทำให้เหยาเยี่ยนอวี่สูดอากาศอันหนาวเย็นเข้าไปเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย “ท่านแม่ทัพเชิญกล่าว”
“ข้าชื่นชมคุณหนูมานานแล้ว”
เว่ยจางเอ่ยคำพูดออกมาอย่างไม่ลังเล จนทำให้เหยาเยี่ยนอวี่เกร็งไปตั้งตัว และเมื่อนางรอให้เขาพูดอะไรต่ออีก เขากลับไม่พูดอีก
สาวใช้และผัวจื่อที่อยู่ข้างกายต่างก็โน้มตัวพลางก้มศีรษะให้ต่ำ และค่อยๆ ถอยหลังออกห่างไปสิบก้าว คำพูดเฉกเช่นนี้ ไม่ใช่คำพูดที่พวกนางสมควรฟัง จึงไม่ฟังจะดีกว่า
เหยาเยี่ยนอวี่เงียบงันไปนาน สุดท้ายก็สามารถทำให้จิตใจที่กำลังว้าวุ่นนิ่งสงบลง จากนั้นก็ยกยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “อืม ข้ารู้แล้ว ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ชื่นชมข้า หากไม่มีสิ่งอื่นใด ข้าต้องขอตัวก่อน” เมื่อกล่าวจบ เหยาเยี่ยนอวี่ต้องการจะเดินออกไปอีกครั้ง
“คุณหนูเหยา ท่านจะจากไปเช่นนี้น่ะหรือ” ขณะที่เหยาเยี่ยนอวี่กำลังจะเดินจากไป เว่ยจางจึงถามขึ้น