หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 102 ตัดสินใจลบรอยแผลเป็น ฝังเข็มรักษาอาการตกเลือด (1)
เหยาเยี่ยนอวี่หยุดเดิน แล้วหันหลังกลับมาช้าๆ นางยังคงมีรอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่บนดวงหน้า “ข้าเย็บปักถักร้อยไม่เป็น อีกทั้งฉิน หมากล้อม กวี เขียนอักษรหรือวาดภาพล้วนทำไม่ได้ดีสักอย่าง รูปโฉมของข้าก็แสนจะธรรมดา กิริยามารยาทและนิสัยก็แปลก ทั้งยังมีชาติตระกูลที่ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะแก่การออกเรือน ตัวข้าไม่คู่ควรกับบุรุษที่ดี เกรงว่าจะทำให้ท่านแม่ทัพต้องผิดหวังในความชื่นชมครั้งนี้ ข้าต้องขอโทษท่านแม่ทัพด้วย ลาก่อน”
เว่ยจางยืนนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่ง เขาจ้องมองไปยังผ้าคลุมสีตะไคร้ที่รีบร้อนจากไป
ลมเย็นในเหมันต์ฤดูพัดผ่านเข้ามาอย่างกะทันหัน กลีบดอกเหมยพลิ้วไหวร่ายรำไปกับสายลม
เว่ยจางได้ยินเพียงเสียงชายเสื้อของตนโต้ลมดังพึ่บพั่บ ระหว่างท้องฟ้าและผืนดินเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน ช่างอ้างว้างและว่างเปล่ายิ่งนัก
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากทางด้านหลัง “คุณหนูเหยาผู้นี้ แตกต่างจากสตรีอื่นเสียจริง”
เว่ยจางไม่ได้ปริปากพูดและไม่ได้หันกลับไป ทว่ามุมปากของเขากลับกระตุกยิ้มที่เศร้าหมอง
หันซังเกอจับไม้เท้าเอาไว้แล้วค่อยๆ เดินไปข้างกายเว่ยจาง เขายกมือขึ้นตบไหล่ของเว่ยจางเบาๆ พร้อมปลอบโยน “ดั่งบทกลอนที่ว่า นงรามงามตรู สมคู่สุชน หมายปองไม่ได้ ตื่นหลับครวญใคร่ นี่เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ อย่าได้โศกเศร้าไปเลย”
เดิมทีเหยาเยี่ยนอวี่มึนเมาเล็กน้อย หลังจากพูดคุยกับเว่ยจางแล้วนั้น นางกลับสร่างเมาในทันที
นางจับมือของชุ่ยเวยไว้แล้วสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเดินไปถึงเรือนหลังเล็กของหันหมิงชั่น นางเดินเข้าไปในเรือนนอนของหันหมิงชั่น สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติรับใช้หันหมิงชั่นพลันเดินเข้ามารับใช้เหยาเยี่ยนอวี่ พวกนางช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้าให้กับนาง จากนั้นก็ยกน้ำอุ่นสำหรับล้างหน้ามาให้
เหยาเยี่ยนอวี่ปล่อยให้บรรดาสาวใช้และผัวจื่อเช็ดหน้าและเช็ดมือของตน หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ทรุดตัวลงนอนบนเตียงที่อยู่ริมหน้าต่าง นางหลับตาหันหน้าเข้าด้านใน
ชุ่ยเวยรับผ้าห่มสีเขียวมรกตจากซูอิ่งมาห่มให้นาง จากนั้นทุกคนก็ถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
เวลานี้คงจะไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาพอแล้วหรือไม่ อวิ๋นเหยาจวิ้นจู่คงจะไม่ทำอะไรตนหรอกกระมัง
ทว่าเหตุใดภายในใจถึงอึดอัดทรมานเช่นนี้
เหยาเยี่ยนอวี่นอนหลับตาอย่างเงียบๆ บนเตียง ทว่าภาพตรงหน้ากลับมีเพียงใบหน้าอันเย็นชาของเว่ยจาง แววตาคมเฉียบคล้ายใบมีดทะลวงหัวใจของนาง ทำให้นางรู้ใจตนเองขึ้นมา
ไม่ได้! เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะเยาะตนเอง นางจะชอบเขามากแค่ไหนก็ทำเช่นนั้นไม่ได้
อย่าเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องแย่งชิงบุรุษกับราชนิกุลจะได้รับความอับอายเช่นไร ตนทะลุมิติมาที่นี่ และตั้งใจศึกษาวิชาความรู้ด้านการแพทย์มาสิบกว่าปี เพื่อที่จะแย่งชิงบุรุษคนหนึ่ง? ช่างน่าขบขันยิ่งนัก!
ลืมเขาเสีย เหยาเยี่ยนอวี่
ระหว่างเจ้ากับเขาไม่เคยมีการเริ่มต้น และยิ่งไม่มีบทสรุป
เพียงแค่ติดค้างมีดผ่าตัดหนึ่งชุดเท่านั้น อย่างมากค่อยเอากลับไปคืนเขาก็ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่า
เหยาเยี่ยนอวี่นอนกลิ้งไปมาบนเตียง จนกระทั่งถึงเวลาอาหารค่ำ ชุ่ยเวยและซูอิ่งเดินเข้ามาดูนาง เมื่อทั้งสองเห็นว่านางหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่ม จึงเดินออกไปโดยไม่กล้าส่งเสียง
ยามไฮ่[1] หันหมิงชั่นตื่นขึ้นมาหนึ่งครั้ง นางสั่งให้สาวใช้รินน้ำอุ่นให้ดื่มครึ่งถ้วย จากนั้นก็นอนหลับไป
ทางด้านเหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่ดื่มน้ำแม้แต่น้อย นางนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนและไม่พูดสิ่งใด
ในตอนหลังนางเองก็ไม่รู้ว่าตนเองผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อใด ตลอดทั้งคืนนางหลับไม่สนิท เอาแต่นอนฝันอยู่ตลอดเวลา
มีครู่หนึ่งที่นางฝันว่าตนเองกลับไปยุคปัจจุบัน ในฝันนางสวมชุดผ่าตัดสีฟ้า พร้อมกับใส่หน้ากากอนามัยและจับมีดผ่าตัดเอาไว้ นางยืนพูดคุยอะไรบางอย่างกับวิสัญญีแพทย์ใต้แสงไฟที่สว่างจ้า ครู่หนึ่งก็ย้อนกลับมาที่นี่ มือของนางจับเข็มเงินเอาไว้และกำลังฝังเข็มให้กับชายหนุ่มที่ร่างเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น สุขภาพของเขาดูแข็งแรง ร่างของเขามีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ทันใดนั้น ภาพในฝันของนางก็เห็นดวงตาสีอำพันของเว่ยจางจับจ้องมาที่นาง พร้อมพูดกับตนทีละคำ คุณหนูเหยา ข้าชื่นชมท่านมานานแล้ว! คุณหนูเหยา ข้าชื่นชมท่านมานานแล้ว…
ฟู่…
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกว่าตนเองกำลังจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ นางรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีแล้วลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นก็ตื่นจากฝันในทันที
“คุณหนู?” ม่านปักบุปผาในเรือนนอนถูกเปิดออก ทำให้เห็นดวงหน้างดงามของชุ่ยเวย นางพูดขึ้นด้วยความดีใจ “ในที่สุดคุณหนูก็ตื่นเสียที! เมื่อวานคุณหนูดื่มสุราไปมาก บ่าวเป็นห่วงยิ่งนัก”
“แค่ดื่มจนมึนเมาเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ จะมีเรื่องอะไรอย่างอื่นอีก” เหยาเยี่ยนอวี่พบว่าเสียงของตนเองแหบยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้คิ้วของนางจึงขมวดเป็นปม
ชุ่ยเวยรีบยื่นน้ำอุ่นให้กับนางหนึ่งถ้วย “คุณหนูดื่มน้ำให้ชุ่มคอเจ้าค่ะ เมื่อคืนบ่าวอยากจะปลุกคุณหนูให้ลุกขึ้นมาดื่มน้ำ แต่ไม่ว่าบ่าวจะเรียกเช่นไรคุณหนูก็ไม่ขยับเขยื้อน คุณหนูหลับสนิทมากเลยเจ้าค่ะ”
ขณะที่เหยาเยี่ยนอวี่ดื่มน้ำ หันหมิงชั่นเองก็ตื่นขึ้นมา
ซูอิ่งเดินนำเหล่าสาวใช้เข้ามาปรนนิบัติรับใช้ ทางด้านหันหมิงชั่นเอง หลังจากที่ดื่มน้ำไปเล็กน้อยก็ตื่นขึ้นมาล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า นางคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยถาม “เหิงเอ๋อร์เล่า? ยังไม่ตื่นหรือ”
ซูอิ่งพลันตอบ “คุณหนูซูนอนหลับที่เรือนทางทิศตะวันออกเจ้าค่ะ คุณหนูก็เพิ่งตื่นเมื่อครู่นี้ เวลานี้กำลังล้างหน้าอยู่เจ้าค่ะ”
“ครั้งนี้ช่างดียิ่งนัก พวกเราเมาพร้อมกันทั้งสามคนเลย!” หันหมิงชั่นสวมเสื้อไปพลางพูดกับเหยาเยี่ยนอวี่ไป “เมื่อคิดดูแล้ว ข้าไม่ได้เมาเช่นนี้มานานนับหลายปี ซูอิ่ง ข้าเมาครั้งสุดท้ายเมื่อใดกัน”
ซูอิ่งยกยิ้ม “คุณหนูเมาครั้งสุดท้ายในพิธีจีหลี่[2]ของจวิ้นจู่ของพวกเราเจ้าค่ะ คราวที่แล้วก็เป็นเหล้าดอกเหมยเช่นเดียวกัน คุณหนูดื่มคนเดียวไปครึ่งไหเลยนะเจ้าคะ ดื่มจนเมาหนักกว่าครั้งนี้เสียอีก กว่าจะตื่นนอนก็เที่ยงวันแล้วเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มแล้วพูดขึ้น “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเมาหนักเช่นนี้ เวลานี้ข้ายังรู้สึกปวดหัวอยู่เลย คราวหน้าจะดื่มหนักเช่นนี้ไม่ได้แล้ว”
หันหมิงชั่นพูดอย่างไม่สนใจ “กลัวอะไรเล่า ดื่มจนเมาอย่างมากก็แค่นอนหลับ ถึงอย่างไรก็อยู่ในจวนของตนเอง แม้นทำเรื่องน่าอายก็ไม่มีผู้ใดพูดออกไป”
“พี่หันยังจะพูดเช่นนี้อีก พี่เมาแล้วลากข้าวิ่งไปทั่ว ท่านพี่ไม่กลัวว่าตนเองจะขายหน้า แต่ตัวข้านั้นขายหน้ายิ่งนัก” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มเศร้าโศกแล้วถอนหายใจ
หันหมิงชั่นรีบปลอบโยน “เรื่องนี้เจ้าวางใจเถอะ คนของข้า ข้าย่อมรู้จักพวกนางดี รับรองว่าไม่มีวันพูดออกไปแม้เพียงคำพูดเดียว”
ซูอิ่งยิ้ม “คุณหนูเหยาถ่อมตนเกินไปแล้ว เมื่อวานคุณหนูของพวกบ่าวเมาจนหลับบนม้านั่ง ทว่าคุณหนูเหยายังสามารถเดินกลับมาได้ด้วยดี พวกบ่าวล้วนว่ากันว่าคุณหนูไม่เมา แล้วจะทำเรื่องน่าอายได้อย่างไรเจ้าคะ คุณหนูช่างคอแข็งยิ่งนัก”
ดวงตาของหันหมิงชั่นเบิกกว้างทันที นางมองไปที่เหยาเยี่ยนอวี่แล้วเอ่ยถาม “จริงหรือ เจ้าเดินกลับมาเองจริงๆ หรือ เยี่ยนอวี่เจ้าช่างปกปิดตนเองได้ดียิ่งนัก!”
เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้ม “ยังจะกล่าวอีกว่าไม่ได้ทำเรื่องน่าอาย พี่หันดูสิ นี่ก็กำลังมีคนหัวเราะเยาะข้าแล้ว”
ซูอิ่งรีบอ้อนวอน “บ่าวไม่กล้าหัวเราะเยาะคุณหนูเหยาเจ้าค่ะ คุณหนูได้โปรดอย่ากล่าวโทษบ่าวอีกเลย”
ขณะที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกัน ซูอวี้เหิงปล่อยผมและถือรองเท้าเดินเข้ามา นางเดินไปข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่แล้วพร่ำบ่น “ข้าก็ว่าพี่เหยาปกปิดเอาไว้ พี่เหยาพูดมาเถอะว่าเมื่อวานแอบเทเหล้าทิ้งไปเท่าใด ทั้งข้าและพี่หญิงหันต่างก็เมาอย่างไม่มีสติ แต่พี่เหยากลับไม่เมาแม้แต่น้อย? ข้าไม่เชื่อว่าพี่เหยาจะไม่ได้แอบเทเหล้าทิ้ง”
เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะแล้วโต้แย้งกลับ “ใครบอกว่าข้าไม่เมา ข้าเมาหนักยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก เวลานี้หากเจ้าถามว่าเมื่อวานข้าพูดสิ่งใดและทำสิ่งใดลงไปบ้าง ข้าล้วนจำไม่ได้”
“จริงหรือ” หันหมิงชั่นถามขึ้น นางยิ้มตาหยีมองไปที่เหยาเยี่ยนอวี่ “ข้าจำได้ เมื่อวานเจ้าพูดความในใจกับข้ามากมาย”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างไม่สนใจ “พี่หันพูดมาสิ ว่าข้าพูดสิ่งใดกับท่านบ้าง”
หันหมิงชั่นหัวเราะ ยากนักที่นางจะมีความซุกซนเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง “เจ้าบอกกับข้า ภายในใจของเจ้ามีคนที่เจ้าชื่นชมจริงๆ ผู้หนึ่ง”
[1] ยามไฮ่ เวลาประมาณสามทุ่มถึงห้าทุ่ม
[2] พิธีจีหลี่ พิธีบรรลุนิติภาวะตอนอายุ 15 ปี ซึ่งจะมีการรวบเกล้าผมขึ้นแล้วปักปิ่น บอกแสดงถึงสถานะที่เปลี่ยนจากเด็กหญิงมาเป็นหญิงสาวแล้ว