หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 127 กล่าวโทษอย่างไร้เดียงสา เสวนาถึงเรื่องจี้ซื่ออีกครั้ง (2)
- Home
- หมอหญิงจ้าวดวงใจ
- ตอนที่ 127 กล่าวโทษอย่างไร้เดียงสา เสวนาถึงเรื่องจี้ซื่ออีกครั้ง (2)
อีกอย่าง อัญมณีเหล่านี้คือของพระราชทานจากองค์หญิงใหญ่หนิงหวา เดิมทีก็เป็นของล้ำค่าที่คัดเลือกมาโดยเฉพาะอยู่แล้ว ต่อให้เป็นเพียงตัวพลอยที่ไม่ได้ผ่านงานฝีมือช่าง ก็ถือว่าเป็นของล้ำค่าของทั่วเมืองอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นเครื่องประดับอันประณีตที่เลี่ยมทองคำและเงินแท้อีกด้วย
“ทำได้ไม่เลว ข้าชอบ” เหยาเยี่ยนอวี่ปิดกล่องเครื่องประดับกล่องสุดท้าย แล้วใช้นิ้วมือเรียวดุจหยกแตะกล่องไม้ประดู่แดงเบาๆ “เอาไปห่อให้เรียบร้อยเถอะ”
เหยาซุ่นรีบขานรับพร้อมกับสั่งให้ผู้ช่วยเอาห่อผ้ามา จากนั้นก็เอากล่องเครื่องประดับเหล่านี้ใส่ไว้ในห่อผ้า แล้วห่ออย่างระมัดระวัง
เหยาเยี่ยนอวี่จิบชาร้อนๆ ไปหนึ่งถ้วย แล้วคุยกับเฝิงโหย่วฉุน “พวกเราไปเดินดูที่อื่นเถอะ”
เหยาซุ่นเอ่ยถามขึ้น “นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้ว คุณหนูจะตรวจดูบัญชีหรือไม่”
“ค่อยส่งมาทีหลังเถอะ ตอนนี้ข้ายังไม่มีสมาธิดู” ทีแรกเหยาเยี่ยนอวี่อยากบอกว่าไม่ดู พอคำพูดกำลังจะหลุดออกจากปาก ภายในใจก็ครุ่นคิดว่า ห้ามไว้วางใจใครเกินไปเด็ดขาด นางไว้วางใจเฝิงโหย่วฉุน กลับไม่ควรให้โอกาสเฝิงโหย่วฉุนทำเรื่องที่ไม่สัตย์ซื่อกับนาง หากมีเวลาก็ควรพลิกดูสมุดบัญชีเหล่านี้บ้าง ต่อให้อ่านไม่เข้าใจ แต่แกล้งทำเป็นรู้เรื่อง เพื่อที่จะทำให้คนเห็นหวาดผวาบ้างก็ยังดี
เหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก ชุ่ยเวยรับห่อผ้าที่เหยาซุ่นยื่นมาให้ จากนั้นก็เดินตามหลังไปอย่างเร่งรีบ
ทั้งนายและบ่าวสองสามคนต่างเดินออกจากเรือนหลังเล็กไปที่ห้องโถง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอ่ยถาม “ผู้ดูแลร้านล่ะ!”
เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงันไป และหันไปมองเหยาซุ่นเพียงพริบตา เหยาซุ่นพลันแย้มยิ้มรู้สึกผิด แล้วสาวเท้าออกไปข้างนอกโดยเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้นไม่หยุด “อยู่ขอรับ อยู่ขอรับ…โธ่! ที่แท้ก็คือจวิ้นจู่เสด็จมาที่ร้านนี่เอง น้อมทำความเคารพจวิ้นจู่ขอรับ”
จวิ้นจู่? เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงันเล็กน้อย ภายในใจกำลังครุ่นคิดว่าจวิ้นจู่ท่านใดที่มาเลือกเครื่องประดับถึงร้าน หลังจากที่รีบสาวเท้าเดินอ้อมฉากกั้นไป ก็เห็นอวิ๋นเหยากำลังทำสีหน้าเย็นชายืนอยู่ในห้องโถง มีสาวใช้สองคนและอารักขาชุดดำหนึ่งนายยืนอยู่ข้างกายนาง ยังมีทหารรักษาการณ์ที่สวมใส่ชุดทหารจิ่นหลินอยู่สี่นายยืนตัวตรงเฝ้าตรงประตู
บรรยากาศที่เดิมทีครึกครื้นพลันเงียบงันไป เหล่าสตรีที่เลือกดูเครื่องประดับต่างวางของในมือลง พลันค้อมตัวน้อมคำนับพลางหลบออกไปด้านนอก
เหมือนกำลังหลบโรคระบาด อยู่ๆ คำนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว เหยาเยี่ยนอวี๋จึงอดหัวเราะไม่ได้
“เหยาเยี่ยนอวี่” อวิ๋นเหยาเหลือบตามองเหยาเยี่ยนอวี่ พร้อมกับแสยะยิ้มขานเรียกชื่อนาง แววตาของนางคมกริบและเย็นชาด้วยความเกรี้ยวโกรธที่ไม่ทราบสาเหตุ
“เยี่ยนอวี่ขอน้อมทำความเคารพจวิ้นจู่” เหยาเยี่ยนอวี่ค้อมตัวลงต่ำ ภายใต้สายตาของคนมากมาย นางไม่มีทางให้จวิ้นจู่ตัวร้ายจับผิดเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคนผู้นี้ก็จะมายุ่งเกี่ยวกับนางไม่หยุด
อวิ๋นเหยาเชิดหน้าขึ้นแล้วค่อยๆ เดินไปตรงหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ พอเห็นท่าทางที่เหยาเยี่ยนอวี่ค้อมลำตัว จึงทำเสียงเย็นชาในลำคอ จากนั้นก็เอ่ยถาม “เจ้าไม่เคยเห็นข้าในสายตา! ใช่หรือไม่”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยสีหน้าปกติ “เยี่ยนอวี่ไม่บังอาจ”
“เจ้าไม่บังอาจ” อวิ๋นเหยาแสยะยิ้มอีกครั้ง “ยังจะบอกว่าเจ้าไม่บังอาจ! ฮ่า! เจ้าเห็นคนของจวนเฉิงอ๋องตาบอดและหูหนวกหรือไร!”
เหยาเยี่ยนอวี่เงยหน้ามองอวิ๋นเหยาเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย “คนของจวนเฉิงอ๋องไม่ใช่คนตาบอดและไม่ใช่คนหูหนวกอยู่แล้ว เยี่ยนอวี่เองที่โง่เขลา ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ผิดใจจวิ้นจู่ ขอจวิ้นจู่ได้โปรดชี้แจ้งให้ชัดเจนด้วย”
“เจ้าอย่ามาเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย!” อวิ๋นเหยาก่นด่าอย่างโมโห “เจ้าอย่านึกว่ามีคนไปสู่ขอกับพ่อเจ้าแล้ว เจ้าก็จะได้กลายเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพ! ข้าจะบอกเจ้า ฝันไปเถอะ!” อวิ๋นเหยาพูดจบ ก็รู้สึกว่ายังไม่หายโกรธ จึงพูดเสริมขึ้นอีกสองสามคำ “อย่าแม้แต่จะคิด!”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกดีใจยิ่งที่เมื่อคืนนางได้กล่าวกับเว่ยจางอย่างชัดเจน และคิดว่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก นางก็คงทำได้เพียงเท่านั้น ตอนนี้นางถึงจะสามารถเผชิญหน้ากับอวิ๋นเหยาผู้ที่เอาแต่ใจด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย
“เยี่ยนอวี่ไม่เคยคิดจะกลายเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพอะไรนั่นอยู่แล้ว เกรงว่าจวิ้นจู่จะเข้าใจผิด จวิ้นจู่โปรดปรานใคร แค่สั่งให้แม่สื่อไปสู่ขอก็พอ ท่านเกิดมามีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง ใครเล่าจะกล้าขัดคำสั่งจวิ้นจู่ เยี่ยนอวี่ยังมีธุระ ไม่รบกวนเวลาเลือกดูเครื่องประดับของจวิ้นจู่แล้ว ขอตัวก่อน”
กล่าวจบ เหยาเยี่ยนอวี่พลันลุกขึ้น ถอยไปด้านหลังสองก้าว เดินออกไปข้างนอก โดยมีชุ่ยเวยรีบติดตามไป พร้อมกับก้มหน้าไม่พูดไม่จา เฝิงโหย่วฉุนและเหยาซุ่นแลกเปลี่ยนสายตากัน ต่างคนต่างรู้สึกตกใจจนทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น และกำลังครุ่นคิดว่า ใครมาสู่ขอคุณหนูรองกับนายท่าน ถึงได้ไปกระทำผิดต่อจวิ้นจู่ท่านนี้
อวิ๋นเหยาถูกคำพูดของเหยาเยี่ยนอวี่ทำให้ตกตะลึงจนยังไม่ได้สติกลับมา ทีแรกในสายตาของนาง เหยาเยี่ยนอวี่เป็นเพียงสตรีเงียบขรึม นางเคยกดขี่เหยาเยี่ยนอวี่มาหลายครั้ง นางก็ได้แต่นิ่งเงียบแล้วไม่พูดไม่จา นึกไม่ถึงว่าวันนี้นางกลับพูดจามีไหวพริบได้ถึงเพียงนี้!
ดังนั้นเมื่ออวิ๋นเหยาจวิ้นจู่หันหลังกลับไปด้วยความโมโห เหยาเยี่ยนอวี่ก็เดินไปถึงประตูแล้ว ทันใดนั้นความโมโหภายในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น นางเลยว่ากล่าวตำหนิอย่างไม่สนภาพลักษณ์ของตนเอง “หยุดเดี๋ยวนี้! ข้าให้เจ้าออกไปแล้วหรือ!”
เหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่ตรงหน้าประตูได้ยินจึงหยุดฝีเท้าลง แล้วค่อยๆ หันหลังพลางถามด้วยความนิ่งเฉย “จวิ้นจู่ยังต้องการสั่งการอะไรอีก”
“นี่เจ้ากำลังทำทีท่าอะไรอยู่” อวิ๋นเหยาเดินไปพร้อมกับสีหน้าเยียบเย็น แล้วขยับเข้าไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ในระยะใกล้ “ข้ายังไม่ได้ให้เจ้าลุกขึ้น เจ้าก็ลุกขึ้นเอง นี่ยังบังอาจหันหลังเดินจากไป? เจ้ากำลังไม่เคารพผู้ที่สูงศักดิ์กว่า!”
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มบางๆ “จวิ้นจู่คิดจะหาเรื่องข้าให้ถึงที่สุดใช่หรือไม่ ถ้าหากจวิ้นจู่คิดว่าหากท่านสามารถเหยียบย่ำข้าให้จมดิน แล้วท่านจะสามารถได้ใจของคนที่หมายปอง ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด อย่างไรก็ตาม มนุษย์เราเกิดมาบนใต้หล้านี้ การได้รับรักแท้โดยวิธีที่บุ่มบ่ามทำตามอำเภอใจก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ทว่าจวิ้นจู่ต้องคิดอย่างรอบคอบ ที่นี่มีคนสัญจรไปมามากมาย และเป็นสถานที่พลุกพล่าน คนประเภทใดก็สามารถผ่านทางนี้ได้ จวิ้นจู่บีบบังคับคนเช่นนี้ หรือท่านไม่กลัวว่าผู้ที่หมายปองในใจจะมารู้เห็นเข้า หากเรื่องเหล่านี้ถูกส่งเข้าหูของบุรุษที่ท่านหมายปอง จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของจวิ้นจู่ผู้เย็นชาและสูงศักดิ์หรือไม่”
แท้จริงแล้ว คนในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใดก็ไม่ขาดคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว
เหล่าสตรีที่เลือกดูเครื่องประดับในร้านเมื่อครู่นี้ต่างก็ทยอยออกจากร้านไป ในความเป็นจริงก็คงยังไม่ได้แยกย้ายไปไหน ต้องมีส่วนหนึ่งที่กำลังรอชมเรื่องสนุกๆ ตรงหน้าประตูทางเข้าร้าน เวลานี้เหยาเยี่ยนอวี่เดินไปถึงตรงประตู แล้วถูกอวิ๋นเหยาก่นด่า ก็มีคนมามุงดูเพื่อรอชมความตื่นเต้นตรงนอกประตูมากขึ้น
คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอวิ๋น มีไม่กี่คนที่รู้จักเหยาเยี่ยนอวี่ และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักอวิ๋นเหยา
ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่พูดถึงคำว่า ‘จวิ้นจู่’ ก็ได้ทำให้คนพวกนี้รู้สึกแปลกใจในใจ จวิ้นจู่ผู้หนึ่งมาถกเถียงกับสตรีจากตระกูลขุนนางผู้หนึ่งกลางร้านเครื่องประดับ นี่ถือเป็นเรื่องที่สนุกสนาน! ไม่ง่ายที่จะได้เห็น!
ทันใดนั้นคนที่มารุมล้อมก็ยิ่งนานยิ่งเยอะ อีกทั้งยังเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ และเสวนาพูดคุยเรื่องนี้
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้สนใจอะไร อย่างไรตลอดชีวิตนี้นางก็ไม่ได้อยากออกเรือน ถ้าเป็นเพราะว่าเรื่องนี้ทำให้ไม่มีใครยอมสู่ขอนางก็จะยิ่งดี จะได้ไม่ต้องสร้างความลำบากให้นาง
สีหน้าของอวิ๋นเหยากลับยิ่งย่ำแย่ นางหันกลับไปมองทหารรักษาการณ์เพียงชั่วพริบตา แล้วก่นด่าด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกเจ้าเป็นคนตาบอดหรือไร ยังไม่รีบไล่คนพวกนี้ออกไปอีก!”
เหล่าทหารรักษาการณ์ได้ยินคำสั่ง ต่างก็ชักดาบออกมาแล้วเริ่มขับไล่ผู้คน
“ออกไป ออกไป!”
“ไม่มีอะไรน่าดู ออกไป!”
“ออกไป ห้ามดู! ไม่มีอะไรน่าดู! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
“ไสหัวออกไป! พวกเจ้าไม่ยอมดื่มสุราคำนับ ต้องดื่มสุราลงทัณฑ์[1]หรือไร! หากทำให้จวิ้นจู่โมโห พวกเจ้าจะต้องเจอดี!”
ทีแรกจวิ้นจู่วางอำนาจข่มขู่ผู้อื่นกลางตลาดก็ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงอะไร เหล่าชาวบ้านร้านค้าในเมืองอวิ๋นก็เคยเจอมาบ้าง และพวกเขาก็เคยชินกับเรื่องทำนองนี้ไปแล้ว พวกเขาก็แค่มีเรื่องสนุกๆ ให้ชมก็อยากจะชม ไม่ให้ชมก็แค่เดินจากไปเท่านั้น
[1] ไม่ยอมดื่มสุราคำนับ ต้องดื่มสุราลงทัณฑ์ เปรียบเทียบว่าเรื่องที่จำเป็นต้องทำแต่ไม่ยอมไปทำด้วยตนเอง ต้องถูกบีบบังคับจึงจะยอมทำ