หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 155 ญาติที่เกี่ยวดองกันโดยการสมรสมารวมตัวกัน พิณสื่อเสียงหัวใจ (1)
- Home
- หมอหญิงจ้าวดวงใจ
- ตอนที่ 155 ญาติที่เกี่ยวดองกันโดยการสมรสมารวมตัวกัน พิณสื่อเสียงหัวใจ (1)
ตอนที่ 155 ญาติที่เกี่ยวดองกันโดยการสมรสมารวมตัวกัน พิณสื่อเสียงหัวใจ (1)
ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจ พลันจับมือของหันหมิงชั่นแล้วกล่าวขึ้น “พี่หญิงคอยคิดถึงข้าเสมอ เยี่ยนอวี่จะโทษพี่หญิงได้อย่างไรกัน”
หลังจากที่องค์หญิงใหญ่เชิญเสด็จฮ่องเต้เสร็จ พอเข้าประตูก็เห็นมิตรสหายคู่นี้กำลังจับมือกันแล้วนั่งอยู่บนตั่งไม้ที่มีโต๊ะเตี้ยอยู่ตรงกลาง ทั้งสองกำลังพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน สุดท้ายก็แย้มยิ้ม “พวกเจ้าคุยอะไรกันอยู่ ถึงดูมีความสุขเช่นนี้? วันนี้ไหนๆ เยี่ยนอวี่ก็มาแล้ว ก็พักอยู่ต่อสักหลายวันเถอะ จะได้ไม่ต้องให้ชั่นเอ๋อร์วิ่งไปที่จวนเจ้าบ่อยๆ เกรงว่าข้าจะหานางไม่เจออีก”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันลุกขึ้นจากตั่งไม้ แล้วแย้มยิ้ม “เรื่องของวันนี้ อย่างไรเยี่ยนอวี่ก็ต้องขอบพระทัยในพระคุณอันดีงามขององค์หญิงใหญ่เพคะ” ขณะที่พูด ก็ค้อมตัวลงคารวะ
“ไม่เป็นเช่นไร ว่าไป เจ้าเป็นผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเปิ่นกงมากกว่า บุตรชายและบุตรีของเปิ่นกงสามารถหายดี ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับเจ้าทั้งหมด เปิ่นกงก็แค่พูดเพียงสองสามคำเท่านั้น พูดไม่ได้ว่ามีพระคุณอะไรต่อเจ้าหรอก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นเจ้าที่รู้จักกาลเทศะ อีกอย่างยาของเจ้าก็เป็นเจ้าที่คิดค้นขึ้นมาเอง” องค์หญิงใหญ่ตรัสไป ก็นั่งลงบนตั่งไม้ แล้วตรัสด้วยน้ำเสียงที่ลุ่มลึก “การทำภารกิจที่ฮ่องเต้ทรงรับสั่ง หากไม่ระวัง เรื่องดีงามอาจจะกลายเป็นเรื่องย่ำแย่ได้ ไม่เพียงแต่นำพาความโชคร้ายถึงตัวเจ้า แล้วยังทำให้บิดามารดาต้องพลอยลำบากไปด้วย ดังนั้นต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เจ้าจดจำเอาไว้หรือยัง?”
เหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้นพลางโค้งตัวทูลกลับ “เพคะ เยี่ยนอวี่จะจดจำคำสอนขององค์หญิงใหญ่เป็นอย่างดีเพคะ”
“เสด็จแม่” หันหมิงชั่นพลันเข้าไปจับมือขององค์หญิงใหญ่พร้อมกับทำท่าทางประจบประแจง “เมื่อครู่เยี่ยนอวี่ยังบอกว่าตนถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว แม้กระทั่งเสื้อผ้ายังเปียกโชกไปหมด ครั้งนี้เสด็จแม่ก็อย่าได้ทำให้นางตื่นตกใจเลย”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาทรงตรัสขึ้น “นี่ข้ากำลังหวังดีต่อนางอยู่นะ”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูดขึ้น “เป็นเช่นนั้นเพคะ เยี่ยนอวี่เข้าใจในความปรารถนาดีขององค์หญิงใหญ่เพคะ เยี่ยนอวี่จะทำการอย่างระมัดระวัง จะไม่ทำให้องค์หญิงใหญ่ต้องกังวลเพคะ”
“เจ้าช่างเป็นเด็กที่รู้จักกาลเทศะจริงๆ” องค์หญิงใหญ่หนิงหวามองเหยาเยี่ยนอวี่ จึงแย้มยิ้มบางๆ พลางเปรยขึ้น “มีคำๆ หนึ่งของเสด็จพี่ที่กล่าวไม่ผิดเลย…หากเจ้าคือบุรุษก็คงดี!”
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มอย่างขมขื่นแล้วไม่พูดไม่จา ภายในใจของข้าก็หวังจะเกิดเป็นบุรุษเช่นกัน หากข้าเป็นบุรุษ ข้าก็คงจะเร่ร่อนไปทั่วทุกที่ ไปมีชีวิตที่อิสระ แล้วจะถูกรั้งอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
หันหมิงชั่นรู้สึกไม่ดีใจ แล้วเปรยขึ้น “หากนางเป็นบุรุษ สหายที่ดีของข้ามิหายไปหนึ่งคน?”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาแย้มยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “หากนางเป็นบุรุษ จะให้เจ้าสมรสกับนาง พวกเจ้าสองคนมีนิสัยที่เหมือนกัน อนาคตต้องไปได้ดีอยู่แล้ว”
“…” เหยาเยี่ยนอวี่จึงนิ่งงันไปทันที และสุดคำบรรยายกับจินตนาการอันล้ำเลิศขององค์หญิงใหญ่หนิงหวา
หันหมิงชั่นก้มศีรษะลง พอเอ่ยถึงเรื่องอันน่าเศร้าใจ นางก็ไม่มีอะไรจะพูด
องค์หญิงใหญ่หนิงหวามองสีหน้าของบุตรี จึงถอนหายใจเบาๆ แล้วตรัสขึ้น “เมื่อครู่เสด็จน้าฮ่องเต้ของเจ้ายังถามเรื่องของเจ้ากับญาติผู้พี่ของเจ้า บอกว่าวันที่หนึ่งของปีใหม่ จวินเจ๋อร์ติดตามเสด็จน้าเจ็ดของเจ้าเดินทางเข้าวัง แล้วไปขอให้เขาประทานงานสมรสให้”
“เสด็จแม่เพคะ ลูกคิดใคร่ครวญอย่างดีแล้ว” นัยน์ตาของหันหมิงชั่นแฝงด้วยความทุกข์ทรมานออกมาอย่างยากที่จะปกปิด ทว่าสีหน้ากลับดูหนักแน่น “ลูกไม่อยากแต่งเข้าไปในจวนเฉิงอ๋องเพคะ”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวามองบุตรีด้วยความรักใคร่และเอ็นดู จึงเปรยด้วยเสียงเบา “ได้ หากเจ้าไม่อยาก เช่นนั้นประเดี๋ยวแม่จะไปอธิบายกับเสด็จน้าฮ่องเต้ของเจ้าอย่างชัดเจน และจะไปพูดคุยกับเสด็จน้าเจ็ดของเจ้า ให้เขาประทานงานสมรสของจวินเจ๋อร์กับแม่นางผู้อื่น จะได้ไม่ต้องถ่วงเวลาเขา”
วันนั้นเพราะว่าเหยาเยี่ยนอวี่จะไปกล่าวคำอวยพรกับท่านฮูหยินติ้งโหวและพี่สาวที่จวนติ้งโหวในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้พักอยู่จวนองค์หญิงใหญ่
เหยาเหยียนอี้รู้ว่าฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้เหยาเยี่ยนอวี่จัดหายาสมุนไพร พอเดินเข้าประตูก็เรียกน้องสาวไว้ จากนั้นก็ปรึกษาหารือกับนางเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
สองพี่น้องตระกูลเหยาฉลองตรุษจีนในเมืองหลวง หลังจากปีใหม่ เรื่องที่จะกระทำอย่างเป็นพิธีการมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือไปกล่าวคำอวยพรตรุษจีนที่จวนติ้งโหว นี่ถือว่าเป็นญาติที่เกี่ยวดองกันอย่างเป็นพิธีการ จึงไม่สามารถทำขึ้นอย่างฉาบฉวย
เหยาเหยียนอี้จึงเตรียมของขวัญให้กับสองสามีภรรยาติ้งโหวด้วยความใส่ใจและละเอียดอ่อน และก็ตื่นนอนแต่เช้าตรู่ เขาตั้งใจแต่งกายอย่างเป็นระเบียบ จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดยาวที่ทำจากผ้าต่วนสีน้ำเงิน ข้างในสวมใส่กางเกงยาวสีมืด ขากางเกงยัดเข้าไปในรองเท้าสีนิล คอเสื้อและแขนเสื้อปักลายมงคล ตรงเอวยังคาดเข็มขัดสีเดียวกัน แล้วยังมีหยกแขวนดอกเหมยสีนิลที่มีเส้นด้ายห้อยระย้าหยกงดงามเอาไว้
ความแวบวับของชุดทำให้คุณชายรองตระกูลเหยาที่มีดวงหน้าอันหล่อเหลาอยู่แล้วก็ยิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ทำให้เขาดูสง่างดงาม ทีแรกนัยน์ตาดอกท้อที่แฝงด้วยความรักใคร่และเอ็นดู เดิมทีท่าทีดูโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เข้ากับอายุของเขา ตอนนี้กลับทำให้เหล่าสาวใช้มองเขาด้วยความปลาบปลื้ม
เหยาเหยียนอี้แต่งกายอย่างครบครันจนเสร็จแล้วส่องคันฉ่องเพื่อมองเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่อย่างละเอียดไปสักพัก ก็รู้สึกพึงพอใจจึงสั่งสาวใช้ข้างๆ ที่กำลังเหม่อลอย “ไปดูว่าคุณหนูรองเสร็จหรือยัง”
ทันใดนั้น สาวใช้ก็ได้สติกลับมาทันที จึงรีบขานรับพลางวิ่งออกไป
เหยาเหยียนอี้เอ่ยถามบ่าวคนสนิทของตน นั่นก็คือพี่เลี้ยงของเขา นามว่าเหยาซื่อสี่ “รถม้าเตรียมพร้อมหรือยัง”
เหยาซื่อสี่ติดตามเหยาเหยียนอี้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ และเป็นบ่าวที่มีความสามารถคนหนึ่งของเขา ได้ยินนายเอ่ยถามจึงโค้งตัวน้อมคำนับพลางตอบกลับ “เรียนคุณชายรอง เตรียมเสร็จแล้วขอรับ ของขวัญก็ขนไปไว้ในรถม้าแล้วขอรับ”
“อืม” เหยาเหยียนอี้รู้สึกวางใจในการทำงานของเหยาซื่อสี่ เขาค่อยๆ เดินออกไปข้างนอก ขณะเดียวกันก็สั่งการขึ้น “ก่อนตรุษจีน กิจธุระที่ข้ามอบหมายให้เจ้าไปจัดการต้องทำให้ได้เร็วๆ นี้ เวลาไม่คอยใคร อย่าทำให้เรื่องใหญ่ต้องล้าช้า”
“นายท่านวางใจเถอะขอรับ บ่าวได้ไปสืบหามาแล้ว ทางไปเฉิงตงหนานมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง เหตุเพราะโดยรอบไม่มีภูเขาและไม่มีน้ำ แม้แต่ชลประทานยังไม่สะดวก ดังนั้นมันจึงว่างมาตลอด ไม่มีผู้ใดยอมไปสร้างคฤหาสน์หรือจวนเลยขอรับ เจ้าของอยากขาย ทว่าก็เกรงว่าพวกเราจะให้ราคาต่ำไปขอรับ”
“ราคานั้นไม่ต่ำแล้ว เขาเองก็รู้ว่าไม่มีแหล่งน้ำ เป็นสถานที่ที่ย่ำแย่ แม้กระทั่งดอกหญ้ายังไม่ขึ้น ก็คงมีแค่พวกเราที่ยอมซื้อ เจ้าลองคิดหาวิธีอีก ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนวันที่สิบห้าในเดือนหนึ่งนี้ให้ได้”
ซื่อสี่รีบตอบกลับ “ขอรับ บ่าวจะจดจำเอาไว้”
ระหว่างที่เอ่ยพูด เหยาเยี่ยนอวี่ก็พาสาวใช้เดินมาจากด้านหลัง เหยาเหยียนอี้เงยหน้ามองนาง ก็คลี่ยิ้มเบาๆ
วันนี้เหยาเยี่ยนอวี่แปลงโฉมจากการแต่งกายที่ดูเรียบง่ายในวันปกติ กลายเป็นสวมใส่เสื้อผ้าต่วนสีแดงดอกไห่ถางพิมพ์ลายไก่ฟ้าหลังขาว เสื้อผ้าข้างในคือผ้าฝ้ายสีขาวงาช้างและกระโปรงร้อยกลีบ ข้างนอกยังสวมใส่ชุดคลุมสีม่วงพิมพ์ลายดอกกุหลาบ ทั้งเรือนร่างของนางดุจดั่งดอกไห่ถางตูมที่ปราศจากกลิ่นหอมแต่เต็มไปด้วยความพึงพอใจในตนเอง
ทันใดนั้น เหยาเหยียนอี้ก็สังเกตเห็นน้องรองคนนี้ไม่ค่อยโปรดปรานในชุดที่ปักลาย เสื้อผ้าที่นางสวมใส่เป็นประจำก็มักจะเลือกเสื้อผ้าที่พิมพ์ลาย ซึ่งเป็นเนื้อผ้าที่มีเพียงสีเดียวและดูเรียบง่าย ถึงแม้จะไม่หรูหราพอ ทว่าก็แลดูเรียบง่ายแต่สง่างาม
คุณชายรองตระกูลเหยาพยักหน้าอย่างพึงพำใจ แล้วพูดขึ้น “น้องรอง เวลาก็สายมาแล้ว พวกเราไปกันเถอะ พวกเราคือรุ่นผู้น้อย ไม่ควรไปสายเกินไป”
ตอนวันที่สองของปีใหม่ จวนติ้งโหวมีสะใภ้ทั้งหมดสามคน สะใภ้สองคนกลับตระกูลเดิมของตนเองไปแล้ว เหตุเพราะเหยาเฟิ่งเกอตั้งครรภ์ และได้ยินว่าพี่รองและน้องสาวถูกจวนองค์หญิงใหญ่เชิญไปฉลองตรุษจีน ดังนั้นจึงไม่ได้กลับจวนตระกูลของตนเอง วันนี้เป็นวันที่สามของปีใหม่ ตระกูลผู้ให้กำเนิดของสะใภ้ทั้งสามจะมากล่าวคำอวยพรตรุษจีนกับจวนติ้งโหว ดังนั้นจึงมีทั้งแขกเหรื่อที่เป็นบุรุษและสตรีต่างก็มาเยือนในจวน ทำให้บรรยากาศครึกครื้นยิ่งนัก
ทั้งสองพี่น้องแห่งตระกูลเหยาตามกันขึ้นรถม้า แล้วออกจากจวนตระกูลเหยาไปจวนติ้งโหว พอถึงที่หมายจึงจะรู้ว่าที่แท้พี่ชายและพี่สะใภ้ของสะใภ้สองจวนติ้งโหวก็ได้มาถึงก่อนพวกเขาแล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่เลยไปกล่าวคำอวยพรเนื่องในวันตรุษจีนกับลู่ฮูหยินก่อน สะใภ้ทั้งสามก็อยู่ในเรือนของลู่ฮูหยิน เฟิงฮูหยินน้อยเพิ่งจะหายจากโรคร้าย ทีแรกก็จะพักผ่อนอยู่ในเรือน ทว่าเพราะว่าเหยาเยี่ยนอวี่จะมา นางเลยดื้อรั้นที่จะมารอนางให้ได้
เหยาเยี่ยนอวี่ถูกสาวใช้และเหล่าผัวจื่อพาเข้าไปในเรือนของลู่ฮูหยิน เสียงเสวนาและหัวเราะกันในเรือนจึงค่อยๆ หยุดลง เหยาเยี่ยนอวี่เดินหน้าไปน้อมทำความเคารพลู่ฮูหยิน ลู่ฮูหยินพยักหน้าและอมยิ้ม “รีบนั่งเถอะ”