หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 190 อาหารเช้าของท่าเรือ การเดิมพันทางน้ำ (2)
ตอนที่ 190 อาหารเช้าของท่าเรือ การเดิมพันทางน้ำ (2)
เซียวหลินกระแอมกระไอเบาๆ สักพัก แล้วพูดขึ้น “คุณหนูเหยา ปลาคงเผาได้แล้วกระมัง มาดื่มสุราด้วยกันเสียจอก?”
เหยาเยี่ยนอวี่ถึงจะได้สติกลับมา แล้วเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตนเองนั่งอยู่ที่นี่ถึงไม่เหมาะสม ดังนั้นเหยียดกายลุกขึ้น แล้วคลี่ยิ้ม “ไม่แล้ว ท่านโหว และเหล่าท่านแม่ทัพค่อยๆ กินไป ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน” กล่าวจบก็ค่อยๆ ย่อตัวลง จากนั้นถอยหลังไม่กี่ก้าวแล้วเดินจากไป
ถังเซียวอี้ตอบกลับคำว่า ‘อื้ม’ และกำลังอยากจะพูดอะไรออกมา สุดท้ายนัยน์ตาของเว่ยจางก็สั่งให้คำพูดที่กำลังออกจากปากของเขาถูกเก็บเข้าไปทันที
น้องสาวสามารถหลุดพ้นจากสายตาของมารร้ายบางคน ภายในใจของเหยาเหยียนอี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย จึงชูจอกสุราพร้อมด้วยเสียงอันร่าเริง “มา ชนอีกจอก”
เจ้าของบ้านเชิญชวน แน่นอนว่าไม่สามารถปฏิเสธ ดังนั้น ชายหนุ่มอีกสามคนก็ชูจอกเหล้าขึ้น หลังจากที่เสียงชนติ้งดังขึ้น ทุกคนต่างก็ดื่มสุราในจอกจนหมด
เหยาเยี่ยนอวี่กลับไปในห้องโดยสาร แล้วเพิ่งรู้สึกว่าเรือนร่างของตนเองเคล้าด้วยกลิ่นเหม็นของควัน ดังนั้นจึงขมวดคิ้วพร้อมสั่งให้คนตักน้ำมาให้นางล้างหน้า จากนั้นก็ค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้า ปั้นซย่ายกโจ๊กเนื้อปลาหนึ่งถ้วยเข้ามาด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบา “คุณหนูเจ้าคะ หมัวมัวตุ๋นโจ๊กเนื้อปลาให้ท่านโดยเฉพาะเลยเจ้าค่ะ”
“อืม วางไว้ตรงนั้นก่อนเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่มัดเชือกตรงเอวด้วยตัวเองเสร็จ ผมยาวสลวยถูกหวีจนเรียบลื่น จากนั้นจึงถักเปียผมหลวมๆ แล้วดึงจากไหล่มาอยู่ตรงหน้าอก พร้อมกับใช้เชือกสีลูกท้ออ่อนมัดไว้ตรงปลาย
ตรงหน้าคันฉ่องมีกระจกเล็กๆ ที่ทำจากไม้ต้นท้อแกะสลักด้วยลวยลายบุษบา เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผลิตจากโรงหลอมกระจกของเหยาเยี่ยนอวี่ ใช้กระจกแผ่นสะอาดเคลือบด้วยสารปรอท เป็นกระจกชาติตะวันตกอย่างที่เขาว่ากัน
กระจกบานนี้กับกระจกในยุคปัจจุบันใกล้เคียงกัน ซึ่งจะส่องภาพได้ละเอียดกว่ากระจกทองแดงเป็นร้อยเท่า
ในกระจก รูปลักษณ์อันพริ้มเพราของสาวน้อยเหมือนดั่งหยกและแก้มที่งดงามประดุจลูกท้อ หางตาและคิ้วที่เคล้าด้วยความมีชีวิตชีวาอย่างไร้ขีดสิ้นสุด
มีคนว่ากันว่า โลกแห่งความรู้สึก ทำให้ประสาทหลอน
บางคนมองเห็นทิศทางอย่างชัดเจน และมุ่งไปด้านหน้าอย่างกล้าหาญ ส่วนบางคนกลับเดินหลงตรงทางแยก ทำให้ดูน่าเวทนายิ่งนัก
ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มีความรู้สึกและความสัมพันธ์มากเท่าไหร่ที่สามารถรอให้เวลาผ่านพ้นจนรูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไป แต่ยังคงความสัมพันธ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง แค่กลัวว่าการสัมพันธ์ที่เข้าหากัน สุดท้ายจะกลายเป็นพรากจากกัน ผู้ที่จับมือแล้วสบตากัน สุดท้ายก็กลายเป็นหันหลังใส่กัน
ที่ผ่านมา เหยาเยี่ยนอวี่เผชิญกับความสัมพันธ์และความรู้สึกได้อย่างมีสติปัญญา นางหวังว่าตนเองจะเป็นคนประเภทด้านหน้า สามารถรักษาทิศทาง และมุ่งไปด้านหน้าอย่างกล้าหาญ มิเช่นนั้นนางจะยอมไม่เดินในเส้นทางนี้ ไม่เข้าไปในวังวนนี้
ทว่า พอได้ยินเสียงหัวเราะอันร่าเริงของนอกหน้าต่าง นางก็อดคิดถึงคำพูดนั้นที่ก่อนหน้านี้เหยาเฟิ่งเกอเคยเอ่ย รอให้ถึงวันนั้น มีคนๆ นั้นที่เจ้าจะยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อเขา ข้ากับเหล่าพี่ชายเจ้าจะไม่ขัดขวางเจ้า
วันนี้มันมาถึงได้ไวเช่นนี้เลยหรือ เหยาเยี่ยนอวี่มองตนเองในคันฉ่อง แล้วยิ้มขมขื่นอย่างประหม่า
วันนี้ตั้งแต่ที่ขึ้นเรือ จนกว่าคนๆ นั้นปรากฏตัว หัวใจของนางเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ชุ่ยเวยพวกเขาต่างก็นึกว่านางรู้สึกเสียใจเพราะได้พรากจากกับหันหมิงชั่นและซูอวี้เหิง แท้จริงแล้วมีเพียงนางที่รู้ ในวันนี้ ภายในใจของนางเฝ้าคำนึงถึงเพียงคนๆ เดียว และเรื่องๆ เดียว
เหตุใดเขาถึงยังไม่มา เหตุใดเขาถึงยังไม่มา เขาผิดนัด หรือเพราะว่าเหตุผลอะไรถึงได้ถูกฮ่องเต้ยกเลิกการเดินทางไปเขตตอนใต้
อย่างไร เรื่องที่ครุ่นคิดในหัวสมอง ก็มีเพียงเขาคนเดียว!
“คุณหนูเจ้าคะ โจ๊กเย็นหมดแล้วเจ้าค่ะ” ชุ่ยเวยพูดด้วยเสียงเบา
“อ่อ” เหยาเยี่ยนอวี่ได้สติกลับมา แล้วรับโจ๊กพลางกินขึ้นด้วยคำเล็กๆ ไปทีละคำ
ข้างนอกไม่รู้ว่าใครพูดอะไร ถึงได้ทำให้เซียวหลินและถังเซียวอี้หัวเราะเสียงดัง
เหยาเยี่ยนอวี่จึงยิ้มบางๆ ไปด้วย เอาเถอะ ชอบก็ชอบ สามารถชอบคนๆ หนึ่งที่ประจวบกับที่เขาชอบตนเองพอดี ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสุขมากแล้ว
ต่อให้หนทางข้างหน้าอาจจะทำให้หลงทาง หมอกควันอาจจะหนา ใครก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งไม่กล้าพูดถึงว่าความสัมพันธ์นี้จะต้องมีผลสรุปอย่างไร ทว่าไหนๆ ก็โปรดปรานซึ่งกันและกันจากใจจริง ก็ควรไม่ทรยศความรักที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ตอนกลางคืนของแม่น้ำอวิ๋นเทียนไม่ถือว่าเงียบสงบ มีเสียงซ่าๆ ของลม และมีเสียงไหลของกระแสน้ำ
เหยาเยี่ยนอวี่นอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงนอนที่ไม่คุ้นเคย พร้อมกับกอดหมอนไว้หนึ่งใบ จากนั้นก็หลับตาและพยายามทำให้ตนเองนอนหลับ กลับนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ ในหูได้ยินแต่เพียงเสียงกระซิบ
จวบจนใกล้จะเที่ยงคืน คนทั้งหมดบนเรือต่างก็นอนฝัน แม้กระทั่งปั้นซย่าและไม่ตงที่ปูนอนบนพื้นต่างก็กรนด้วยเสียงเบา และนางก็แค่รู้สึกว่าร่างกายตนเองเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก สมองกลับตื่นและมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
สุดท้ายก็จนปัญญา นางทำได้เพียงนั่งขัดสมาดบนเตียง แล้วทำได้เพียงทำตามวิธีการหายใจและค่อยๆ ฝึกฝนไปตามที่จารึกไว้ใน ‘คัมภีร์ไท่ผิง’ พอทำให้จิตใจสงบแล้ว ถึงจะสามารถปรับสภาพภายในร่างกาย
เรื่องนี้เหยาเยี่ยนอวี่อดทนทำมาครึ่งปีกว่าแล้ว จึงได้คุ้นเคยอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้นางทำไปด้วยและพลิกสิ่งที่ตนเองจดบันทึกไปด้วย จึงมักจะทำแล้วลืมอันโน้นอันนี้ สุดท้ายท่าที่วางก็ถูก กลับลืมวิธีการหายใจ
ตอนนี้แค่หลับตาลงแล้วเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนแรก ก็สามารถเข้าสู่ขบวนการด้วยจิตใจที่สงบสุข
บนผืนแม่น้ำ คลื่นน้ำซัดผ่านเล็กน้อย แสงดาวอันอ้างว้าง พระจันทร์เสี้ยวแขวนอยู่บนขอบฟ้าด้วยความเย็นยะเยือก ทำให้ส่องสว่างผืนแม่น้ำที่นิ่งสงบนี้
ที่ไม่ไกลจากเรือลำใหญ่นี้ของตระกูลเหยา มีเรือลำเล็กไม่กี่ลำตามอยู่ด้วยความไม่รีบร้อนและไม่เชื่องช้า หนึ่งในเรือเหล่านั้น เว่ยจางบนอยู่บนตั่งไม้แล้วหลับตาทำสมาธิ ข้างๆ มีถังเซียวอี้นั่งอยู่และกำลังพูดแต่เรื่องไร้สาระไม่รู้จบ
“คุณหนูเหยาช่างไม่เลวจริงๆ! แม่นางที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านแม่ทัพยังจะลังเลอะไรอยู่”
“ท่านแม่ทัพก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องวิวาห์ก็ไม่ควรยืดเยื้อหรือเปล่า อีกอย่างไม่แน่วันใดตรงชายแดนเกิดสถานการณ์วุ่นวายขึ้นอีก พวกเรายังต้องถือปืนไปออกรบ ท่านไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายแม้แต่เพียงน้อยเลยหรือไง ตระกูลเว่ยอย่างไรก็ต้องมีทายาทหรือเปล่า”
“อีกอย่าง ท่านแม่ทัพ ท่านไม่สร้างครอบครัว เหล่าสหายจะมีหน้าไปสู่ขอสาวได้อย่างไร ว่าไหม”
“ดังนั้น ถือว่าเพื่อเหล่าสหาย ท่านแม่ทัพต้องรีบเร่งหน่อย!”
เว่ยจางถูกถังเซียวอี้ปากพล่อยจนเบื่อหน่ายยิ่งนัก จึงขมวดคิ้วก่นด่าด้วยความโมโห “หุบปาก!”
“ท่านแม่ทัพกำลังลังเลอะไรกันแน่!” ถังเซียวอี้ไม่มีทางหุบปาก คืนนี้เขาถือว่ามองออก คุณหนูเหยาผู้นั้นก็คิดอะไรกับท่านแม่ทัพของเขาอยู่บ้าง เจ้าว่าบุรุษมีใจแม่นางก็รู้สึก ทั้งสองยังจะชักช้าอ้อยอิ่งอะไรอีก
รีบไปสู่ขอ หมั้นหมาย และแต่งงาน ควรทำอะไรก็ทำอย่างนั้น!
มัวแต่เชื่องช้าอยู่ได้ ถึงเวลาหากเป็ดที่ผัดจนสุกนั้นบินหายไป! จะร่ำไห้ก็คงร่ำไห้ไม่ออก!
เรื่องอื่นแม่ทัพของเขาตัดสินใจอย่างว่องไวและเด็ดขาด มีเพียงงานวิวาห์ที่มักจะมีจิตใจลังเลไม่มีความเด็ดขาด ไม่มีความเป็นบุรุษ!
ถังเซียวอี้อยากจะ…
ภายในใจของเว่ยจางก็รู้สึกเครียด เหตุเพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าเหยาเยี่ยนอวี่คิดอย่างไร
คืนนี้เหตุใดยัยหนูคนนี้ถึงไม่แสดงนิสัยที่ไม่ดีออกมา แล้วยังทำท่าทางที่อ่อนโยนและเคารพเชื่อฟัง อีกทั้งยังถ่อมตนและมีมารยาทเช่นนี้?
หรือว่าเพราะว่าเซียวหลินเป็นคนนอก จึงอยากให้เกียรติตนที่เป็นแม่ทัพคนนี้
นี่ไม่ได้เท่ากับว่าให้ความสำคัญในตนเองหรือไง
ภายในใจของเว่ยจางมีความคิดนับถ้วน สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อสรุป แค่ถอนหายใจอย่างเศร้าใจ ภายในใจจึงคิดว่าพอแล้ว อย่างไรสองเดือนกว่าๆ ต่อจากนี้ก็จะได้อยู่กับยัยหนูนี่อยู่แล้ว สองเดือนกว่านี้ หากตนเองไม่สามารถเอาอยู่กับยัยหนูคนนี้ วันข้างหน้าก็คงไม่มีหน้าถ่วงเวลาอยู่เยี่ยงนี้อีกต่อไป แม้กระทั่งเหล่าสหายตรงหน้าก็คงจะรู้สึกขำขันตัวเองน่าดู