หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 241 หายกลัดกลุ้มใจ เตรียมกลับเมืองหลวง (5)
เหยาเยี่ยนอวี่พูดกับน้าตู้ซาน “ปล่อยนาง ให้นางพูด”
น้าตู้ซานปล่อยมือตามคำสั่ง ทว่ายังคงจับจ้องพฤติกรรมของเหยาเชวี่ยหวาด้วยความระมัดระวังตัว
“ซ่งเหยียนชิงบีบบังคับข้า! เขาบีบบังคับข้า…” เหยาเชวี่ยหวาพูดด้วยเสียงสะอื้น
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น “หากเขาไม่รู้จุดอ่อนของเจ้า เขาจะบีบบังคับเจ้าได้อย่างไร เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปบอกท่านแม่”
“ข้า…ข้า…” เหยาเชวี่ยหวาหายใจถี่ และไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
เหยาเยี่ยนอวี่มองสภาพของนาง ก็เดาออกว่าคำพูดที่บอกว่าถูกบีบบังคับนั้นเป็นเรื่องโกหก ดังนั้นก็ไม่มากความอะไรกับนางอีกต่อไป แค่พูดว่า “วันนี้ที่ข้ามา ก็แค่อยากมาถามเจ้า ซ่งเหยียนชิงให้ผลประโยชน์อะไรกับเจ้า ถึงทำให้เจ้ามาทำร้ายข้า”
เหยาเชวี่ยหวามองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความหวาดผวา นางขยับปาก ทว่ากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างสดใส “เจ้าไม่อยากบอกข้า? หรือกลัวว่าข้าจะรู้อะไรจากจื่อหลิง? หรือว่าเจ้าคิดว่าจื่อหลิงจะยอมแบกรับความผิดทั้งหมดเพื่อที่จะให้เจ้ารอดชีวิต? เจ้าประเมินค่าสาวใช้คนสนิทของเจ้าสูงเกินไปหรือเปล่า”
“ข้า…เงินส่วนตัวของข้ากับมารดาอยู่ในมือของเขา เขาเอาเงินของพวกเราไปปล่อยกู้…เขายังบอกว่า หากเจ้าไม่อยู่ในจวนข้าหลวงเหยา ในจวนก็จะมีข้าเป็นบุตรีคนเดียว ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินต้องดีกับข้า ต้องอบรมสั่งสอนข้าเป็นอย่างดี อนาคตเพื่อที่จะวางแผนแต่งเข้าตระกูลชั้นสูง…พี่รอง ข้า…ข้าก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ ท่านเข้าเมืองหลวงไปแล้ว แล้วเหตุใดถึงกลับมาอีก ท่านก็รู้ หากท่านกลับมา ทุกคนในจวนก็จะไม่เห็นข้าในสายตา…จู่ๆ ท่านแม่ของข้าก็ถูกฮูหยินส่งตัวออกไปอยู่ด้านนอก จนถึงตอนนี้นางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย…”
พอนึกถึงเช่นนี้ แววตาที่เคล้าด้วยความหวาดผวาของเหยาเชวี่ยหวาจางหายไปเล็กน้อย ทว่ากลับประกายความเกรี้ยวโกรธออกมา “พี่รองมีชีวิตที่ดีเช่นนั้นแล้ว! ไยไม่ยอมหลีกให้ข้าได้ดิบได้ดีบ้าง ข้ารูปงามกว่าท่าน ศิลปะทั้งสี่และฝีมือการเย็บปักถักร้อยของข้า มีสิ่งใดบ้างที่ไม่ดีไปกว่าท่าน! เหตุใดพวกนางถึงมองแต่ท่าน กลับไม่เคยเห็นข้าในสายตา ทำไม!”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกขบขันอย่างมาก ที่แท้ก็เพราะเช่นนี้นี่เอง!
หลายวันมานี้นางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าเหตุผลที่ทำร้ายกันจะง่ายดายเช่นนี้
เหตุเพราะตนเองกลับมาจึงชิงดีชิงเด่นกับนาง? อ้อ ไม่ ยังมีเรื่องเงินของนางและมารดาถูกคนอื่นฉ้อโกงไป พวกเขาจึงมีผลประโยชน์ร่วมกัน
เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจยาวๆ แล้วเอ่ยถาม “เชวี่ยหวา เงินทองส่วนตัวของเจ้ากับมารดาเจ้าถูกซ่งเหยียนชิงฉ้อโกงไปเท่าใด”
“ข้าไม่รู้…มารดาของข้าเป็นคนดูแล น่าจะราวๆ…พันกว่าตำลึงเงินกระมัง…”
“หนึ่งพันตำลึงเงิน” แค่หนึ่งพันตำลึงเงิน คุ้มค่ากับการหักหลังพี่สาวของนางแล้วหรือ!
แน่นอน หากเทียบกับราคาตลาดค้าทาส สาวใช้หนึ่งคนซื้อในราคาห้าตำลึงเงิน พันตำลึงเงินก็เพียงพอในการซื้อบ่าวไพร่ทั้งหมดของจวนข้าหลวงใหญ่แล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่กัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าตนควรหัวเราะเพราะความโง่ของสองแม่ลูกดี หรือควรร้องไห้ในค่าตัวราคาถูกของตนดี
เหยาเชวี่ยหวามองสีหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้น “พี่สาว ข้าผิดไปแล้ว…ได้โปรดพี่สาวช่วยบอกฮูหยินที ภายภาคหน้าข้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง! ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก ข้าถูกไอ้สัตว์เดรัจฉานซ่งเหยียนชิงยั่วยุ ได้โปรดพี่สาวเห็นแก่ความสัมพันธ์ของพี่น้อง อภัยให้ข้าในครั้งนี้เถอะ!”
“เจ้ายังถือว่าไม่โง่มากนัก ยังรู้ว่าเวลานี้ควรขอร้องอ้อนวอนข้า ข้ายังนึกว่าเจ้าจะกัดฟันกรอดแล้วสบถหยาบใส่ข้าเสียอีก” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“พี่รอง! แค่พี่สาวอภัยให้ข้า ท่านจะให้ข้าทำอะไรก็ยอม!” เหยาเชวี่ยหวารีบสัญญาขึ้นมาทันที
“เจ้าจะทำอะไรเพื่อข้าได้บ้าง” เหยาเยี่ยนอวี่ถามกลับด้วยรอยยิ้ม
เหยาเชวี่ยหวานิ่งงัน จากนั้นก็พูดด้วยความกระวนกระวายใจ “พี่สาวให้ข้าทำอะไร ข้าก็ทำสิ่งนั้น!”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้ม ผ่านไปสักพัก นางถึงจะถอนหายใจออกมา “จริงๆ ข้าไม่ได้อยากจะให้เจ้าทำอะไร ข้าแค่อยากให้เจ้าลืมเรื่องนี้ไปเสีย แล้วอย่าพูดถึงอีก แน่นอน เจ้าจะไม่ลืมก็ได้ และเที่ยวบอกคนอื่นไปทั่วว่าข้าเป็นคนทำร้ายเจ้า ทว่าหากเป็นเช่นนั้น เกรงว่าเจ้าคงจะถูกกักขังไว้ในเรือน เพราะถูกมองว่าเป็นคนสติวิปลาส ข้าจะกลับเมืองหลวงแล้ว หลังจากข้าจากไป เจ้ายังใช้ชีวิตได้เหมือนเช่นเคย พวกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก เจ้าเข้าใจหรือยัง”
“พี่สาวยังจะไปเมืองหลวงอีกหรือ” ช่วงนี้เหยาเชวี่ยหวาถูกขังไว้ในเรือน เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกไม่มีใครก็ไม่ยอมเล่าให้นางฟัง
“อืม” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า หลังจากที่ทราบสาเหตุที่เหยาเชวี่ยหวาทำร้ายตนเอง นางค่อนข้างรู้สึกหมดอาลัยตายอยากและผิดหวังยิ่งนัก
ว่ากันว่าความสัมพันธ์ของคนบางดั่งกระดาษ ก่อนหน้านี้นางยังไม่เชื่อ ตอนนี้นางเข้าใจเสียที แล้วนางจะเห็นอกเห็นใจคนเช่นนี้ไปไยกัน
“พี่สาวได้โปรดพาข้าไปด้วยเถอะ!” เหยาเชวี่ยหวาอยากลงจากตั่งไม้กลับถูกน้าตู้ซานกดร่างไว้อีกครั้ง
“พาเจ้าไป?” เหยาเยี่ยนอวี่มองเหยาเชวี่ยหวาราวกับมองสัตว์ประหลาด “ทำไม”
“ข้าบอกแล้ววันข้างหน้าข้าจะทำตามคำสั่งพี่สาวอย่างเคร่งครัด ข้าปรนนิบัติรับใช้พี่สาว! ฝีมือการเย็บปักถักร้อยของข้าไม่เลว ข้า…”
“พอเถอะ อย่าพูดอีกเลย” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก “เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าพักรักษาตัวในเรือนดีๆ เถอะ ที่ที่เจ้าควรไปท่านพ่อจะเป็นคนจัดการเอง” กล่าวจบเหยาเยี่ยนอวี่หันหลังแล้วกำลังจากไปนางไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว
“พี่รอง!” เหยาเชวี่ยหวาขานเรียกอย่างไม่ถอดใจ
เหยาเยี่ยนอวี่ชะงักฝีเท้าลงแล้วหันไปพูดกับนาง “ข้าจะไม่ขอไม่ปิดบังเจ้า เพื่อที่จะไม่ให้เจ้าแต่งงานกับซ่งเหยียนชิง ท่านพ่อก็ได้ทะเลาะถกเถียงกับท่านย่าไปครั้งหนึ่งแล้ว หากเจ้ายังมีจิตสำนึกก็อย่าทำให้ท่านพ่อต้องเสียความรู้สึกกับเจ้าไปมากกว่านี้เลย หากเกิดเรื่องเสียหายอะไรขึ้นอีกเจ้าก็รับผิดชอบเองแล้วกัน” กล่าวจบเหยาเยี่ยนอวี่หันหลังเดินจากไปทันที เหมือนเรือนแห่งนี้เต็มไปด้วยเชื้อโรค
พอถึงเรือนของตน สีหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ยังไม่ดีขึ้น เฝิงหมัวมัวเห็นจึงถามชุ่ยเวย ชุ่ยเวยพูดด้วยเสียงเบาว่าคุณหนูไปเยี่ยมคุณหนูสามมา เฝิงหมัวมัวเลยไม่ได้เอ่ยถามอะไรเพิ่มเติมอีก แค่ขมวดคิ้วพลางถอนหายใจแล้วเก็บข้าวของต่อ
หลายวันมานี้เหยาเหยียนอี้มัวแต่ยุ่งกับกิจธุระด้านนอก หนิงฮูหยินน้อยก็เก็บข้าวของเตรียมตัวเข้าเมืองหลวง
หลายวันมานี้ยังมีญาติที่อยู่แดนไกลของจวนข้าหลวงใหญ่มาแสดงความยินดีถึงจวน หวางฮูหยินและเจียงฮูหยินน้อยจึงยุ่งอยู่ทุกวัน
สามวันถัดไป จิ้งหนานปั๋วฮูหยินจึงมากล่าวขอบคุณ บอกว่าตุ่มตามเรือนร่างของซ่งเหยียนชิงตกสะเก็ดแล้ว และอาการก็ดีขึ้นมาก ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งได้ยินใบหน้าแย้มยิ้มเสียที จึงตามเหยาเยี่ยนอวี่มาเอ่ยชม จากนั้นสั่งให้คนเปิดหีบส่วนตัวเอาเครื่องประดับที่สวมใส่ในวัยสาวให้เหยาเยี่ยนอวี่ บอกว่าเป็นการเพิ่มสินเดิมเจ้าสาว จิ้งหนานปั๋วฮูหยินก็ได้เลือกเครื่องประดับส่งมาให้ ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งสั่งให้คนส่งไปที่เรือนของเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยกัน
แม้นเหยาเชวี่ยหวาจะไม่ออกจากประตูเรือนของนาง ทว่าตามที่ผัวจื่อของนางพูด สองสามวันนี้คุณหนูสามดีขึ้นเยอะมากแล้ว นอกจากกินข้าวนอนหลับ ในทุกๆ วันก็ยังเย็บปักถักร้อยอ่านตำราอะไรเหล่านี้ โดยรวมแล้วก็ถือว่ากลับมาเป็นปกติแล้ว
ชีวิตที่แสนวุ่นวายผ่านพ้นไปอย่างว่องไว ไม่นานก็ถึงวันที่สิบสามเดือนห้าแล้ว
คืนนี้ข้าหลวงเหยาปฏิเสธงานสังสรรค์ทั้งหมดแล้วกลับจวนแต่หัววัน พร้อมกับสั่งให้โรงครัวเตรียมมื้อค่ำรสโอชะไว้ตั้งโต๊ะอาหารในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง อีกทั้งยังสั่งให้คนไปเชิญชวนเว่ยจางมาด้วย ทั้งครอบครัวรวมตัวกัน ถือว่าเป็นการเลี้ยงส่งบุตรชาย บุตรี และบุตรเขย