หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 247 แยกย้ายกันเดินทาง เยี่ยนอวี่ยืมรถม้า (1)
มวลดอกพฤกษานานาชนิดส่งกลิ่นหอมเย้ายวนลอยอยู่เหนือผิวน้ำอุ่น ดอกม่วงขนาดเล็กแช่ด้วยน้ำอุ่นทำให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ฟุ้งกระจายไปทั่ว กลิ่นหอมเย้ายวนใจนี้ทำให้ความเมื่อยล้าผ่อนคลายลงได้ดีที่สุด ทั้งยังทำให้จิตใจสงบ
เหยาเยี่ยนอวี่ทอดถอนหายใจเบาๆ แล้วหลับตาลงพลางพิงขอบอ่าง ตรงหน้าของนางมีภาพเรือนร่างเปียนโชกของเว่ยจางและถังเซียวอี้ลอยมา แล้วนึกถึงคำพูดที่ทำให้สบายใจของถังเซียวอี้จึงอดเปรยในใจไม่ได้ คนพวกนี้ไม่รู้ว่าต้องฝ่าฟันความยากลำบากมามากเพียงใด!
ลมพัดและฝนตกตลอดทั้งคืน เดิมทีเหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ค่อยอยากนอนพัก ทว่าหากนางไม่นอน เฝิงหมัวมัวและสาวใช้คนอื่นก็พักผ่อนไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงนอนหลับตาเพื่อพักผ่อนสายตาบนเตียงเท่านั้น
ตอนฟ้าสาง ยังดีที่ฝนหยุดลงแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่เหยียดกายลุกขึ้นอย่างเงียบๆ แล้วผลักหน้าต่างมองออกไปด้านนอก ทว่าผิวน้ำแม่น้ำอวิ๋นเทียนยังคงมีคลื่นกระเพื่อมและขยายเป็นวงกว้างกว่าก่อนหน้านี้ พอมองไปไกลๆ ต้นหลิวบางส่วนที่ปลูกตามแนวทำนบในก่อนหน้านี้ก็จมสู่น้ำแล้ว
สายลมฟ้าหลังฝนในยามเช้าเย็นสบายเป็นพิเศษ เพราะยุ่งกันมาหลายวัน ซ้ำอากาศยังร้อนระอุ ตอนนี้ชุ่ยเวยและคนอื่นๆ ยังคงหลับสนิทกันอยู่
เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้ทำให้สาวใช้ที่ปูนอนบนพื้นตื่นตกใจ ตนสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็สาวเท้าลงไปชั้นล่างด้วยฝีเท้าแผ่วเบาแล้วลอบเดินตรงไปดาดฟ้า
ยามฟ้าสางเหนือผิวน้ำยังมีไอขาวโพลนลอยอยู่หนึ่งชั้น บรรพตเขียวขจีตรงที่ไกลห่างออกไปถูกโอบล้อมด้วยหมอกรับกับเกลียวคลื่นสีครามใสสาดซัดต่อเนื่อง ส่งเสริมให้ทิวทัศน์โดดเด่นยิ่งขึ้นประดุจดินแดนเทวดา
เว่ยจางตื่นแต่เช้าตรู่แล้วยืนอยู่บนหัวเรือแบนพลางรับฟังทหารที่ไปลาดตระเวนกำลังรายงานสถานการณ์บนชายฝั่งอยู่ ชุดคลุมยาวสีนิลลายนกเหยี่ยวถูกลมพัดจนเกิดเสียงซ่าๆ เผยให้เห็นถึงรูปร่างสัดส่วนอันสูงสง่า
เดิมทีเขาก็ตั้งใจฟังทหารรายงานสถานการณ์บนชายฝั่ง ทว่าไม่ได้ตั้งใจหันหลังไปมองก็เห็นคุณหนูเหยาที่อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าครามยืนอยู่บนหัวเรือ นัยน์ตาที่เคร่งขรึมกลับทอประกายความอ่อนโยนออกมา
เหยาเยี่ยนอวี่จับกราบเรือพลางมองเขาจากที่ไกลๆ พอเห็นเขามองมาเช่นกัน นางก็ไม่ได้หลบสายตาไปทางอื่น เว่ยจางฟังทหารรายงานจนจบ จากนั้นก็กระโดดพลางก้าวผ่านเรือขนสินค้าสองสามลำแล้วมายืนอยู่ข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่
“ตื่นเช้าเช่นนี้เชียว เหตุใดถึงไม่หลับให้มากๆ”
“นอนไม่หลับ” เหยาเยี่ยนอวี่อุทานเสียงค่อย “สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้างแล้ว”
“ไม่ค่อยดีนัก พำนักที่เก่าทรุดโทรมบางหลังถูกฝนที่ตกกระหน่ำเมื่อคืนทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ฝนที่ตกในเขตตอนเหนือหนักกว่าที่นี่ดั่งที่คาดไว้ ชาวบ้านมากมายต่างไม่มีบ้านให้กลับ แผ่นดินเจียงหนานนิยมปลูกข้าวหลากหลายชนิด ที่นาก็ถูกทำลายล้างไปไม่น้อย ทว่าสถานการณ์ทางทิศเหนือของแม่น้ำจินนั้นคาดการณ์ไม่ได้อีก ไม่นานอุทกภัยนี้คงจะรายงานให้ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่อง”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วถอนหายใจ “อากาศร้อนระอุเช่นนี้ หลังเกิดอุทกภัยต้องเกิดโรคระบาดตามมาเป็นแน่”
“นี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว”
“พวกเราจะเปลี่ยนเป็นเดินทางทางบกหรือไม่”
“เคลื่อนไปข้างหน้าก่อนค่อยดูอีกที คนที่ข้าส่งไปดูสถานการณ์ฤดูน้ำหลากของแม่น้ำจินยังไม่กลับมาเลย ถึงตอนเที่ยงก็คงจะรู้เรื่องแล้ว”
“เช่นนี้ เวลาจะยืดเยื้อไปนานเพียงใด”
“บรรจุสินค้าและละวางสินค้าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวัน”
เวลาหนึ่งวัน เหยาเยี่ยนอวี่ลอบครุ่นคิด การวางสินค้าก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันแล้ว การเดินทางทางบกอย่างน้อยก็ช้ากว่าสี่ถึงห้าวัน หากเวลายืดเยื้อเช่นนี้ เวลาเดินทางถึงเมืองหลวงอวิ๋นก็เป็นต้นเดือนหกพอดี
พอคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เหยาเยี่ยนอวี่อดภาวนาในใจขอให้ฝนในเขตแม่น้ำจินอย่าตกหนักไม่ได้
ทว่าในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ปรารถนาไว้
ยังไม่ถึงตอนเที่ยง คนที่เว่ยจางส่งตัวออกไปก็กลับมาพร้อมนำข่าวสารกลับมาว่า ทำนบแม่น้ำจินพัง สองมณฑลที่ตั้งอยู่ในเขตบรรจบกันของแม่น้ำจินและแม่น้ำอวิ๋นเทียนเกิดอุทกภัยอย่างรุนแรง ชาวบ้านตายและบาดเจ็บจนนับไม่ถ้วน การสัญจรไปมาทางน้ำจึงติดขัดอย่างยิ่ง
เหยาเหยียนอี้ตบโต๊ะอักษรแล้วสบถหยาบด้วยเสียงต่ำ
อารมณ์ของเว่ยจางก็ย่อมไม่ดีอยู่แล้ว จึงเอ่ยถามสถานการณ์โดยรวมด้วยเสียงต่ำค่อยสั่งให้คนถอยออกไป
“ทำเช่นไรดี” เหยาเหยียนอี้เงยหน้ามองเว่ยจาง
“ไม่มีวิธีอื่นใดแล้ว ทำได้เพียงเปลี่ยนเป็นเดินทางโดยรถม้าในท่าเรือต่อไปแทน” เว่ยจางพูดขึ้น
เหยาเหยียนอี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ในตอนนี้มีเพียงวิธีเดียว เวลานี้เขาแค่หวังว่าจะหารถม้าที่เพียงพอบนท่าเรือต่อไปได้
“ด้านหน้าเป็นท่าเรืออี้โจว ข้าหลวงผู้ปกครองอี้โจวเยี่ยนปิ่งกวงมีชื่อเสียงในแวดวงราชการที่ถือว่าไม่เลว” เหยาเหยียนอี้ครุ่นคิดอย่างเงียบงันไปสักพักแล้วพูดขึ้น
“อืม” เว่ยจางพยักหน้าแล้วไม่พูดไม่จาอีก เขากุมพระราชโองการลับของฮ่องเต้ไว้ แน่นอนว่าต้องไม่เกรงกลัวว่าศาลาว่าการท้องถิ่นจะไม่ให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เป็นช่วงสำคัญอย่างยิ่ง ศาลาว่าการไม่มีทางให้ความสำคัญกับยาสมุนไพรเหล่านี้ ที่สุดแล้วไม่สนใจชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนในยามนี้ได้อย่างไร สิ่งที่แม่ทัพเว่ยกังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือ ทำนบของแม่น้ำจินแตกเช่นนี้แล้วจะเดินทางผ่านสองมณฑลนี้ได้อย่างไร
เช้าวันถัดไป ขบวนเรือถึงท่าเรืออี้โจวเสียที
พอเทียบท่า เหยาเหยียนอี้ก็พาข้ารับใช้สิบกว่าคนไปเช่ารถม้าที่ท่าเรือ ไม่ต้องพูดถึงสัมภาระต่างๆ ของทั้งครอบครัว แค่ยาสมุนไพรสี่ลำนั้นก็ต้องใช้รถม้าราวๆ ยี่สิบคันแล้ว ส่วนสัมภาระต่างๆ บนเรือลำใหญ่ก็คงต้องใช้รถม้าอีกสิบกว่าคัน
ทั้งยังต้องคัดเลือกรถม้าสำหรับเหล่าสตรีอย่างพิถีพิถัน เพราะว่าระหว่างการเดินทางอาจจะไม่มีโรงเตี๊ยมให้พักผ่อน ตอนเวลากลางคืนจำเป็นต้องตั้งค่ายตั้งกระโจมกลางหุบเขาเพื่อพักอาศัยเป็นการชั่วคราว คงไม่อาจปล่อยให้เหล่าสตรีนอนพักในที่โล่ง พวกนางจำเป็นต้องใช้รถม้าคันกว้างในการนอนพักระหว่างทาง
พอขึ้นไปบนท่า เหล่าข้ารับใช้ก็รีบไปตามหารถม้า เหยาเหยียนอี้เข้าไปนั่งรอในโรงน้ำชา
ถึงเวลาตอนเที่ยงวัน ข้ารับใช้ที่แยกย้ายกันไปตามหารถม้าไม่ว่าจะเช่ามาด้วยราคาสูงลิ่วหรือราคาต่ำก็หารถม้ามาขนสินค้าได้สิบกว่าคัน รถม้าจอดเรียงรายกันตรงท่าเรือ เหยาเหยียนอี้เริ่มสั่งให้คนขนยาสมุนไพรไปวางบนรถม้า นอกจากนี้รถม้าสำหรับเหล่าสตรีก็เช่ามาได้แค่สองคันด้วยราคาที่สูงลิ่ว
ในเรือลำใหญ่ หนิงฮูหยินน้อยทำสีหน้าบูดบึ้งแล้วทอดถอนหายใจไม่หยุด เหยาเยี่ยนอวี่เองก็ขมวดคิ้วเป็นปม
“รถม้าไม่เพียงพอเช่นนี้ควรทำอย่างไรดี” หนิงฮูหยินน้อยเปรยด้วยความกระวนกระวาย
“พี่สะใภ้ รอให้ขนย้ายยาสมุนไพรเสร็จ หากยังเช่ารถม้าคันใหญ่ไม่ได้ ท่านพาฮั่นเจี่ยเอ๋อร์และพี่ใหญ่นำขบวนรถม้าขนยาสมุนไพรไปก่อนแล้วท่านให้บ่าวไพร่คนสนิทติดตามไปด้วยก็พอ รถม้าคันใหญ่สองคันก็คงเพียงพอแล้ว”
หนิงฮูหยินน้อยพลันส่ายหน้า “ทำเช่นนั้นได้อย่างไร แล้วเจ้าจะทำอย่างไร”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดขึ้น “ตอนนี้เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดก็คือขนยาสมุนไพรกลับไปก่อน เรื่องนี้มิอาจยืดเยื้อได้ ข้ารออีกวันสองวันรอให้เช่ารถม้าได้แล้วจะรีบตามพวกท่านไป”
หนิงฮูหยินน้อยส่ายหัวปฏิเสธกลับ “ข้าไม่เห็นด้วย ไปก็ไปด้วยกันสิ จะทิ้งเจ้าไว้ตามลำพังได้อย่างไร”
เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มบางๆ “ไม่ได้มีข้าแค่คนเดียวสักหน่อย ยังมีสตรีอีกยี่สิบกว่าคนอยู่เป็นเพื่อนข้า ข้าจะอยู่ตามลำพังได้อย่างไร”
หนิงฮูหยินน้อยขมวดคิ้ว “มิเช่นนั้นก็ให้พี่รองของเจ้าพาคนส่งยาสมุนไพรกลับไปก่อน พวกเรารอให้เส้นทางน้ำสัญจรไปมาได้ก็ยังนั่งเรือกลับไปได้เหมือนเดิม”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัวด้วยความกังวลใจ “ฮั่นเจี่ยเอ๋อร์ยังเด็ก อีกทั้งยังต้องผ่านเขตอุทกภัย หากเดินทางสายเกินไปกลัวว่าจะเกิดโรคระบาดก่อน ท่านยังต้องดูแลเด็กน้อย ฉะนั้นต้องรีบออกเดินทางแต่โดยเร็วที่สุดก่อน”
“เช่นนั้นพวกเราไม่กลับไปจะดีกว่า!” หนิงฮูหยินน้อยได้ยินว่ามีโรคระบาดจึงรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที “จากที่นี่กลับเมืองเจียงหนิงใช้เวลาแค่สามวัน พวกเรากลับจวนกันก่อน รอให้อุทกภัยครั้งนี้ผ่านไปแล้วค่อยกลับเมืองหลวง”
เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงันไป
หนิงฮูหยินน้อยพาบุตรีกลับไปได้ ทว่าตนมิอาจกลับไปได้ นางต้องกลับเมืองหลวงอวิ๋น ที่นั่นยังมีเรื่องมากมายรอนางสะสาง ยาสมุนไพรที่ฮ่องเต้ประสงค์ กิจการของเหยาเหยียนอี้ อีกทั้งอนาคตของนาง…กับเว่ยจาง
เมื่อมองยาสมุนไพรที่บรรจุเป็นห่อขนออกจากเรือไปบรรจุบนรถม้า ความตึงเครียดในใจของเหยาเหยียนอี้ยังไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย
“รถม้าไม่พอ เจ้ายังมีวิธีอื่นใดอีกหรือไม่” เวลานี้เหยาเหยียนอี้ไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเว่ยจางอีกต่อไป