หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 270 ดัดแปลงที่อยู่อาศัยใหม่ อวี้เหิงขอความช่วยเหลือ (4)
รอคอย? รอคอยอะไร เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดในใจอย่างเคร่งเครียด เจ้าอยากรอให้ลืมความสัมพันธ์ตนกับอวิ๋นคุนให้ได้ก่อนแล้วค่อยหมั้นหมายกระนั้นหรือ หรือว่ารอให้เซียวหลินสร้างเนื้อสร้างตัวแล้วกลับเมืองหลวง?
ขณะที่นางกำลังขบคิดอย่างเงียบๆ จู่ๆ รถม้าก็จอดลง
เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “เป็นอะไรไป”
ชุ่ยเวยเลิกม่านเอ่ยถาม ไม่นานบ่าวที่นำทางเดินหน้าก็วิ่งมารายงาน “คนของจวนแม่ทัพได้ยินว่าเป็นรถม้าของคุณหนูจึงตั้งใจมาน้อมทำความเคารพคุณหนูโดยเฉพาะขอรับ”
หันหมิงชั่นหลุดหัวเราะ ‘พรวด’ ออกมา เหยาเยี่ยนอวี่หน้าแดงขึ้นมาทันที “เช่นนั้นก็ยังจะมากความหรือไร้สาระอะไรอีก ยังไม่สั่งให้พวกเขารีบแยกย้ายอีก อย่ามาขวางทางข้า ข้ายังมีธุระสำคัญต้องทำ!”
บ่าวที่อยู่ด้านนอกพลันตอบกลับแล้วจากไป ไม่นานรถม้าก็เดินหน้าต่อ
เหยาเยี่ยนอวี่และหันหมิงชั่นที่นั่งอยู่ในรถม้า มองไม่เห็นว่าท่ามกลางกลุ่มคนข้างถนนฉังเหมามองรถม้าคันใหญ่วิ่งผ่านตนเองไปด้วยรอยยิ้มชื่นบาน เขายืดคอยาวมองผ่านช่องโหว่ม่านรถม้าก็เห็นใบหน้าข้างของคุณหนูเหยา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าแม่นางคนนี้ช่างงามล่มเมืองนัก เขาจึงก็รีบกลับไปรายงานแม่ทัพของตนเองทันที
หัวหน้าฉังเหมาตั้งแต่วันที่ฮ่องเต้พระราชทานงานสมรสก็มัวแต่ยุ่งกับการแปลงโฉมจวนแม่ทัพตลอดเวลา แค่หวังว่างานสมรสของแม่ทัพของเขาจะถูกกำหนดวันแต่โดยเร็วแล้วรีบสู่ขอฮูหยินเข้าไปในจวนเสียที จวนที่ไม่มีฮูหยินมักจะให้รู้สึกว่าไม่เหมือนบ้าน! แม่ทัพของเขาใช้ชีวิตลำบากมานานหลายปีเช่นนี้ก็ควรใช้ชีวิตเหมือนคนปกติกันบ้าง!
“นายท่านขอรับ วันนี้บ่าวไปดูเครื่องใช้ในเรือนกับช่างไม้เฝิง ท่านเดาว่าบ่าวไปเจอใครมา”
เว่ยจางเดินทางกลับมาจากสถานตากอากาศอย่างเร่งรีบ กลับมาแล้วยังไม่ทันกินแม้แต่อาหารเช้า ทั้งร่างเปียกโชกด้วยเหงื่อ จะมีอารมณ์มาเล่นกับฉังเหมาได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงถลึงตามองเขาแล้วพูดขึ้น “มีเรื่องอะไรก็พูด พูดจาไร้สาระอยู่นั่นแหละ!”
“ฮ่า!” ฉังเหมาก็ไม่โกรธเคืองจึงเดินหน้าเข้ามาถอดเสื้อผ้าให้ท่านแม่ทัพของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มชื่นบาน “บ่าวไปเจอกับรถม้าของฮูหยินแม่ทัพมาขอรับ”
“ฮูหยินอะไรนะ” เว่ยจางเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชาแล้วได้สติกลับมาทันที จากนั้นก็หันไปมองฉังเหมา “ไปเจอที่ใด”
ฉังเหมาที่มีใบหน้าดำคล้ำแย้มยิ้มได้เบิกบานกว่าโบตั๋นสีนิล “บนถนนหนานต้า! เหมือนยังมีอารักขาของจวนองค์หญิงใหญ่ติดตามไปด้วย บ่าวเดินเข้าไปน้อมทำความเคารพ อารักขาของตระกูลเหยาบอกว่าฮูหยินกับคุณหนูรองหันจะไปพักร้อนที่บ้านสวนนอกเมืองขอรับ”
“เจ้าอย่าพูดจาเรื่อยเปื่อย! ยังจะเรียกว่าฮูหยินอีก หากคำพูดเช่นนี้ถูกปล่อยให้คนนอกได้ยินเข้าก็คงจะทำให้ชื่อเสียงของคุณหนูเหยาป่นปี้ ถึงเวลาข้าจะดูว่าใต้เท้าเหยาจะฉีกปากเจ้าอย่างไร!” ปากของเว่ยจางก่นด่าด้วยความโหดเหี้ยมท ว่านัยน์ตากลับเคล้าด้วยรอยยิ้มที่มิอาจบดบัง
“ขอรับ บ่าวจะจดจำไว้” ฉังเหมาก็ไม่ได้รู้สึกโมโห แค่ค้อมตัวลงตอบกลับ จากนั้นก็ขยับเข้ามาเอ่ยถามยิ้มๆ “นายท่านขอรับ ให้บ่าวลองไปเร่งหอดูดวงดูหรือไม่ พวกเราจะได้กำหนดพิธีสมรสให้เร็วยิ่งขึ้น ท่านจะได้รู้สึกวางใจ?”
“เจ้าไปเก็บกวาดจวนให้เรียบร้อยก่อนเถอะ! จวนแม่ทัพดีๆ ของข้าถูกสุนัขรับใช้อย่างเจ้าทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว! ตระกูลเหยาเป็นตระกูลมากความรู้ความสามารถ เจ้าใช้ไม้นั้น…จุ๊!” แม่ทัพเว่ยส่ายหัวแล้วเปรยขึ้น “ช่างเถอะ ข้าไปหาคนมาช่วยเก็บกวาดและซ่อมบำรุงเองดีกว่า อย่างไรบ่าวอย่างเจ้าก็คงไม่มีความคิดล้ำเลิศอะไรอยู่แล้ว”
ฉังเหมาพูดขึ้นยิ้มๆ “นายท่านจะให้ใครมาช่วยขอรับ หันซื่อจื่อหรือคุณชายรองหัน หรือว่าจะเป็นเฉิงอ๋องซื่อจื่อ บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นแม่ทัพกันหมด! การประดับตกแต่งและดัดแปลงจวนเกรงว่าพวกเขาก็คงจะไม่ถนัดเหมือนกันหรือเปล่า ในความคิดของบ่าว ไม่เช่นนั้นท่านแม่ทัพก็ถามฮูหยินของพวกเราไปตรงๆ เถอะ ว่านางชื่นชอบอะไร แล้วให้นางวาดแบบร่างออกมา บ่าวจะได้ทำตามแบบร่าง เช่นนี้จะได้ไม่ต้องคอยกังวลอะไร อีกอย่างไรในภายภาคหน้า จวนแห่งนี้ก็เป็นของฮูหยิน ให้ไปถามความเห็นของผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง สุดท้ายต่อให้บ่าวพยายามทำเต็มที่ก็อาจจะไม่ถูกใจฮูหยินก็ได้!”
“เจ้าแค่พูดก็ง่ายน่ะสิ! ตอนนี้อยู่ในเมืองหลวงแล้วจะได้เจอนางง่ายเยี่ยงนั้นได้อย่างไร!” ตอนนี้แม่ทัพเว่ยถึงจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตอนอยู่บนเรือ เขามีโอกาสมากมายเช่นนั้น เหตุใดเขาถึงต้องลืมถามเรื่องนี้ด้วย!
“มิเช่นนั้น…ให้บ่าวจะไปถามน้าเฝิง?” ฉังเหมามองแม่ทัพทำหน้าบูดบึ้งจึงรู้ว่าเรื่องนี้คงจะหวังพึ่งเขาไม่ได้อีกแล้ว
“ได้ เช่นนั้นก็ไปจัดการเถอะ ใช่แล้ว ข้าซื้อเหล้าชั้นดีกลับมาจากเขตตอนใต้สองไห เจ้าเอาไปให้เหล่าเฝิงหนึ่งไหเถอะ” เว่ยจางรู้ว่าเฝิงโหย่วฉุนคือสามีแม่นมของเหยาเยี่ยนอวี่ คนๆ นี้ต้องพึ่งพาได้อยู่แล้ว
ฉังเหมารู้สึกรื่นเริงมาก “วันนี้ท่านแม่ทัพของบ่าวเริ่มมีสติปัญญาแล้ว!” รู้จักซื้อใจคน ใช้วิธีนี้ล่อใจบ่าวคนสนิทของฮูหยินเสียด้วย!
เหยาเยี่ยนอวี่และหันหมิงชั่นไปถึงบ้านสวนวัวจวูก็เที่ยงแล้ว
อย่างไรอากาศกลางหุบเขาก็มีลมพัดโชยแผ่วเบา ย่อมเย็นสบายกว่าเมืองหลวงมาก หลังจากเข้าประตูก็มีบ่าวยกแตงโมที่หั่นเสร็จมา บอกว่าเป็นแตงโมที่ทางสวนปลูกเอง ทั้งใหญ่ทั้งหวาน พวกเขาเหลือไว้ให้คุณหนูกลับมากินตลอด
เหยาเยี่ยนอวี่โยนพัดในมือทิ้งแล้วหยิบแตงโมมาหนึ่งชิ้น ดั่งที่คาด แตงโมนี้มีรสชาติตามธรรมชาติที่อร่อยยิ่งนัก!
เฝิงหมัวมัวพาชุ่ยเวย ซูหยิ่ง และคนอื่นๆ ไปขนข้าวของของคุณหนูทั้งสองเข้ามา จากนั้นก็จัดให้เป็นระเบียบ
ผัวจื่อในบ้านสวนจึงเข้ามารายงาน “บ่าวตุ๋นไก่ป่าไว้ทั้งเช้าแล้ว จึงอยากจะเรียนถามคุณหนูว่าจะรับมื้อเที่ยงยามใดเจ้าคะ”
“รีบตั้งโต๊ะอาหารเถอะ! ข้าหิวจนไส้จะขาดแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่พูดขึ้นยิ้มๆ
ทันใดนั้น ชุ่ยเวยและคนอื่นๆ ก็วางของในมือก่อนแล้วไปปรนนิบัติคุณหนูทั้งสองกินมื้อเที่ยง
ไก่ที่ตุ๋นเป็นไก่ป่า ข้างในยังต้มเห็ดป่าสดๆ เข้าไปด้วย พอใช้หม้อดินตุ๋นไปทั้งเช้าก็ตุ๋นจนเนื้อเปื่อย พอใช้ตะเกียบคีบกระดูกขึ้นมา เนื้อที่เปื่อยก็หล่นลงไปในน้ำแกง
ชุ่ยเวยและซูหยิ่งใช้ตะเกียบคีบกระดูกไก่ออก จากนั้นก็ใส่เนื้อไก่และน้ำแกงเข้าไปในถ้วยแล้วแบ่งให้คุณหนูทั้งสองคน
เหยาเยี่ยนอวี่สูดดมเบาๆ ก็เปรยขึ้น “หอมจริงๆ! นานแล้วที่ไม่ได้กินอาหารเช่นนี้”
หันหมิงชั่นจึงพูดขึ้นลอยๆ อย่างทนดูไม่ได้ “เจ้าเดินทางผ่านเขตอุทกภัยจนตนเองก็กลายเป็นผู้ประสบภัยไปแล้ว ช่างน่าสงสารยิ่งนัก!”
“จริงๆ ก็ค่อยยังชั่ว พวกเราไม่เคยขาดแคลนอาหารเลย” เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ได้กินสัตว์ในน้ำพวกกุ้งปลาทั้งขาไปและขากลับเยอะมาก!” กล่าวจบตนเองก็คลี่ยิ้มขึ้นอีก
หันหมิงชั่นพูดอย่างรื่นเริง “หยุดพูดได้แล้ว ก่อนหน้านี้ซูหยิ่งยังบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าในจวน แล้วจะเอาปลาทะเลที่เป็นของพระราชทานจากวังหลวงไปให้แม่ครัวตุ๋นให้เจ้ากิน พอเจ้าพูดเช่นนี้แล้วข้ากลับรู้สึกว่าไม่ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าที่จวนน่ะดีแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ผายมืออย่างต่อเนื่องแล้วพูดยิ้มๆ “อืม พี่สาวผู้แสนดี เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องปลากับข้าเลย ตอนนี้แค่ข้าเห็นปลาก็รู้สึกอิ่มแล้ว ส่วนน้ำแกงปลาตุ๋นน่ะหรือ แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกพะอืดพะอมแล้ว”
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ ทั้งสองไปนอนพักเที่ยงบนตั่งไม้เย็น จริงๆ แล้วต่างก็ไม่มีใครง่วงนอนเลย แค่อยากจะไปนอนพูดคุยเล่นกันเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้หันหมิงชั่นเอ่ยถาม “ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่าไม่อยากออกเรือน ตอนนี้เป็นอะไรไป ฮ่องเต้ทรงพระราชทานงานสมรสเช่นนี้ต่อให้ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดลอยๆ ด้วยเสียงเบา “พี่สาวก็รู้ในนิสัยของข้า ข้าไม่ชอบคนที่จุกจิกเรื่องมากที่สุด ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกว่าออกเรือนเป็นเรื่องยุ่งยาก ดังนั้นถึงได้ไม่อยากออกเรือน ทว่าการกลับเจียงหนานในครั้งนี้ ในจวนกลับสร้างเรื่องสร้างปัญหาให้ข้ามากมาย ดังนั้นข้าคิดว่าสุดท้ายก็ออกเรือนเถอะ ออกเรือนให้กับตระกูลธรรมดาข้าก็คงได้ใช้ชีวิตที่สมดั่งใจปรารถนาอยู่บ้าง”