หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 277 ฝึกขี่ม้ากลางป่าพงไพร เยี่ยมชมเรือนหอ (1)
หันหมิงชั่นพูดยิ้มๆ “ถ้าเจ้าเฮยหลางทำเจ้าตก กลับไปก็จับมันตุ๋นในหม้อใหญ่”
พวกเขาต่างก็พูดคุยเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่สนใจ นางเหยียบโกลนม้าแล้วจับแอกม้าปีนขึ้นหลังมันอย่างยากลำบากแล้วนั่งให้นิ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจลากยาวหนึ่งที “พอเถอะ! เจ้าเฮยหลาง พวกเราไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้นแล้ว เจ้าพาข้าวิ่งหนึ่งรอบเถอะ!”
“เอ๊ะ นี่…ไหวหรือเปล่า” หันซังเย่ว์มองเจ้าเฮยหลางพาเหยาเยี่ยนอวี่วิ่งไปฝั่งโน้นจึงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
ฉังเหมาก็นิ่งงัน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าว่าที่ฮูหยินขี่ม้าเป็นหรือไม่ ดังนั้นจึงรีบหันไปขอม้าหนึ่งตัวแล้วกระโดดขึ้นควบขี่พลางเร่งม้าตามไป
หันหมิงชั่นมองเรือนร่างโงนเงนของเหยาเยี่ยนอวี่ที่ขี่อยู่บนหลังม้าหายไปจึงอดเปรยขึ้นไม่ได้ “ครั้งที่แล้วตอนมาสนามม้าที่นี่นางยังตกจากหลังม้าอยู่เลย ครั้งนี้กลับควบขี่ม้าพันธุ์ดีได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ”
หันซังเย่ว์พูดขึ้นยิ้มๆ “ครั้งนี้เว่ยจางติดตามไปเจียงหนาน เกรงว่าคงลงแรงไปไม่น้อย?”
หันหมิงชั่นพูดด้วยความรื่นเริง “ท่านพี่ดูนางสิ เหมือนเปลี่ยนไปคนละคนเลย ก่อนหน้านี้ยังนั่งนิ่งเหมือนหุ่นไม้และคอยระมัดระวังตัวตลอด วันนี้กลับโบยบินอย่างเป็นอิสระ ดูๆ แล้วงานสมรสพระราชทานนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
คุณหนูรองหันติดตามพี่ชายขึ้นหลังม้า กลับไม่ได้เร่งม้า แค่ปล่อยให้ม้าพาพวกเขาย่างเหยาะอยู่บนสนามม้าอย่างช้าๆ
หันซังเย่ว์มองน้องสาวแล้วเปรยขึ้น “เรื่องของคุณหนูเหยามีกำหนดการออกมาแล้ว ดูๆ แล้วยังถือว่าเป็นงานสมรสที่ไม่เลว ไม่รู้ว่าน้องสาวคิดอย่างไร จริงๆ ข้าก็รู้สึกว่าเซียวหลินก็เป็นบุรุษที่ไม่เลว ได้ยินว่าเขาได้สร้างผลงานในเขตตอนใต้อย่างดี วันนั้นท่านพ่อพูดถึงเขาแล้วยังเอ่ยชม บอกว่าเขาไม่แสดงความโอหังอวดดีของผู้ที่เป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งโหวเลย กลับเป็นบุรุษมากความสามารถที่หายาก”
“เขาเป็นบุรุษมากความสามารถที่ไม่เลวจริงๆ” หันหมิงชั่นถอนหายใจแผ่วเบา นัยน์ตาแววใสที่ทอดมองไปในป่าดูเก้อเขินเล็กน้อย ความรู้สึกที่เขามีต่อตนนางก็รู้ดี แค่ว่าตอนนี้นางยังไม่รู้จริงๆ แล้วจะตอบเขาอย่างไรดี
หันซังเย่ว์ไม่อยากเห็นน้องสาวเป็นเช่นนี้ หลายปีมานี้เหตุเพราะรอยแผลเป็นนั้น แล้วตอนนี้ยังเป็นเพราะจวนเฉิงอ๋อง น้องสาวของเขาเดิมทีก็ควรจะเป็นสตรีสง่างามที่มีชีวิตสุขสบายไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้คุณชายรองหันจึงยิ้มน้อยๆ “น้องสาวจะคิดมากไปไย ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ เจ้าเป็นสตรี ไม่จำเป็นต้องคิดมาก เรื่องความเคียดแค้นระหว่างตระกูลไม่ใช่ปัญหาของเจ้า แค่เจ้าออกเรือนอย่างมีความสุขก็พอแล้ว”
“ข้าโชคดีต่างหาก” หันหมิงชั่นแย้มยิ้ม “ที่ได้รับความรักใคร่และเอ็นดูจากบิดามารดาและพี่ชาย”
หันซังเย่ว์ยิ้มจางๆ “ดังนั้นพวกเราจึงหวังว่าเจ้าจะออกเรือนกับบุรุษที่มอบทั้งหัวใจให้เจ้าและทำให้เจ้ามีความสุขได้ตลอดชีวิต หากพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ เซียวหลินอาจจะเทียบไม่ได้กับอวิ๋นคุน และพูดถึงเรื่องชาติตระกูล จิ้งไห่โหวก็แตกต่างกับจวนเฉิงอ๋องนับพันลี้”
พอพูดถึงเช่นนี้ หันซังเย่ว์จึงขึ้นเสียงสูง “แค่ว่าน้องสาวของข้าทีแรกก็ควรใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและถูกเอาอกเอาใจโดยไม่ต้องไปคอยดูสีหน้าที่ย่ำแย่ของใคร”
หันหมิงชั่นยิ้มอย่างงดงาม “ข้าฟังพี่ชาย”
“เช่นนั้นกลับไปข้าจะบอกท่านแม่ เรื่องนี้ปล่อยให้พี่รองจัดการเอง”
“ได้!” หันหมิงชั่นพูดไปก็ยกแส้ประดับพลอยหลากสีขึ้น “พี่ชาย เรามาแข่งกันหนึ่งรอบเถอะ!”
“ได้ มา” หันซังเย่ว์ยกแส้ม้าขึ้น
แส้ม้าส่งเสียงดังชัดเจน บนถนนทางม้าวิ่งชุ่มโชกด้วยน้ำฝนทำให้มีโคลนกระเซ็นขึ้นมา เสียงม้าวิ่งอย่างเร่งรีบประดุจน้ำฝนที่เทลงมาค่อยๆ ลับไปที่ไกลๆ
กลับพูดถึงคุณหนูเหยาที่ต่อให้กลายเป็นสหายกับเฮยหลางก็ไม่กล้าขี่เร็วเกินไป ด้านหลังของนางไม่มีที่พึ่งพิง นางยังคงค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้น
โชคดีที่เจ้าเฮยหลางรู้จักกาลเทศะมาก มันวิ่งได้นิ่มนวลอย่างน่าแปลก แค่เจ้าม้าตัวนี้เหมือนไม่ค่อยเชื่อฟัง ด้านหน้ามีทางโค้งหนึ่ง คุณหนูเหยาอยากจะให้มันหักโค้ง ทว่ามันกลับไม่ฟังแล้วพานางวิ่งไปยังสถานที่สงบกลางป่า
“นี่!” เหยาเยี่ยนอวี่รีบดึงบังเหียนม้าเพื่อที่จะหยุดเจ้าเฮยหลาง
ทว่าเจ้าเฮยหลางกลับไม่สนใจนาง แค่พานางเดินบนทางลัดที่วิ่งผ่านต้นไม้กลางป่าแล้วไปถึงลำธารน้ำใสสะอาดเล็กๆ ถึงจะหยุดลงช้าๆ แล้วยืนอยู่ข้างลำธารพลางมองซ้ายแลขวา
“เจ้าเด็กซน! เป็นบ้าอะไรขึ้นมาไยถึงวิ่งมาที่นี่” เหยาเยี่ยนอวี่มองตามสายตาเจ้าเฮยหลางที่กำลังมองซ้ายแลขวาอย่างไร้ความอดทน ที่นี่เงียบสงบยิ่งนัก กลับเป็นสถานที่ที่ไม่เลว แค่ว่าไม่เห็นเงาคนแม้แต่คนเดียวจึงทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
“นี่! พวกเรากลับกันเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่ลูบขนของเจ้าเฮยหลางแล้วเกลี้ยกล่อมเหมือนเด็ก “ที่นี่ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว! ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย กลับเถอะ ดีไหม”
เจ้าเฮยหลางทำเสียงในจมูกแล้วค่อยๆ เดินไปตรงลำธารพร้อมก้มหน้าดื่มน้ำ
“จุ๊!” เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจแล้วมองทิวทัศน์รอบทิศ เป็นทิวทัศน์ที่งดงามจริงๆ แต่…นางขี่ม้ามาตามลำพังคงไม่มีอารมณ์มาชมทิวทัศน์อยู่แล้ว!
ยามลมพัดผ่าน ใบไม้กลางป่าพงไพรก็ส่งเสียงดัง เฮยหลางที่ดื่มน้ำอยู่จู่ๆ ก็เงยหน้าหันไปมอง
เหยาเยี่ยนอวี่หันไปมองด้วยความตื่นเต้นแล้วพึมพำเสียงต่ำ “เจ้ามอง…อะไรอยู่” ข้าตะโกนว่าเห็นผีได้ไหม! คุณหนูเหยาอ้าปากกว้าง ที่นี่ไม่ใช่ทางไปสถานตากอากาศนี่ เขาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน!
วันนี้เว่ยจางแต่งกายด้วยชุดขี่ม้าสีเทาแกมเงิน กลับไม่ได้ขี่ม้า แค่สวมใส่รองเท้าหุ้มข้อสีนิลเหยียบกรวดริมลำธารพลางเดินมาทีละก้าว
ก่อนหน้านี้เคยเห็นแค่เขาสวมใส่ชุดสีเขียวเข้ม สีเทามืด หรือไม่ก็สีนิล เหยาเยี่ยนอวี่มักจะรู้สึกว่าเขาสง่าผ่าเผยและหล่อเหลาทั้งยังน่าเกรงขามและกล้าหาญชาญชัย เหมือนเสื้อผ้าสีเข้มถึงคู่ควรกับวีรบุรุษที่แข็งแกร่งอย่างเขา นึกไม่ถึงว่าตอนที่เขาสวมใส่ชุดสีเทาอ่อนๆ กลับดูดีอยู่เหมือนกัน
หว่างคิ้วที่เคร่งขรึมยังคงอยู่ แววตายังคงลุ่มลึกยากจะคาดเดาอารมณ์ เสื้อผ้าสีเทาแกมเงินยังคงไม่ลดความเยือกเย็นของเขา กลับทำให้เขาดูร้ายกาจเล็กน้อย พอคนมองไปเพียงปราดเดียวก็ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ ซ้ำยังทำให้ขาดสติ
เจ้าเฮยหลางเหมือนเด็กที่เห็นแม่ของตนเองแล้วก็รีบวิ่งเข้าหาอย่างดีใจ พอไปถึงตรงหน้าเจ้าของ มันก็ใช้ขาสะกิดไหล่ของเขาอย่างประจบประแจง เหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ ได้สติกลับมาแล้วทำปากมู่ทู่พลางจับจ้องเขาไว้
เว่ยจางค่อยๆ ยื่นมือออกมาแล้วหัวเราะด้วยเสียงแผ่วเบา “ลงมา”
คำพูดเพียงสองพยางค์ คุณหนูเหยากลับเหมือนถูกยั่วยวน นางจึงยื่นมือไปวางบนมือของเขาอย่างหลงใหลจากนั้นก็กระโดดลงมาอย่างซุ่มซ่าม
เหมือนผู้ที่ชาญฉลาดมักจะเคลื่อนไหวร่างกายไม่กระฉับกระเฉงเฉกเช่นคุณหนูเหยาจริงๆ นางเป็นหมอเซียนที่เก่งกาจเช่นนี้ ตอนรักษาผู้ป่วยกลับดูแน่วแน่และมั่นใจ ทว่าตอนลงจากม้ากลับไม่สนใจเหยียบโกลนม้าแล้วไถลลงมาอย่างไม่ระมัดระวัง
เว่ยจางจึงรีบอุ้มนางลงมาแล้วพูดลอยๆ ด้วยเสียงเบา “สภาพเจ้าเป็นเช่นนี้แล้วยังอยากจะฝึกขี่ม้าอีก?”
พอถูกคนอื่นโอบไว้ในอ้อมกอดกำลังจึงอ่อนกว่าผู้อื่นหนึ่งขั้น หลังจากคุณหนูเหยาพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของเขาถึงจะเชิดคางขึ้น “ทำไมถึงฝึกไม่ได้ ใครออกกฎห้ามไม่ให้ข้าฝึกขี่ม้า”
“เฮ้อ!” เว่ยจางส่ายหน้าแล้วเปรยขึ้น “ฝึกมานานขนาดนั้น แม้กระทั่งตอนลงม้าหัวยังจะทิ่มพื้นทุกรอบ? อีกอย่างข้าเห็นท่าทางเมื่อครู่นี้ของเจ้าเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว? เจ้ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่”
คุณหนูเหยาหายใจถี่ขึ้นมาทันที…เจ้าหว่านเสน่ห์ใส่ข้าเช่นนั้น จะให้ใจของข้าไม่พร่ำเพ้อได้อย่างไร