หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 288 สืบทอดฐานันดรศักดิ์ตามสายเลือด ตามหมอกลางดึก (5)
ส่วนมากเจิ้นกั๋วกงจะพักอาศัยอยู่ในจวนขององค์หญิงใหญ่ ส่วนทางฝั่งจวนเจิ้นกั๋วกงก็จะมีสองสามีภรรยาหันซังเกอคอยดูแลความเรียบร้อย คุณชายรองหันและครอบครัวจึงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่กลับอาศัยแค่เรือนทางฝั่งทิศตะวันตกของจวนเจิ้นกั๋วกงเท่านั้น จึงมีประตูใหญ่อีกประตูที่ใช้ในการเดินทางออกมาด้านนอก
ภายในจวนเจิ้นกั๋วกง เฟิงเซ่าอิ่งเป็นคนดูแลหลัก นางเป็นสะใภ้ใหญ่ของบุตรชายภรรยาเอก เป็นภรรยาของทายาทตระกูลหัน คืนนี้เหยาเยี่ยนอวี่ได้รับเชิญจากเฟิงเซ่าอิ่งให้อยู่กินข้าวที่นี่ และแน่นอนว่ายังมีหันหมิงชั่นสองพี่น้อง หันหมิงเจวี๋ยและหันหมิงชั่นคอยอยู่เป็นเพื่อนอยู่แล้ว
เฟิงเซ่าอิ่งตั้งครรภ์ นางจึงดูเป็นมิตรกว่าก่อนหน้านี้มาก พอได้เห็นเหล่าพี่น้องกำลังพูดคุยเล่นกัน นางก็พลอยมีความสุขไปด้วย นางบอกให้เหยาเยี่ยนอวี่กินโน่นกินนี่ไม่หยุด แล้วยังชวนเหยาเยี่ยนอวี่อยู่ต่อในจวนอีกหลายวัน
เหยาเยี่ยนอวี่เดินทางมาจวนเจิ้นกั๋วกงจากบ้านนาน้อยวัวจวูโดยตรง ยังไม่ทันกลับจวนไปเจอพี่ชายและพี่สะใภ้เลย แน่นอนว่าต้องไม่พักอาศัยอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว แค่รอฟังคำตอบจากเรือนหน้า พอรู้ถึงการตัดสินใจของท่านกั๋วกงและเหล่าแม่ทัพของเขาแล้วจึงเหยียดกายลุกขึ้นกล่าวคำอำลาแล้วเตรียมตัวออกจากที่นั่น
หันหมิงชั่นรู้สึกอาลัยอาวรณ์ นางกลับรู้ว่าคืนนี้ต้องรั้งนางไว้ไม่อยู่อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงพูดขึ้น “ช่วงก่อนเพราะงานศพขององค์หญิงต้าจั่ง เหล่าสหายจากแต่ละตระกูลในเมืองหลวงก็ไม่ได้อยู่ร่วมกันมานานแล้ว เหิงเอ๋อร์ก็ไม่ยอมออกจากจวน มิเช่นนั้นให้ข้าเป็นเจ้าภาพหาเวลาเชิญทุกคนมาอยู่ร่วมกันเถอะ เจ้าจะได้ผ่อนคลายบ้าง เอาแต่ขังตัวเองไว้ในเรือนทั้งวันจะทนไหวได้อย่างไร อีกอย่าง ผ่านเดือนนี้ไปเจ้าก็จะออกเรือนเป็นภรรยาของคนอื่นแล้ว ถ้าอยากจะมาเที่ยวเล่นกับพวกเราก็คงจะเป็นเรื่องยากเสียแล้ว”
ทีแรกเหยาเยี่ยนอวี่ยังคิดว่าจะตามตัวซูอวี้เหิงมาปลอบใจอย่างไรดี พอได้ยินคำพูดของหันหมิงชั่นก็รู้สึกไม่เลว แต่พอได้ยินคำพูดหลังๆ จึงเก้อเขินจนหน้าแดงพร้อมพูดด้วยเสียงต่ำ “ตอนนี้พี่หันยิ่งอยู่ก็ยิ่งเยาะเย้ยคนอื่นเก่งขึ้นทุกทีเลยนะ”
หันหมิงชั่นเอ่ยถามน้องสาวอนุภรรยาสองคนที่อยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าลองแสดงความเห็นดู สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง จะพูดจาเยาะเย้ยคนอื่นได้อย่างไร”
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้มากความ แค่เดินไปด้านนอกต่อ เกี้ยวของจวนเจิ้นกั๋วงรออยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว หันหมิงชั่นจูงมือเหยาเยี่ยนอวี่ไว้แล้วเอ่ยถาม “เจ้าจะมาหรือไม่มากันแน่”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “พี่สาวเป็นเจ้าภาพจะกล้าไม่มาได้อย่างไร หากกำหนดวันเวลาแล้วก็สั่งให้คนมาบอกข้าก็พอแล้วนี่”
“เช่นนั้นพวกเราตกลงกันไว้แล้วนะ หากข้ากำหนดวันเวลาแล้วจะสั่งให้คนไปรับเจ้าเอง” หันหมิงชั่นมองเหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นเกี้ยว มีผัวจื่อร่างกำยำสองคนคอยยกเกี้ยว เฟิงเซ่าอิ่งสั่งให้หัวหน้าแม่บ้านในจวนติดตามไปส่งตลอดทาง เหล่าสาวใช้และผัวจื่อสิบกว่าคนออกจากเรือน นางก็ยืนอยู่ตรงใต้แสงไฟไปสักพักถึงจะหันหลังกลับไป
ผัวจื่อสองคนยกเหยาเยี่ยนอวี่ไปอยู่ด้านหลังรถม้าของตนเองที่จอดอยู่ตรงมุมประตูจวนเจิ้นกั๋วกง ที่นั่นมีเฝิงหมัวมัว น้าตู้ซาน ชุ่ยเวย และคนอื่นๆ ที่ติดตามมาด้วย เหล่าแม่บ้านของจวนเจิ้นกั๋วกงต่างก็กล่าวอำลา เซินเจียงถึงจะขับเคลื่อนรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนเหยา
เว่ยจางคอยอยู่ตรงปากซอยนอกประตูจวนเจิ้นกั๋วกงตั้งนานแล้ว พอเห็นรถม้าวิ่งมาจึงหันไปต้อนรับ
เซินเจียงเห็นว่าเป็นเว่ยจางจึงรีบหยุดรถม้าพร้อมน้อมทำความเคารพ เหตุเพราะเหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่ในรถม้าเลิกม่านมองไปพอดีก็เห็นเว่ยจางที่สวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินยืนอยู่ใต้แสงจันทร์พลางยิ้มจางๆ ให้ตนเองอยู่
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามอย่างสงสัย
“เวลาก็ดึกมากแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับไป” เว่ยจางพูดไปก็จูงม้าตนเองพลางพลิกตัวขึ้นม้าแล้วสั่งเซินเจียง “ไปกันเถอะ”
“ขอรับ” เซินเจียงคงไม่กล้าไม่ทำตามคำสั่งของว่าที่นายท่านจึงรีบเร่งม้าไปข้างหน้าต่อ
เหยาเยี่ยนอวี่แค่ยกมือปล่อยม่านรถม้าลงแล้วเอนกายพิงมุมรถม้าพลางหลับตาพักผ่อนสายตา
เว่ยจางพาทหารไม่กี่นายของตนส่งคุณหนูเหยากลับจวนเหยาตลอดทาง พอถึงประตูใหญ่ก็สังเกตเห็นว่าตรงนี้กลับมีรถม้าคันใหญ่จอดอยู่หนึ่งคัน ทั้งยังมีม้าตัวใหญ่อีกสองสามตัว ฉะนั้นจึงนิ่งงันไปทันที
เหยาเยี่ยนอวี่ลงจากรถม้าก็เห็นสถานการณ์นี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ที่จวนมีแขกคนสำคัญอะไรมาเยือนตั้งแต่เมื่อใด ท่าทางดูครึกครื้นเชียว?
บ่าวที่เฝ้าประตูเห็นว่าเป็นแม่ทัพเว่ยจึงรีบเข้ามาน้อมทำความเคารพ พอหันหลังแล้วพบว่าเป็นคุณหนูรองของตนจึงเหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต “โธ่ คุณหนูรองกลับมาแล้ว! ผู้ที่มาเยือนบอกว่าจะพบคุณหนูรองอยู่พอดี ตอนนี้กำลังเสวนากับคุณชายรองในห้องโถงอยู่ขอรับ”
“ใครมาเยือนหรือ มีธุระอะไรกับข้า” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด
“เป็นคนของจวนอัครเสนาบดีขอรับ บอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าในจวนไม่สบาย เลยอยากขอให้คุณหนูเหยาไปดูอาการหน่อยขอรับ”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจกำลังคิดว่า เพิ่งกลับจากจวนเจิ้นกั๋วกง หากฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนอัครเสนาบดีเฟิงไม่สบาย เฟิงเซ่าอิ่งที่เป็นหลานสาวทางสายเลือดจะพูดคุยเล่นกับตนเองอย่างร่าเริงทั้งคืนได้อย่างไร ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า
“เข้าไปดูก่อนเถอะ” เดิมทีเว่ยจางคิดว่าจะไม่เข้าจวนก็จะเดินทางกลับไปโดยตรง ทว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้คงกลับไม่ได้แล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าพลางสาวเท้าเข้าประตูใหญ่ไป
คนของจวนอัครเสนาบดีที่มาเยือนคือหัวหน้าพ่อบ้านไหลฝู เหยาเหยียนอี้กำลังจิบชาเป็นเพื่อนเขาที่ห้องโถงหน้า
ไหลฝูบอกว่าอาการครั้งนี้ของฮูหยินผู้เฒ่านั้นหนักเป็นพิเศษ ต้องขอให้ใต้เท้าเหยาช่วยเหลือเชิญคุณหนูเหยาไปดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่า หากฮูหยินผู้เฒ่ามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นมาต้องไม่ลืมบุญคุณของใต้เท้าเหยา
เหยาเหยียนอี้พูดขึ้นยิ้มๆ “จวนของข้าที่นี่คับแคบ พ่อบ้านท่านก็เห็นแล้วช่วงนี้ในจวนก็มีแต่เรื่องยุ่งๆ พอมีแขกเหรื่อมาเยี่ยมเยียน น้องสาวของข้าก็ไม่สะดวกที่จะพักอาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นช่วงนี้นางเลยไปอาศัยอยู่ที่บ้านนาตลอด ตอนนี้ฟ้าก็มืดเช่นนี้แล้ว ประตูเมืองหลวงก็คงปิดไปแล้ว…ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยอมช่วย แต่จนปัญญาจริงๆ ฮูหยินผู้เฒ่ามีฐานันดรศักดิ์เป็นถึงพระมารดาของฮองเฮา พระโพธิ์สัตว์ย่อมปกปักษ์รักษาให้มีความสุขและความโชคดี อีกอย่างฮูหยินผู้เฒ่ามีฐานันดรศักดิ์เป็นอะไร คนในสำนักหมอหลวงจะกล้าไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถกระนั้นหรือ”
“อั๊ยโย! ดูใต้เท้าเหยาพูดเข้าสิ! หมอหลวงในสำนักหมอหลวงที่มีความสามารถล้วนติดตามฮ่องเต้ไปสถานตากอากาศแล้ว ที่นั่นมิใช่กว่าไกลกว่าหรือ ดังนั้นจึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าเหยา ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเรายังรอคุณหนูเหยาไปช่วยชีวิตอยู่!”
ทางฝั่งนี้กำลังพูด อีกฝั่งหนึ่งก็เข้ามาส่งสาร “คุณชายรองขอรับ ท่านแม่ทัพมาแล้วขอรับ”
เหยาเหยียนอี้ตะลึงงัน ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “อ้อ? มาดึกเช่นนี้เลยหรือ มีธุระอะไรเร่งด่วนหรือไม่ รีบเชิญเข้ามาเถอะ”
ประตูม่านไม้ไผ่เซียงเฟยดังขึ้น แม่ทัพเว่ยสาวเท้าเดินเข้าไป ใช่ มีเพียงแม่ทัพเว่ยคนเดียวเท่านั้น คุณหนูเหยาก็แอบกลับเรือนในของตนเองไปแล้ว
“พี่เหยา” เว่ยจางประสานมือคารวะให้เหยาเหยียนอี้
“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงมาเยือนล่ะ มีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือไม่”
“เพิ่งกลับมาจากจวนกั๋วกง มีธุระบางอย่างอยากจะปรึกษาหารือกับพี่เหยาหน่อย” เว่ยจางพูดไปก็เหลือบตามองไหลฝูพร้อมยิ้มจางๆ “บุรุษผู้นี้ดูคุ้นหูคุ้นตานัก ไม่ทราบว่ามีนามว่าอะไร”
ไหลฝูรีบทำมือคารวะให้เว่ยจางแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “โธ่ ขอคารวะท่านแม่ทัพเว่ย บ่าวคือคนของจวนใต้เท้าเฝิงขอรับ”
“ท่านนี้เป็นพ่อบ้านเอกของจวนใต้เท้าเฝิง” เหยาเหยียนอี้พลันแนะนำให้เว่ยจางรู้จัก คำสุภาษิตกล่าวว่าข้ารับใช้เฝ้าประตูจวนอัครเสนาบดียังเป็นฐานะเป็นถึงขุนนางขั้นที่เจ็ด พ่อบ้านเอกไหลฝูท่านนี้ก็ย่อมมีฐานะในเมืองหลวงอวิ๋นอยู่แล้ว
เว่ยจางพลันทำมือคารวะกลับแล้วยิ้มจางๆ “ที่แท้ก็คือพ่อบ้านเอกนี่เอง”
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว” ไหลฝูยิ้มอย่างละอายใจ
เขามาเยือนเพื่อขอความช่วยเหลือจากหมอ การมารับหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนถึงจวนก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะสม วันนี้แม้กระทั่งว่าที่สามีของคนเขาก็มาเยือนอีก เรื่องนี้ช่างพูดยาก โดยเฉพาะพ่อบ้านเอกไหลฝูที่มีเลศนัย
ไม่ว่าเว่ยจางจะมีเรื่องอะไรจะพูด เหยาเหยียนอี้ก็ต้องส่งพ่อบ้านเอกท่านนี้จากไปเสียก่อน ดังนั้นจึงยิ้มพูดอย่างรู้สึกผิด “พ่อบ้านเอก น้องรองของข้าไม่อยู่จวนจริงๆ เรื่องนี้ค่อยว่ากันในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่”