หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 291 รักษาองค์ชายอย่างฉุกเฉิน (3)
บนพื้นกระจุยกระจายด้วยผ้าขาวที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือด พอเห็นองค์ชายท่านนี้ก็รู้ว่าได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส
“เตี้ยนเซี่ยะบาดเจ็บตรงจุดใดหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถาม
จางชางเป่ยยกมือเลิกผ้าห่มผืนบางที่คลุมบนเรือนร่างขององค์ชายหกอวิ๋นยิง เผยให้เห็นถึงผ้าพันแผลสีขาวหนาเตอะหนึ่งชั้นที่ห่อหุ้มอยู่บนร่าง
ดูจากสภาพการพันแผลน่าจะได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณท้อง ดูจากคราบเลือดที่ซึมตรงผ้าโปร่งสีขาว แผลด้านในต้องไม่เล็กแน่นอน อีกทั้งยังมีเลือดไหลมากเพียงนี้ต้องไม่ใช่แผลตื้น นี่น่าจะเป็นแผลที่ร้ายแรงมาก
เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามต่อ “ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อใด นานหรือยัง”
“ได้รับบาดเจ็บเมื่อวานจนถึงตอนนี้ก็น่าจะสิบสองชั่วยามแล้ว” จางชางเป่ยตอบกลับ “อีกอย่าง แผลขององค์ชายหกถูกกระแทก แผลตรงกลางเปิดออกมาก่อน”
สีหน้าของฮ่องเต้หม่นหมองดั่งผืนน้ำและกำลังอดกลั้นความโมโหอยู่ “คุณหนูเหยา เจ้าต้องคิดหาวิธีช่วยชีวิตเจ้าหกไว้”
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่กล้าตกปากรับคำอย่างเรื่อยเปื่อย ทำได้เพียงทูลกลับอย่างฝืนใจ “หม่อมฉันจะพยายามทำสุดความสามารถเพคะ” ขณะที่พูดนางก็ยื่นมือไปจับชีพจรองค์ชายหกอวิ๋นยิง ชีพจรเต้นอ่อนมาก ซ้ำยังเสียเลือดมากเกินไป พลังชีวิตขององค์ชายหนุ่มท่านนี้ลดลงเรื่อยๆ
“ฮ่องเต้เพคะ เตี้ยนเซี่ยะได้รับบาดเจ็บหนักหนาสาหัสเกินไป ทั้งยังเสียเลือดเกินไป…” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว หรือจะให้องค์ชายได้รับการถ่ายเลือดเป็นคนแรกกระนั้นหรือ
ฮ่องเต้ทรงตวาดด้วยเสียงแหบและทุ้มต่ำ “เจ้าแค่พูดว่าจะรักษาอย่างไร! ไม่ว่าจะใช้วิธีใดเจิ้นต้องให้เจ้าหกรอดชีวิต!”
ระหว่างทางมา เหยาเหยียนอี้ก็เล่าเรื่องเชื้อสายส่งผลกระทบต่อแคว้นให้เหยาเยี่ยนอวี่ฟังไปหนึ่งรอบอย่างละเอียด ทั้งยังกำชับให้นางทำการรักษาผู้ป่วยของจวนอัครเสนาบดีอย่างสุดความสามารถ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากฮ่องเต้ทรงสงสัยในเรื่องกลุ่มเลือดและการถ่ายเลือดในภายภาคหน้า ตระกูลเฟิงอาจจะช่วยเหลือนางได้บ้าง
แต่วันนี้เรื่องกลับไม่เหมือนอย่างคาดการณ์ไว้ สองพี่น้องนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนที่ขอให้รักษาในจวนอัครเสนาบดีจะเป็นองค์ชาย
สำหรับเหตุผลที่องค์ชายหกได้รับบาดเจ็บหรือมาอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วกงได้อย่างไร คุณหนูเหยารู้ตัวในฐานะของตนจึงไม่กล้าถามมาก สภาพเช่นนี้ขององค์ชายหกต้องใช้ยาสูตรลับของตนเองไปแล้วแน่นอน ทว่าบาดแผลภายนอกน่าจะดีขึ้น เลือดที่หลั่งออกมาด้านนอกก็หยุดไปแล้ว ทว่าดูจากชีพจร น่าจะเป็นเพราะอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ หากไม่รีบผ่าตัด เกรงว่าเขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
ภายใต้สถานการณ์ที่คับขัน เหยาเยี่ยนอวี่จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “วิธีที่เร็วที่สุดก็คือถ่ายเลือดให้องค์ชายหกแล้วรีบทำการผ่าตัด เหตุเพราะหม่อมฉันแน่ใจแล้วว่าเตี้ยนเซี่ยะต้องได้รับบาดเจ็บภายใน หากไม่รีบผ่าตัดเกรงว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้ยากเพคะ”
“ช่วยได้จริงหรือ!” ฮ่องเต้ที่กำลังกระวนกระวาย เกรี้ยวโกรธ และหมองเศร้ามีความหวังขึ้นอีกครั้ง
“ช่วยได้เพคะ แต่ทำการรักษาที่นี่ไม่ได้” เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างจนปัญญา “ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์ที่หม่อมฉันต้องการเพคะ”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วพลางตรัส “อุปกรณ์ของเจ้าอยู่แห่งใด เจิ้นจะสั่งให้คนไปเอามาเอง!”
เหยาเยี่ยนอวี่ทูลอย่างลำบากใจ “ของอยู่ที่บ้านนาน้อยของหม่อมฉันเพคะ ทว่า…มันเยอะมากและมีของหลากหลายอย่างที่ต้องเชื่อมต่อกัน เกรงว่าคงจะพกพายาก วิธีที่เร็วที่สุดก็คือพาเตี้ยนเซี่ยะไปที่โน่นเพคะ”
“คุณหนูเหยา! อวัยวะภายในของเตี้ยนเซี่ยะหกได้รับบาดเจ็บ บาดแผลภายนอกเพิ่งจะหาย ตอนนี้คงไม่สะดวกในการขยับเขยื้อน!” จางชางเป่ยพลันพูด
ได้รับบาดเจ็บภายในดั่งที่คาดไว้ไม่มีผิด เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “หมอหลวงจาง ไม่ทราบว่าอวัยวะภายในของเตี้ยนเซี่ยะได้รับบาดเจ็บอย่างไรรุนแรงถึงขั้นใด”
“เตี้ยนเซี่ยะน่าจะได้รับบาดเจ็บตรงลำไล้…ลูกเหล็กลูกนั้น…มันลึกเกินไปจริงๆ! ยาห้ามเลือดสูตรลับของคุณหนูหยุดเลือดตรงผิวหนัง กลับไม่อาจหยุดเลือดภายในร่างกายได้…”
“ดังนั้นตอนนี้เตี้ยนเซี่ยะต้องใช้เลือดจำนวนมากในการรักษาชีวิตไว้ แล้วยังต้องการให้แผลเปิดออก ต้องเย็บบาดเจ็บในช่องท้องเสียก่อน อุปกรณ์ผ่าตัดหม่อมฉันพกมาหมดแล้ว แต่การถ่ายเลือดเป็นเรื่องใหญ่ หม่อมฉันต้องรู้กลุ่มเลือดของเตี้ยนเซี่ยะก่อนถึงจะถ่ายเลือดให้เขาได้”
“ถ่ายเลือด?” นัยน์ตาจางชางเป่ยเป็นประกาย “คุณหนูเหยาหมายความว่าจะเจาะเลือดของคนอื่นแล้วฉีดเข้าไปในเส้นเลือดของเตี้ยนเซี่ยะกระนั้นหรือ”
“เป็นเช่นนั้น นี่เป็นวิธีที่ไวที่สุดแล้ว แต่เลือดของมนุษย์ไม่เหมือนกัน หม่อมฉันต้องรู้กลุ่มเลือดของเตี้ยนเซี่ยะก่อนถึงจะหาเลือดกลุ่มเดียวถ่ายให้เขา” เหยาเยี่ยนอวี่พูดจบก็มองฮ่องเต้ด้วยความกล้าหาญ “ทางดีที่สุด ได้โปรดฮ่องเต้รับสั่งให้พี่น้องที่มีบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดเดียวกันกับเตี้ยนเซี่ยะมา เลือดของพวกเขาน่าจะเหมาะกับกลุ่มเลือดของเตี้ยนเซี่ยะที่สุดแล้วเพคะ”
“บิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดเดียวกัน?” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วทันที “ซูเฟยมีบุตรชายคนนี้คนเดียว”
“เช่นนั้นแค่บิดาเดียวกันก็ได้เพคะ” เหยาเยี่ยนอวี่ลดเงื่อนไขลงเรื่อยๆ แท้จริงแล้วนางอยากจะบอกว่าเจาะเลือดของฮ่องเต้ที่เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดก็ได้ ทว่าหากจะเอาเลือดในร่างกายของฮ่องเต้…นางยังไม่มีความกล้าเช่นนั้น
ทว่าเรื่องการถ่ายเลือดให้องค์ชายคงเอาเลือดใครก็ได้มาใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่ากลัวเลือดเข้ากันไม่ได้ แค่กลัวว่าพอผ่านเรื่องนี้ไปแล้วทางฝั่งราชวงศ์ก็คงสงสัยว่าจะถ่ายเลือดของสามัญชนทั่วไปเข้าไปในร่างกายของลูกหลานราชวงศ์ได้อย่างไร! ถึงเวลาตนเองช่วยชีวิตคนแล้วก็คงหลุดพ้นความผิดที่ทำให้เชื้อสายราชวงศ์ปะปนด้วยเลือดสามัญชนไม่ได้
จนถึงตอนนี้ คุณหนูเหยายังคงรู้สึกเกลียดชังกฎระเบียบทางสังคมโบราณนี้
ฮ่องเต้พึมพำด้วยเสียงเรียบแล้วหันไปผลักหน้าต่างออกแล้วเรียกคนผู้หนึ่งมา พร้อมทั้งควักตราประทับที่พกติดตัวออกมาจากกลางอกแล้วรับสั่งให้ไปตามองค์ชายสามอวิ๋นหมินมา
เหยาเยี่ยนอวี่เพิ่งจะรู้ว่าพวกคนที่หลบอยู่ในที่มืดด้านนอกที่แท้ล้วนเป็นทหารรักษาการณ์ลับของฮ่องเต้ มียอดฝีมืออยู่มากมายเยี่ยงนี้ องค์ชายหกก็บาดเจ็บถึงขั้นนี้ ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ก่อการร้าย เหตุใดถึงไม่ได้รับข่าวสารใดในเมืองหลวงเล่า แม้กระทั่งเจิ้นกั๋วกงยังสั่งให้เหล่าแม่ทัพกินข้าวร่วมกันในคืนนี้
ทว่ากลับไม่ทันคิดอะไรมากมาย เหยาเยี่ยนอวี่ก็ได้ยินฮ่องเต้รับสั่งทหารลับคนนั้นกับหู ให้เขาพาองค์ชายสามไปบ้านนานอกเมือง ดังนั้นนางจึงรีบเอาเข็มเงินฝังให้องค์ชายหกเพื่อห้ามเลือดในร่างกายก่อน จากนั้นก็เอาโสมหนึ่งแผ่นให้เขาอมเพื่อกลั้นหายใจไว้
คนอื่นต่างก็ไม่กล้าลงมือ ยังคงเป็นจางชางเป่ยที่เอาผ้าห่มผืนบางไปห่อหุ้มองค์ชายหกไว้แล้วอุ้มออกไปนอกประตู
อัครเสนาบดีเฟิงและเหยาเหยียนอี้ที่จิบชาอยู่ในเรือนข้างเห็นสถานการณ์เช่นนี้จึงรีบออกมาก่อนแล้วเงยหน้ามองฮ่องเต้ คุณชายรองเหยาสะดุ้งตกใจทันทีแล้วรีบคุกเข่าถวายบังคม
“พอเถอะ อย่ามากพิธีเลย” ฮ่องเต้ผายมือพลางเดินออกไปข้างนอกอย่างเร่งรีบ
อัครเสนาบดีเฟิงยังนึกว่าฮ่องเต้จะพาองค์ชายหกกลับวังหลวง ดังนั้นจึงสั่งให้คนเตรียมรถม้า
หลังจากยุ่งวุ่นวายไปสักพัก ฮ่องเต้และองค์ชายหกขึ้นรถม้าคันเดียวกัน จางชางเป่ยและเหยาเยี่ยนอี้ไม่กล้าจากไป ทำได้เพียงตามเสด็จไปด้วย เหยาเหยียนอี้ติดตามอัครเสนาบดีขึ้นรถม้าคันเดียวกัน
อารักขาของจวนอัครเสนาบดีคอยคุ้มกันขบวนรถม้านี้ ทหารรักษาการณ์ลับของฮ่องเต้ก็ตามเสด็จด้วย ทุกคนต่างออกจากนอกเมืองอย่างเร่งรีบ
คงไม่ต้องพูดฮ่องเต้ที่อยู่ในรถม้าคันใหญ่ของอัครเสนาบดีเฟิงว่าเป็นเช่นไร กลับพูดถึงรถม้าคันหลัง เหยาเหยียนอี้จับจ้องเฟิงจงเยี่ยพลางเอ่ยถาม “ใต้เท้าขอรับ! นี่กำลังเล่นอะไรอยู่! เมื่อครู่จู่ๆ ฮ่องเต้เดินออกมา ทำให้ข้าน้อยตกใจแทบแย่!”
เฟิงจงเยี่ยถอนหายใจแล้วปลอบใจ “นี่ก็เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ ฮ่องเต้ทรงดื้อดึงจะแต่งกายเป็นสามัญชน ไม่รู้ว่าเหตุใดเบาะแสถึงได้รั่วไหล จู่ๆ ก็เจอคนร้ายจู่โจม! อีกอย่างคนร้ายเหล่านั้นกลับมีหน้าไม้เหล็กทุกคน ซ้ำยังยิงลูกเหล็กจนทำให้คนเสียชีวิตในระยะทางหนึ่งพันก้าวได้ องค์ชายหกจึงบังลูกเหล็กสองดอกแทนฮ่องเต้เลยได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เฮ้อ ที่ผ่านมาองค์ชายหกคือหัวแก้วหัวแหวนของฮ่องเต้ ตอนนี้เขากำลังเสี่ยงอันตราย พระราชหฤทัยของฮ่องเต้แทบแตกสลาย…”