หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 299 เสียงขลุ่ยประสานกัน ส่งสินเดิมเจ้าสาวออกจวน (1)
“เจ้ากลับใช้ชีวิตอยู่สุขสบายเกินไปหรือเปล่า นี่มันเกี่ยวข้องกับจวนที่เจ้าต้องตั้งหลักปักฐานในภายภาคหน้าเลยนะ ครั้งนี้เจ้าไม่ทำความเข้าใจก็ช่างปะไรไป หรือว่าวันข้างหน้าเจ้าแต่งเข้าไปในจวนแม่ทัพก็จะไม่สนใจอะไรเช่นนี้ กิจการประจำตระกูลของแม่ทัพเว่ยไม่เล็กเลยนะ หากเจ้าสร้างเรื่องวุ่นวายให้กับผู้อื่น ระวังคนอื่นเขาจะรู้สึกหาภรรยาได้ไม่เหมาะสม”
“หาภรรยาได้ไม่เหมาะสมอะไรเล่า” เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินจึงรีบเบะปากทันที “จะมีเวลาให้เขารู้สึกเช่นนี้ด้วยหรือ”
หนิงฮูหยินน้อยรีบหุบยิ้มทันทีแล้วสั่งสอนเหยาเยี่ยนอวี่ “คำพูดนี้เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร ตอนอยู่ในจวนเจ้าดื้อดึงได้ อนาคตแต่งเข้าไปในจวนห้ามทำแบบนี้ คนโบร่ำโบราณให้คำสอนว่าสามีเป็นต้นภรรยาตาม เจ้าแต่งเข้าไปทุกอย่างล้วนเป็นยึดความต้องการของแม่ทัพเป็นหลัก ต้องฝึกที่จะคิดเผื่อเขาและวางแผนเพื่อเขา นี่เป็นผู้ที่เป็นภรรยาต้องทำ จำได้หรือยัง”
เหยาเยี่ยนอวี่กลัวว่าจะถูกนางสั่งสอนยาวๆ จึงรีบพยักหน้าเหมือนกำลังโขลกกระเทียม “ได้ๆๆ ข้าจดจำไว้แล้ว จำไว้แล้ว! พี่สะใภ้ที่แสนดี ข้าก็แค่พูดขำขันเท่านั้น ท่านอย่าเห็นว่าเป็นความจริงสิ”
“เจ้านี่นะ!” หนิงฮูหยินน้อยมองเหยาเยี่ยนอวี่เป็นเช่นนี้ ภายในใจจึงแอบรู้สึกกังวลขึ้นมา จู่ๆ ฮ่องเต้มาแต่งตั้งนางเป็นหมอหญิงขั้นห้าไปไยกัน สตรีดีๆ ผู้หนึ่งแม้กระทั่งหลักสามเชื่อฟัง[1]สี่จรรยา[2]กฎทั้งสาม มรรคทั้งห้า[3]ที่เป็นหลักความจริงพื้นฐานก็ยังไม่ค่อยสนใจเลย อนาคตแต่งงานจะทำอย่างไร
เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าหนิงฮูหยินน้อย รู้ว่านางยังกังวล ดังนั้นจึงพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่วางใจเถอะ คำพูดของท่านข้าจำไว้แน่นอน ไม่เชื่อท่านถามแม่นมเลย หลายคืนมานี้ข้ากำลังฝึกเย็บผ้าเช็ดหน้าอยู่แน่ะ”
เย็บผ้าเช็ดหน้าเป็นสิ่งที่หนิงฮูหยินน้อยให้เหยาเยี่ยนอวี่ทำ เจ้าสาวผู้หนึ่งก็กำลังจะออกเรือน อย่างไรก็ต้องมีผลงานเย็บปักถักร้อยของตนชิ้นสองชิ้น อย่างอื่นคงไม่จำเป็น ทว่าผ้าเช็ดหน้าสองผืนก็ควรทำหรือเปล่า ถึงแม้จวนแม่ทัพเว่ยจะไม่มีพ่อสามีและแม่สามีคอยเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ ทว่าสิ่งที่ควรทำก็ต้องทำ
หนิงฮูหยินน้อยครุ่นคิดไปสักพักก็รู้สึกเศร้าหมอง ทางฝั่งแม่ทัพเว่ยไม่ได้บอกว่าไม่มีคนในครอบครัวที่เป็นสตรีเลยหรือไร เฮ้อ ฮูหยินก็เป็นผู้ที่ละเอียดอ่อน หลายวันมานี้ก็มาพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับจวนแม่ทัพเว่ย ทั้งวาจาและท่าทีของนางดูเหมาะสมยิ่งนัก หากน้องสาวคนนี้ของตนแต่งเข้าไปแล้วทำงานอะไรที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผู้อื่นเอาผิดได้ ผู้ที่เสียหน้าที่สุดก็คือตระกูลเหยามิใช่หรือ
“เจ้าจะเย็บหรือไม่มันจะสำคัญอะไร อย่างไรเจ้าก็เลือกบ่าวที่มีงานฝีมือเย็บปักออกเรือนไปด้วยอยู่แล้วข้าแค่กังวลว่าเจ้ามัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องรักษาผู้ป่วยจนลืมวัน ตัวเองมีฐานะเป็นสตรีออกเรือนแล้ว ถึงเวลาดูแลประสานทางท่านแม่ทัพไม่ได้ คนที่ยากลำบากก็คือเจ้าเองมิใช่หรือ” หนิงฮูหยินน้อยมองเหยาเยี่ยนอวี่แล้วถอนหายใจเบาๆ “สิ่งที่ข้าบอกล้วนหวังดีต่อเจ้า แม่ทัพเว่ยดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ละเอียดอ่อน จริงๆ เขากลับละเอียดอ่อนมาก เจ้าคิดดู หากคนเขาไม่มีปัญญาก็คงพาทหารออกรบครั้งใหญ่ไม่ได้ และก็คงไม่ได้เป็นถึงแม่ทัพหรอก”
เหยาเยี่ยนอวี่จึงเปรยด้วยความจริงใจ คิดๆ ดูแล้วคำพูดเหล่านี้ของพี่สะใภ้รองก็ช่างถูกต้องยิ่งนัก ดังนั้นจึงรีบตอบกลับ “พี่สะใภ้วางใจเถอะ ไม่หรอก ข้าจะใช้ชีวิตคู่อยู่กับเขาดีๆ”
“เจ้าพูดเช่นนี้พี่สะใภ้ก็รู้สึกวางใจแล้ว” หนิงฮูหยินน้อยยื่นมือไปลูบไรผมข้างหูของเหยาเยี่ยนอวี่ไปด้านหลังแล้วยิ้มจางๆ “เวลาก็ล่วงเลยไปแล้ว เจ้ารีบนอนเถอะ วันพรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้า”
“เจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ “พี่สะใภ้ก็อย่าเหนื่อยเกินไปล่ะพักผ่อนเร็วๆ”
“อืม” หนิงฮูหยินน้อยพยักหน้าด้วยยิ้มอ่อนแล้วใช้สายตาส่งเหยาเยี่ยนอวี่ออกจากประตูเรือนของตน
จินหวนพาสาวใช้ชั้นล่างยกน้ำล้างเท้าเข้ามาแล้วค้อมตัวเอ่ยถาม “ฮูหยินรองเจ้าคะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ให้บ่าวนวดเท้าให้ท่านหน่อยเถอะ”
หนิงฮูหยินน้อยพยักหน้า “ให้สาวใช้ชั้นล่างมาเถอะ เจ้าไปทำของว่างของเขตตอนใต้ให้คุณหนูรองเสียสองสามอย่าง แล้วยังมีใบชาจากสวนชาของพวกเราอะไรเหล่านี้ พรุ่งนี้คุณหนูรองไปจวนองค์หญิงใหญ่จะได้เอาของติดไม้ติดมือไปด้วย”
จินหวนรับคำแล้วสั่งให้สาวใช้ชั้นล่างมานวดขาให้ฮูหยินรองของตน จากนั้นจึงไปทำในเรื่องที่หนิงฮูหยินน้อยสั่งการ
ทางฝั่งหนิงฮูหยินน้อยล้างขาเสร็จแล้ว จินหวนก็บรรจุใบชาสองชนิดและลูกหยางเหมยดองไหเล็กหนึ่งไหมาให้หนิงฮูหยินดู
หนิงฮูหยินน้อยพูดขึ้นยิ้มๆ “ข้าลืมลูกหยางเหมยนี้ไปแล้ว ยังดีที่เจ้าเอามันออกมา ข้าจำได้ว่าเอามาสี่ไห วันรุ่งขึ้นเจ้าเอาออกมาอีกหนึ่งไหแล้วสั่งให้คนส่งไปให้น้องสะใภ้ใหญ่ นางคงอยากกินพอดี”
บังเอิญที่เฝิงหมัวมัวเข้ามาพูดคุยกับหนิงฮูหยินน้อยพอดี ด้วยเหตุนี้จึงพูดขึ้นยิ้มๆ “หนิงฮูหยินน้อยช่างรักและเอ็นดูเหล่าน้องสาวจริงๆ ความเป็นห่วงเป็นใยที่มีต่อคุณหนูมากจนเหลือคำบรรยาย ทว่ากลับยังใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณหนูใหญ่ด้วย”
หนิงฮูหยินน้อยพูดขึ้นยิ้มๆ “คุณชายรองก็มีพี่น้องเพียงไม่กี่คนเท่านั้น วันนี้ท่านพ่อและท่านแม่ต่างก็อยู่ในเขตตอนใต้ น้องสาวสองคนอยู่เมืองหลวง ข้าที่เป็นพี่สะใภ้ไม่คิดเผื่อพวกนางแล้วใครจะคิดเผื่อพวกนางอีกเล่า”
เฝิงหมัวมัว จินหวนและสาวใช้สองสามคนต่างก็ขานรับว่าใช่ไม่หยุด ตอนนั้นหนิงฮูหยินน้อยจึงพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวกับสินเดิมเจ้าสาวของเหยาเยี่ยนอวี่กับเฝิงหมัวมัว รอให้เหยาเหยียนอี้กลับมาถึงจะเข้านอนพร้อมกัน
ทั้งคืนพวกเขาสองคนไม่ได้พูดคุยกันเลย รุ่งเช้าวันที่สองเหยาเยี่ยนอวี่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาชุ่ยเวยและสาวใช้คนอื่นๆ ออกนอกจวน นางนำของว่างรสชาติเขตตอนใต้ที่หนิงฮูหยินน้อยสั่งให้คนทำ ใบชาสองกล่อง ลูกหยางเหมยดองหนึ่งไห และผลไม้สดที่ส่งมาจากเขตตอนใต้ ผลไม้แช่อิ่ม ทั้งยังมีอุปกรณ์ชงชาที่ทำจากกระจกขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังจวนองค์หญิงใหญ่
เหตุเพราะนึกถึงซูอวี้เหิงที่ยังคงอยู่ในช่วงไว้อาลัย ดังนั้นหันหมิงชั่นก็ไม่ได้เชิญชวนใครมามากมาย แค่เรียกน้องสาวอนุภรรยาสองคนของนาง เหยาเยี่ยนอวี่ และซูอวี้เหิงเท่านั้น ส่วนจวิ้นจู่แห่งจวนเยี่ยนอ๋องและเฉิงอ๋อง รวมไปถึงเหล่าคุณหนูจากจวนตระกูลชั้นสูงต่างๆ ก็ไม่ได้เชิญมา
แค่ไม่รู้ว่าอวิ๋นเคอได้ข่าวมาจากไหนอีก เป็นเพราะว่าบังเอิญมาเยี่ยมเยียนองค์หญิงต้าจั่ง พอได้พบหน้ากัน หันหมิงชั่นเลยเชิญชวนนางด้วย แล้วสั่งคนไปรับอวิ๋นซีและอวิ๋นยั่งที่จวนเยี่ยนอ๋อง สตรีทั้งหกอยู่ร่วมกัน จึงทำให้บรรยากาศครึกครื้นยิ่งนัก
ซูอวี้เหิงเจอหน้าเหยาเยี่ยนอวี่และหันหมิงชั่นใบหน้าก็เคล้าด้วยรอยยิ้มเสียที เหยาเยี่ยนอวี่สั่งให้คนเปิดไหลูกหยางเหมยดองแล้วบรรจุด้วยจานเล็ก จากนั้นก็จับหนึ่งลูกป้อนเข้าไปในปากของซูอวี้เหิง หยางเหมยที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานทั้งยังมีกลิ่นหอมของเหล้าหมัก ใบหน้าละมุนละไมของคุณหนูซูจึงเคล้าด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง
หันหมิงเจวี๋ยและหันหมิงหลังจึงหัวเราะด้วยเสียงค่อย หันหมิงเจวี๋ยก็ป้อนให้อวิ๋นยั่งหนึ่งลูก อวิ๋นยั่งจึงตะโกนขึ้นไม่หยุด “โห อร่อยมาก! ช่างอร่อยนัก! ข้าชอบ!”
หันหมิงชั่นพูดขึ้นยิ้มๆ “หากชอบประเดี๋ยวก็เอากลับไปกินที่จวน รอปีหน้าจะให้คุณหนูเหยาเอามาจากเขตตอนใต้อีกสองสามไห จะได้ให้เจ้ากินจนอิ่ม”
ตอนนั้นเอง น้ำที่ต้มในหม้อดินแดงก็เดือด เหยาเยี่ยนอวี่จึงเป็นคนใช้น้ำร้อนลวกชุดชงชา ทั้งยังชงชาและรินน้ำชา
ฝีมือการชงชาของนางแม้จะไม่ยอดเยี่ยม ทว่าสายตาของทุกคนกลับถูกชุดชงชานี้ดึงดูด ไม่มีใครสนใจท่าทางที่นางชงชา
ชุดชงชานี้เหยาเยี่ยนอวี่ทำตามรูปร่างของชุดชงชาจื่อซา กาชา ถ้วยชา ตะแกรงชงชา แก้วปากเท และอื่นๆ
ทุกคนต่างเห็นใบชาที่ม้วนในกาชาค่อยๆ คลายออก น้ำชาเปลี่ยนจากสีใสกลายเป็นสีเขียวอ่อนๆ และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเข้ม จากนั้นถูกเทออกมา น้ำชาที่ยกมาตรงหน้ามีกลิ่นที่หอมกรุ่นเหมือนยังไม่เคยได้ดื่มด่ำกับกระบวนการทั้งหมดนี้
“ชุดชงชานี่ดียิ่งนัก พี่หันไปได้มาจากไหน” อวิ๋นซีเอ่ยถามขึ้นก่อน
หันหมิงชั่นพูดขึ้นยิ้มๆ “ข้าจะได้มาจากไหนกันเล่า น้องเหยาจัดเตรียมมาให้ทุกคนใช้เป็นพิเศษต่างหาก”
“จริงหรือ” อวิ๋นซีหันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ทันที “คุณหนูเหยา ชุดชงชานี้เจ้าไปซื้อมาจากไหนกัน เจ้ารีบบอกข้า กลับไปข้าก็จะสั่งให้คนไปซื้อ”
[1] สามเชื่อฟัง ประกอบด้วยสตรีที่ยังไม่ออกเรือนให้เชื่อฟังบิดา สตรีที่ออกเรือนแล้วให้เชื่อฟังสามี สตรีที่สามีเสียชีวิตให้เชื่อฟังบุตรชาย
[2] สี่จรรยา ประกอบด้วยประพฤติงดงาม วาจางดงาม หน้าตาและกิริยางดงาม งานฝืมืองดงาม
[3] กฎทั้งสาม มรรคทั้งห้า กฎทั้งสาม คือ กษัตริย์เป็นหลักของขุนนาง พ่อเป็นหลักของลูก สามีเป็นหลักของภรรยา ส่วนมรรคทั้งห้าคือเมตตา ซื่อสัตย์ ปัญญา จารีต และสัจจะ