หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 328 สั่งสอนคนชั่ว (2)
ตอนที่ 328 สั่งสอนคนชั่ว (2)
ซานหูพลันพูด “มิเช่นนั้น ให้บ่าวไปเก็บข้าวของประเดี๋ยวนี้ แล้วไปเยี่ยมคุณหนูรองกันเถอะเจ้าค่ะ”
เหยาเฟิ่งเกอตอบกลับ “เช่นนั้นก็เร็วเข้า ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นเช่นไรกันบ้างแล้ว”
ระหว่างที่พูด ซูอวี้เหิงก็วิ่งร้องไห้เข้ามา พอเห็นเหยาเฟิ่งเกอ ก็เข้าไปกุมแขนของนางไว้ โดยไม่สนใจน้ำตาที่แปดเปื้อนบนใบหน้า “พี่สะใภ้สาม ท่านจะไปเยี่ยมเยียนพี่เหยาหรือไม่ ข้าขอไปกับท่านด้วย”
“อย่าเพิ่งร้องไห้ไปเลย” เหยาเฟิ่งเกอรู้สึกว้าวุ่นใจมาก ทว่าพอเห็นสภาพเช่นนี้ของซูอวี้เหิง จึงเอาผ้าซับน้ำตาให้นาง “แค่หายตัวไป แต่ยังไม่ได้รับข่าวคร่าวที่แน่ชัด เจ้าร้องไห้ไปไย กันโจวอยู่ไกลนับหลายร้อยลี้ แล้วจะส่งข่าวมาที่นี่ได้ไวเช่นนั้นได้อย่างไร ไม่แน่ตอนนี้ท่านแม่ทัพอาจจะหลุดพ้นจากอันตรายไปแล้วก็ได้”
“พี่สะใภ้พูดถูก ข้าจะไม่ร้องไห้แล้ว ข้าแค่เป็นห่วงพี่เหยาเท่านั้น” ดวงหน้าของซูอวี้เหิงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา นางพูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ “ถ้าเกิดอะไรขึ้น…พี่เหยาจะทำอย่างไร!”
จะทำอย่างไร แล้วจะทำอย่างไรได้บ้างล่ะ
เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจ แลัวหันไปมองบุตรีที่อยู่ในห่อผ้า อากาศเหน็บหนาวเกินไป หากพายัยหนูน้อยออกไปด้านนอกก็คงไม่สะดวก นางจึงสั่งการหลี่หมัวมัว “เจ้ากับแม่นมส่งเย่ว์เอ๋อร์ไปที่เรือนของสะใภ้ใหญ่ แล้ววานให้นางช่วยดูแลยัยหนูน้อยหนึ่งคืน”
หลี่หมัวมัวรีบตอบกลับ แม่นมเอาผ้าห่มมาห่มจิ่นเย่ว์เอ๋อร์อีกหนึ่งชั้น จากนั้นก็อุ้มไปให้เฟิงฮูหยินน้อย
เฟิงฮูหยินน้อยไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว จึงอุ้มยัยหนูน้อยไปอยู่ในอ้อมกอดทันที แล้วสั่งหลี่หมัวมัว “ไปบอกนายหญิงของพวกเจ้าให้วางใจเถอะ ข้าจะดูแลยัยหนูน้อยเป็นอย่างดี”
หลี่หมัวมัวค้อมตัวกล่าวขอบคุณ แล้วกลับไปทันที
ซานหูและคนอื่นๆ ต่างก็เก็บของในห่อผ้าเสร็จ สาวใช้และผัวจื่อสองสามคนติดตามเหยาเฟิ่งเกอและซูอวี้เหิงออกจากจวนติ้งโหวและมุ่งหน้าไปยังจวนเหยา
ทางฝั่งจวนเหยา คนที่ดูกระวนกระวายที่สุดก็คือหนิงฮูหยินน้อย
เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่ได้แสดงท่าทีกังวลใจออกมา พวกนางต่างนั่งข้างนาง แล้วคอยพูดคุยเล่นและกินมื้อค่ำกับนาง อาการของนางในตอนนี้เหมือนที่ผ่านมา นางแค่พูดน้อยลง ไม่ค่อยพูดจาหยอกล้อใคร นางพยายามทำสีหน้าที่ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง พอเห็นหนิงฮูหยินน้อยถอนหายใจ นางกลับเป็นฝ่ายไปปลอบโยนนาง
พอมองไปทางฝั่งเหยาเหยียนอี้ เขาก็ตั้งสติกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ท่าทางของเขาไม่ได้ดูหวาดกลัวแม้แต่น้อย ทว่ากลับไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาทั้งคืน
ในความคิดของคุณชายรองเหยา เว่ยจางไม่ใช่คนธรรมดา ตัวตนของคนผู้นี้มีความร้ายกาจบางอย่างแอบแฝงอยู่ เขาไม่ทำงานตามกฎระเบียบแบบแผน มักมีเล่ห์เพทุบาย
แต่ว่าเล่ห์กลของเขาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง กลยุทธ์ทางการทหารกล่าวไว้ว่า การทหารคือเล่ห์กล
การหายตัวไปของเขาในครั้งนี้ช่างแปลกพิลึกยิ่งนัก แม่ทัพที่เป็นถึงผู้บัญชาการ กองกำลังที่ใช้ในการบุกรุกยังเป็นถึงทหารยอดฝีมือ เหตุใดถึงบอกว่าหายตัวไปก็หายไปเลยเล่า
พอถึงเวลาตอนกลางคืน เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้รั้งใครให้อยู่กับนางต่อ นางส่งเหยาเฟิ่งเกอ หันหมิงชั่นและซูอวี้เหิงกลับจวนด้วยท่าทีที่มีมารยาท
หลังจากที่ทุกคนกลับไป นางก็ทิ้งตัวลงบนเตียงตามลำพัง ในมือจับสร้อยข้อมือไข่มุกสีม่วงพลางครุ่นคิดอย่างเงียบๆ จนถึงเวลายามสี่ นางถึงจะรู้สึกเหนื่อยจนเผลอหลับไปสักพัก ยามห้าก็ตื่นมาเพราะเสียงทำความสะอาดที่ส่งมาจากด้านนอก
หิมะตกอีกครั้ง
หิมะตกครั้งนี้หนักเป็นพิเศษ เหตุเพราะในเรือนฝังท่อไอร้อนไว้ หิมะที่กระทบบนหลังคาละลายหยดน้ำ หลังจากหยดย้อยลงมาจากหลังคาก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็นน้ำแข็ง ตอนตื่นขึ้นมาในยามเช้านี้ ก็เห็นน้ำแข็งย้อยเป็นแท่งๆ ตามแถวชายคาระเบียง แท่งน้ำแข็งย้อยที่ยาวที่สุดนั้นมีความยาวถึงหนึ่งฉื่อกว่า แต่ละแท่งเรียงรายเป็นแท่งสั้นและยาวปะปนกันไป พอแสงแดดยามเช้ากระทบเข้า ทำให้สะท้อนแสงที่มีสีสันอันสวยงาม
เหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้น ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงที่คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกด้วยความไม่ไว้วางใจจึงรีบเข้าล้างหน้าแปรงฟันและแต่งกายให้นาง
นางยังคงสวมใส่ชุดเครื่องแบบขุนนาง แต่เป็นชุดเครื่องแบบใหม่ซึ่งมีขนสุนัขจิ้งจอกเย็บอยู่ด้านในผ้าต่วนสีขาวนวลจันทร์อีกหนึ่งชั้น ทำให้รักษาความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี หลังจากล้างหน้าแปรงฟันและกินมื้อเช้าเหมือนที่ผ่านมาเสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่จึงเริ่มออกเดินทาง เลยสั่งให้เซินเจียงจูงเถาเยามา
หนิงฮูหยินน้อยรู้สึกไม่ไว้วางใจ จึงเดินตามนางออกไปตลอดทาง พร้อมทั้งเกลี้ยกล่อม “หิมะตกหนักมากเช่นนี้ ถนนต้องลื่นมากแน่ๆ น้องสาวอย่าขี่ม้าไปเลย นั่งรถม้าไปเสียจะดีกว่า”
เหยาเหยียนอี้จะไปศาลาว่าการพอดี จึงให้เหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นรถม้าของตน
ในรถม้าไม้ดำสลักลาย ผนังรถม้ามีผ้าสักหลาดปิดอย่างมิดชิด และยังมีหนังวัวเพื่อกันลมเย็บติดอีกหนึ่งชั้น ตรงประตูรถม้าก็ติดม่านผ้าฝ้ายหนาไว้หนึ่งชั้น ในรถม้ามีกระถางทองสัมฤทธิ์ที่เผาถ่านไม้ไผ่ชั้นดีไว้ เพราะถ่านที่ใช้คือถ่านชั้นดี จึงทำให้ไม่มีควันฟุ้งกระจาย ทั้งยังส่งกลิ่นหอม และยังทำให้บรรยากาศด้านในอบอุ่น
บนถนนปูด้วยหินสีนิล ต่อให้เป็นรถม้าขนาดใหญ่ก็ยังค่อนข้างโยกคลอน เหยาเยี่ยนอวี่พิงอยู่บนผนังผ้าสักหลาด ลำตัวขยับไปตามจังหวะการสั่นคลอนของรถม้า
“อย่าคิดมากเลย ข้ารู้สึกว่าเสี่ยนจวินต้องไม่เป็นอะไร” สุดท้ายเหยาเหยียยอี้ก็เอ่ยปากปลอบโยนน้องสาว
เมื่อวานมีคนมากมายพูดวาจาดังกล่าวกับนาง ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่ยังคงรู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นไม่น่าเชื่อถือ ตอนนี้พอพี่รองพูดเช่นนี้ออกมา จู่ๆ นางก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
“ท่านพี่ ข้าอยากไปกันโจว” เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างนิ่งสงบ
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” เหยาเหยียนอี้ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ที่นั่นกำลังทำศึกสงคราม คนชาวหูและชาวเกาหลีไม่รู้ว่าจะโผล่ออกมาจากไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้ารู้ไหมว่ามันอันตรายมากเพียงใด ที่นั่นเป็นสถานที่ที่สตรีคนหนึ่งควรไปหรือ!”
“ข้าจะไปกราบทูลฮ่องเต้ ให้รับสั่งทหารคอยคุ้มกันข้าเดินทางไปที่นั่น” เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างยืนหยัด นางครุ่นคิดเรื่องนี้มาทั้งคืน แม้กระทั่งยังคิดเนื้อหาสาส์นกราบทูลไปสิบกว่ารอบ เหตุผลที่จะเดินทางไปโน้นคืออะไร นางมั่นใจว่าฮ่องเต้จะทรงเห็นด้วย
เหยาเหยียนอี้แค่นเสียงเบาในลำคอ แล้วถามกลับ “เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าฮ่องเต้จะให้เจ้าไปกันโจว”
“ฝีมือการแพทย์ของข้าจะเป็นตัวยืนยันเอง” เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยเสียงเบา “ข้าจะไปกราบทูลฮ่องเต้ ขุนนางหมอหลวงที่ดีควรที่จะไปรักษาบาดแผลให้กับเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่ว่าเอาแต่นั่งอ่านตำราในเรือนอันอบอุ่นไปวันๆ”
“เจ้าอย่าใจร้อน!” เหยาเหยียนอี้เกลี้ยกล่อมด้วยเสียงเรียบ “อีกอย่าง ข้าคิดว่าเสี่ยนจวินก็คงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว แล้วพูด้วยเสียงเรียบเฉย “จะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ให้เขาเป็นคนบอกข้าเอง!”
“นิสัยดื้อดึงจริงๆ!” เหยาเยี่ยนอวี่นวดหว่างคิ้วอย่างจนปัญญาแล้วเกลี้ยกล่อมด้วยความไม่พอใจ “เจ้าตัดสินใจทำเช่นนี้ เคยคิดถึงหัวอกของท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ และข้าและพี่สะใภ้รองของเจ้าหรือไม่”
“พี่รอง ข้าไม่มีทางเป็นอะไรอยู่แล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือไปจับมือขอเหยาเหยียนอี้ แล้วพูดด้วยความจริงจัง “ข้าให้คำมั่นสัญญา ข้าจะกลับมาแต่โดยดี”
“ข้าไม่เชื่อในคำมั่นสัญญาของเจ้า!” เหยาเหยียนอี้ปัดมือของนางออก สีหน้าเคล้าด้วยความขุ่นเคืองใจ
“พี่รอง” เหยาเยี่ยนอวี่จับมือเขาอีกครั้ง แล้วถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “ข้าต้องไปหาเขา ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ไม่ไปหาเขา ข้าคงหลับไม่สนิททุกคืน
อากาศในเขตชายแดนตอนเหนือนั้นเหน็บหนาวจนทำให้คนรู้สึกทุกข์ทรมาน ทว่าข้ากลับจนปัญญาจริงๆ
ข้าก็ไม่อยากทำเช่นนี้ ทว่ากลับทนรอไม่ได้
ข้าต้องไปถามเขาให้รู้เรื่อง
ต่อให้ข้าตกหลุมรักเขาไปแล้ว แต่ก็จะไม่อนุญาตให้เขาคิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มาได้
รถม้าจอดลงตรงหน้าประตูสำนักแพทย์ เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวอำลากับพี่ชาย แล้วพาชุ่ยเวยและคนอื่นๆ เข้าไปในสำนักแพทย์
สำนักแพทย์ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีเปลี่ยนแปลงเนื่องด้วยข่าวร้ายที่เกิดขึ้น เหยาเยี่ยนอวี่สั่งให้ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงไปให้ทักษะความรู้แก่หมอหญิงที่มาเข้าอบรม ส่วนตนก็ขังตัวเองไว้ในเรือน แล้วเริ่มเขียนสาส์นกราบทูล
นางคิดเนื้อหาสาส์นกราบทูลมาทั้งคืน ทว่าตอนเขียนลงบนกระดาษเข้าจริงๆ กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก