หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 344 ทำการรักษาในค่ายทหาร (3)
ตอนที่ 344 ทำการรักษาในค่ายทหาร (3)
อวิ๋นคุนยิ้มพูดอย่างหยอกล้อ “นึกไม่ถึงจริงๆ! เจ้าหมอนี่จะเป็นที่รักเช่นนี้”
หันซังเกอพยักหน้า “ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็คือเรื่องส่วนตัวของเจ้า เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเช่นนั้น หากรอให้พวกเราได้รับชนะจากศึกสงครามแล้วกลับเมืองหลวงไปสู่ขอคุณหนูเหยา พวกเราค่อยดื่มสุรามงคลร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าละกัน”
เว่ยจางยิ้มแล้วพูดว่าไม่มีปัญหา ดังนั้นเหล่าสหายคนอื่นๆ จึงเริ่มหยอกล้อเว่ยจาง
ตอนบ่าย อวิ๋นคุนก็พาหันซังเย่ว์ไปเดินดูค่ายทหารหนึ่งรอบ หลังจากแนะนำแต่ละที่โดยคร่าวเสร็จ สุดท้ายหันซังเกอก็ให้เขาพาทหารสองพันนายไปรวมตัวกลับทหารยอดฝีมือห้าพันนายที่เจิ้นกั๋วกงพามา และมอบหมายให้เขานำทหารเหล่านี้ไปประจำการในที่ราบภูเขา
น้ำในแม่น้ำถูหมู่ก่อตัวเป็นน้ำแข็งชั้นหนาจนม้าวิ่งบนผืนน้ำได้ พวกเขาแอบไปซุกซ่อนอยู่ในที่ราบกลางภูเขาก็เพื่อที่จะเตรียมตัวพร้อมจู่โจมข้าศึกตลอดเวลา
ยังมีทหารยอดฝีมือกองทัพนกอินทรีหลายสิบนายไปรวมตัวกับทหารห้าหมื่นนายที่มาจากจิ่นโจว และมีฐานะเป็นทหารคนสนิทของแม่ทัพเว่ย พวกเขาจะประจำการอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ข้างแม่น้ำที่ห่างจากพื้นที่ราบกลางภูเขาที่หันซังเย่ว์ประจำการหนึ่งร้อยลี้ ทั้งสองจึงเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่ไกลห่างจากฐานทัพ และได้กลายเป็นมือซ้ายและมือขวาของแม่ทัพผู้นำในครั้งนี้
วันนี้เว่ยจางเพิ่งจะผ่านการรบที่ดุเดือดมา ต้องสูญเสียทหารทัพนกอินทรีสี่นาย อีกสองนายได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส ส่วนอีกหกนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนกองกำลังที่เฮ่อซีและถังเซียวอี้นำนั้น ก็ได้รับบาดเจ็บในระดับแตกต่างกัน
การสังหารข้าศึกหนึ่งพันคนดังกล่าว ก็คงไม่มีทางสูญเสียทหารแปดร้อยนายหรอก แต่อย่างไรทหารที่สูญเสียไปก็มีถึงร้อยสองร้อยคน และได้ใช้แผนการใช้คนกลุ่มน้อยชนะคนกลุ่มมาก ก็ยังได้รับบาดเจ็บเช่นเดิม ใต้หล้านี้จะมีแผนการหลอกล่อมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร ดังนั้นช่วงนี้แม่ทัพเว่ยก็ไม่อยากสูญเสียเช่นนั้นอีก
ก่อนที่จะไม่มีแผนการที่ดีในการกำจัดข้าศึก เขาไม่อยากจะสูญเสียอะไรอีก เขาจะให้กองทัพนกอินทรีที่เขาฝึกฝนมาอย่างยากลำบากต้องตายที่นี่ไม่ได้ และฮ่องเต้เองก็ทรงไม่ปรารถนาในสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน
อีกอย่างเหยาเยี่ยนอวี่มีถังเซียวอี้คอยอยู่เป็นเพื่อนในค่ายพักฟื้น หัวหน้าหมอทหารหลูถงก่วงจึงรีบพาหมอทหารหลายสิบนายมาต้อนรับ
หมอทหารในค่ายทหารไม่ถือว่ามีฐานะที่สูงส่งมากนัก หลูถงก่วงถือเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในนี้ เขาคือจู่ปั๋วขั้นที่ห้า ส่วนหมอทหารส่วนมากก็เป็นเพียงขุนนางขั้นที่หกเท่านั้น
ส่วนตำแหน่งของหมอที่ต่ำที่สุดในนี้ก็คือขุนนางขั้นที่แปด และบางคนก็คืออาสาสมัครที่เป็นชาวบ้านไร้ญาติไร้บ้าน พวกเขามาดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อแลกกับอาหารในแต่ละวัน ขณะเดียวกันที่นี่ก็ถือเป็นจุดพักพิงของพวกเขา
คนพวกนี้เห็นเหยาเยี่ยนอวี่เป็นถึงขุนนางขั้นสี่จึงไม่กล้าชักช้า ยิ่งไปกว่านั้น หมอหญิงคนนั้นมาตามพระราชโองการของฮ่องเต้ ต่อให้เป็นเพียงสตรี ทว่าก็ถือว่าเป็นขุนนางที่ได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญ ดังนั้นหลูถงก่วงจึงเป็นผู้นำเหล่าหมอทหารน้อมคำนับนางอย่างพร้อมเพรียง
เหยาเยี่ยนอวี่พลันเดินหน้ามาสองก้าวเพื่อพยุงหลูถงก่วงให้ลุกขึ้นแล้วพูดด้วยความเกรงใจ “ทุกท่านลำบากแล้ว รีบลุกขึ้นเถอะ”
หลูถงก่วงเคยเป็นผู้โชคดีที่ได้เห็นเหยาเยี่ยนอวี่ใช้การรมยาแบบไท่อี่ในการต่อเส้นเอ็นให้ท่านซื่อจื่อเมื่อครั้นที่หันซังเกอถูกหมีกัดตรงข้อเท้า ตอนนั้นสตรีที่ดูละมุนละไมผู้นี้น่าตื่นตะลึงยิ่งนัก หลังจากผ่านเรื่องราวมากมายเช่นนี้ เขาจึงเคารพนับถือหมอหญิงท่านนี้จากใจจริง ไม่เพียงแต่รายงานสถานการณ์ทั้งหมดในค่ายทหารที่เอาไว้รองรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้หมอหลวงเหยาฟัง ทั้งยังพานางไปเดินสำรวจค่ายทหารด้วยตัวเอง
แค่ว่าหมอทหารที่คอยติดตามอยู่ข้างกายของหลูถงก่วง นามว่าหลิวซั่งซิวกลับไม่ค่อยชอบขี้หน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ ในสายตาของหมอหลิว สตรีก็คือสตรีวันยันค่ำ สตรีควรอยู่ดูแลอบรมบ่มเพาะบุตรี และดูแลสามีของตนเองในจวน
ผู้ที่เป็นสตรี ต่อให้รู้ทักษะการแพทย์ก็ไม่ควรทำท่าทำทางโอ้อวด นางไม่เพียงแต่ได้เข้าไปรับตำแหน่งในสำนักแพทย์ ซ้ำยังทำให้ฮ่องเต้หลงนางจนหัวปักหัวปำ ไม่เพียงแต่เท่านั้น นางกลับทำตามพระราชโองการของฮ่องเต้เดินทางมาถึงที่นี่ นี่ช่างเหลวไหลไปกันใหญ่! ไม่รู้จักการวางตัวให้เหมาะสมเลย!
ได้ยินว่าสตรีคนนี้ยังไม่ได้ออกเรือน และนางยังเป็นถึงว่าที่ภรรยาของแม่ทัพเว่ยกระนั้นหรือ
โธ่ๆ! ช่างเหลวไหลจริงๆ สามีของตนมาทำศึกสงครามสังหารศัตรู สตรีคนนี้ไม่อาศัยอยู่ในจวนดีๆ กลับมาสร้างเรื่องสร้างปัญหาให้ค่ายทหาร ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ทรงคิดอะไรอยู่!
ในสายตาของหมอทหารหลิว สตรีผู้นี้ช่ำชองในการใช้มารยายั่วยวนผู้อื่นจริงๆ!
ดังนั้น ตลอดทางที่หมอหลิวติดตามอยู่ด้านหลังหมอหลู ก็ได้ยินหมอทหารหลูที่รายงานสถานการณ์ในค่ายทหารให้สตรีคนอื่นฟังด้วยความถ่อมตน เฉกเช่นตอนนี้มีทหารกี่นายที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย มีกี่คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่ถึงขั้นเสี่ยงชีวิต มีกี่คนที่ขาหักและแขนหัก มีกี่คนที่อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ มีกี่คนที่ได้รับบาดเจ็บตรงเส้นเอ็นและอื่นๆ ตลอดทางที่ติดตามไป หมอหลิวฟังแล้วรู้สึกเครียดยิ่งนัก
นางก็แค่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น ต้องรายงานละเอียดเช่นนั้นเชียวหรือ จำเป็นรายงานทุกรายละเอียดกับหมอที่เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งเชียวหรือ นางนอกจากปรุงยาทาบรรเทาแผลเปื่อยแล้วยังทำอะไรได้อีก
อืม เหตุเพราะรักษาเรื่องยาห้ามเลือดเป็นความลับ คนส่วนมากไม่รู้ว่าสูตรยาห้ามเลือดนี้มาจากแห่งหนใด ดังนั้นหมอหลิวเองก็ไม่รู้ในความสามารถของเหยาเยี่ยนอวี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้ฟังหมอทหารหลูมากเกินไป จริงๆ แล้วนางก็ไม่ใช่ว่าจะมาสำรวจงานต่างๆ ในค่าย ยิ่งไม่มีทางที่นางจะมีอารมณ์เป็นตัวแทนของฮ่องเต้มาคุมงานในค่าย ดังนั้นหลังจากที่หมอทหารหลูรายงานสถานการณ์สำคัญออกมา จึงพูดขึ้น “ใต้เท้าหลู ช่วยพาข้าไปเจอทหารบาดเจ็บสาหัสจนตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที”
“ขอรับ ใต้เท้าเหยาเชิญทางนี้” หมอทหารหลูพลันเดินนำทาง แล้วพาเหยาเยี่ยนอวี่ไปเรือนแห่งหนึ่ง
เหยาเยี่ยนอวี่เดินไปสองก้าวแล้วหันไปมองหมอทหารหลายสิบนายที่อยู่ด้านหลัง พร้อมขมวดคิ้วพูดขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องตามไปหรอก ไปจัดการงานของตนเองเถอะ อย่างไรก็ยังมีทหารรอรับการรักษาอยู่มากมายเช่นนั้น”
ขณะที่เอ่ย นางก็สั่งหมอหญิงหกสิบคนที่พามา “พวกเจ้าแยกย้ายกันติดตามใต้เท้าไปช่วยในส่วนที่ตนเองช่วยได้ หากสิ่งที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ก็คอยเรียนรู้และจดบันทึกอาการอยู่ข้างๆ ตกดึกมา ข้าจะมาตรวจสิ่งที่พวกเจ้าได้จดไว้”
เหล่าหมอหญิงพลันค้อมตัวรับคำ
หลูถงก่วงก็รีบพูดขึ้นเพิ่มเติม “ใต้เท้าเหยากล่าวถูกขอรับ” ดังนั้นเขาจึงสั่งกลุ่มคนที่ติดตามอยู่ด้านหลัง “พวกเจ้าแยกย้ายกันไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมายเถอะ”
ทุกคนได้ยินจึงตอบกลับว่า “ขอรับ” จากนั้นก็แยกย้ายกันหมด แต่ละคนไปดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บของตนเอง มีเพียงหลิวซั่งซิวที่ไม่ไปไหน ทว่ากลับติดตามอยู่ด้านหลังหลูถงก่วงอย่างหน้าด้านๆ
เหยาเยี่ยนอวี่ย่อมไม่สนใจบุรุษผู้นี้อยู่แล้ว เดิมทีเหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่เห็นเขาในสายตา เขาไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบ ทว่ากลับใส่เสื้อคลุมหนังแกะตัวหนา เขาเอาเสื้อคลุมห่อหุ้มร่างกายอย่างหนาแน่น คุณหนูเหยาเห็นเขาเป็นข้ารับใช้เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้มากความอะไร ปล่อยให้เขาเดินตามหมอทหารหลูเดินเข้าประตูเรือนไป
หลูถงก่วงพาเหยาเยี่ยนอวี่เข้าเรือนทิศเหนือ ที่นี่มีทหารคนหนึ่งซึ่งเป็นทหารที่ได้รับการโปรดปรานของอวิ๋นคุน การรบครั้งสุดท้ายทำให้อวัยวะภายในร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ จึงเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ทว่าเพราะว่าก่อนที่เขาจะมาเยือนที่นี่ ก็ไม่เคยไปตรวจกลุ่มเลือดของตัวเอง ฉะนั้นหลูถงก่วงจึงไม่กล้าถ่ายเลือดให้เขา แค่ใส่วิธีเดิมๆ ในการรักษาเท่านั้น ทว่าอาการกลับสาหัสเกินไป ถึงแม้ใช้ยาห้ามเลือด แผลภายนอกหายไปแล้ว ทว่าร่างกายกลับไม่ได้ดีขึ้น ตัวร้อนเป็นไข้อยู่อย่างนี้มาสิบกว่าวันแล้วก็ยังไม่หลุดพ้นความอันตราย
หลังจากเหยาเยี่ยนอวี่เดินเข้ามาก็ไม่ได้มากความอะไร แค่ยื่นมือไปจับชีพจรให้ทหารคนนั้น