หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 366 ได้รับชัยชนะกลับเมืองหลวง ให้บำเหน็จตามความชอบ (2)
ตอนที่ 366 ได้รับชัยชนะกลับเมืองหลวง ให้บำเหน็จตามความชอบ (2)
ศึกสงครามของต้าอวิ๋นและเป่ยหูจึงก้าวเข้าไปอีกขั้น หลังจากนั้นก็จะเจรจาสงบศึกและทำศึกต่อ ตอนนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความปรารถนาของฮ่องเต้ต้าอวิ๋นและเยี่ยลี่ร์ต้าสือแล้ว
ส่วนเว่ยจางคงไม่มีทางสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว หลังจากทำลายร้างชาวเกาหลีแล้ว เรื่องต้องจัดการกับข้าศึกที่จับมา ก็มอบหมายให้ถังเซียวอี้ทำแทน เขาจึงขี่ม้ารีบกลับค่ายทหารใหญ่ตามลำพังทันที
เหยาเยี่ยนอวี่หมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว และก็ถูกย้ายไปพักฟื้นตัวอยู่ตรงกระโจมฟากซ้าย
ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงเฝ้าอยู่เคียงข้าง ไม่กล้าไปไหน หันซังเกอสั่งให้หลูถ่งก่วงมาจากเมืองเฟิ่ง ทว่าหลูถ่งก่วงไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ในการรักษาแผลของเหยาเยี่ยนอวี่ แม้กระทั่งยาต้มของเหยาเยี่ยนอวี่ นางยังเป็นคนจ่ายเอง
หลังจากเว่ยจางกลับค่ายทหารก็รีบมาหานางทันที หันซังเกอเห็นเขา แค่พูดขึ้นสั้นๆ “คุณหนูเหยาพักฟื้นตัวอยู่ตรงกระโจมด้านซ้าย” เว่ยจางได้ยินจึงเดินไปที่กระโจมด้านซ้ายทันที
เหยาเยี่ยนอวี่พิงอยู่บนตั่งไม้และห่มผ้าผืนหนา ชุ่ยเวยกำลังป้อนยานางอยู่ หลังจากม่านกระโจมถูกเลิกขึ้น ลมหนาวที่ปะปนด้วยเกล็ดหิมะลอยเข้ามาด้านใน ทำให้ทั้งนายหญิงและบ่าวสองคนถึงกับหนาวสะท้าน
“ท่านแม่ทัพ?” ชุ่ยเวยมองชุดออกรบสีเลือดหมูของเว่ยจางด้วยความตกตะลึง หลังจากได้กลิ่นคาวเลือดจึงอดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้
เว่ยจางเดินมาตรงหน้าตั่งไม้ทีละก้าว แล้วค่อยๆ นั่งยองๆ ลง เขาอยากยื่นมือไปจับดวงหน้าขาวซีดของนางไว้ ทว่าเขากลับไม่กล้า แค่จ้องมองนางอย่างเดียว
เหยาเยี่ยนอวี่ส่งสายตาให้ชุ่ยเวย ชุ่ยเวยที่กำลังคิดจะพูดอะไรก็หยุดลงและวางถ้วยยาไว้ข้างๆ พลางถอยออกไปด้านนอกพร้อมกับชุ่ยผิง
เว่ยจางถึงจะเดินเข้ามากุมมือของเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วค่อยๆ แล้วเอาหน้าผากไปแนบชิดกับข้อมือของนาง ผ่านไปสักพัก น้ำตาเม็ดใหญ่ไปกระทบลงบนฝ่ามือของนาง และหยาดน้ำตาก็กระจายไหลไปตามลายมือของนาง เหยาเยี่ยนอวี่ดึงมือของตนเองออกจากฝ่ามือของเขา แล้วไปเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเขา เขากลับดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดทันที
ชุดออกรบของเขาเปียกแฉะและเย็นยะเยือก ทั้งยังเกาะฝุ่นและส่งกลิ่นของคาวเลือด ทว่านางกลับพิงอยู่บนนั้นด้วยความรักใคร่ และไม่อยากลุกขึ้นแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด จู่ๆ เว่ยจางก็ปล่อยนางออก แล้วหันไปมองยาต้มที่เย็นไปแล้ว เขาจึงเอ่ยด้วยเสียงแหบ “ยาเย็นหมดแล้ว ให้พวกนางไปอุ่นหน่อยเถอะ”
“อืม” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าแล้วเรียกชุ่ยเวยมา
ชุ่ยเวยรับคำแล้วเข้ามา เหยาเยี่ยนอวี่สั่งการ “ไปเทน้ำมาให้แม่ทัพหนึ่งถ้วย”
“เอายาไปอุ่นก่อนเถอะ” เว่ยจางขมวดคิ้ว เสียงของเขาแหบกว่าเดิม แหบจนแทบจะพูดไม่ออก
ชุ่ยผิงพลันเดินไปรับถ้วยยาต้มไว้ ชุ่ยเวยหันหลังเทน้ำให้เว่ยจาง
เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าที่บูดบึ้งของเว่ยจาง จึงพูดด้วยยิ้มจางๆ “ฟังเสียงของเจ้าดูสิ หากวันไหนเจ้าพูดออกเสียงไม่ได้แล้ว ข้าจะทิ้งเจ้าไปทันที”
“…” เว่ยจางมองนางเพียงชั่วพริบตา แล้วรับน้ำมาดื่มสองคำ
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อนเถอะ ดูสภาพเช่นนี้ของเจ้าสิ สกปรกจนดูไม่ได้แล้ว”
“…” เว่ยจางยืนขึ้นด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง แล้วไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไปเถอะ ไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วค่อยกลับมาป้อนยาให้ข้า”
ชุ่ยเวยพลันเกลี้ยกล่อม “ท่านแม่ทัพ รีบไปเถอะเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวคุณหนูจะหาว่ายาถ้วยนี้ดื่มยาก”
เว่ยจางมองสตรีบนตั่งไม้ที่มีสีหน้าซีดเซียวเพียงแวบเดียวแล้วเม้มปาก จากนั้นก็หันหลังจากไป
ชุ่ยเวยมองเว่ยจางออกไป จึงหันหลังเดินมาตรงหน้าตั่งไม้ พร้อมจัดหมอนพยุงให้เหยาเยี่ยนอวี่พิง แล้วเปรยด้วยเสียงเบา “ดูท่านแม่ทัพเป็นห่วงและเอ็นดูท่านมากเพียงใด เหตุใดตอนนั้นคุณหนูถึงจะซื่อปานนั้น ฝีมือการต่อสู้ของแม่ทัพ ลูกดอกนั่นคงไม่มีทางยิงโดนแม่ทัพอยู่แล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าจะทันคิดมากเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า”
ตอนที่อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับความเป็นความตาย มันเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบเท่านั้น นางแม้แต่คิดยังไม่ทันได้คิด จนถึงตอนนี้ นางค่อยยิ้มอย่างขมขื่น ในใจของตน ที่แท้คนคนนี้มีความสำคัญเช่นนี้ไปแล้ว
ไม่นาน ชุ่ยผิงก็ยกยาต้มที่อุ่นเสร็จเข้ามา หลังจากนั้น เว่ยจางก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าตัวสะอาดและล้างเนื้อล้างตัวตามเข้ามาแล้ว ชุ่ยผิงเอายาต้มให้เขา จากนั้นก็ตามชุ่ยเวยออกไปด้านนอกอย่างเงียบๆ เว่ยจางนั่งลงข้างตั่งไม้แล้วป้อนนางทีละช้อน
เหยาเยี่ยนอวี่ดื่มหนึ่งคำแล้วขมวดคิ้วหนึ่งที นางคิดจะบิดพลิ้ว
เว่ยจางจึงชิมดูหนึ่งคำ มันขมมากจริงๆ ดังนั้นจึงขมวดคิ้วเป็นปม แล้วไม่คิดจะป้อนนางอีก
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นท่าทีของเขา จึงอดเปรยไม่ได้ “เจ้านี่จริงๆ เลย ไม่คิดจะเกลี้ยกล่อมข้าหน่อยหรือไร”
เว่ยจางเงยหน้ามองนาง สีหน้าเคล้าด้วยความรู้สึกผิด เขาโทษตัวเองอย่างรุนแรง
“พอเถอะๆ!” เหยาเยี่ยนอวี่ทนดูแววตาเช่นนี้ของเขาไม่ได้อีก จึงยื่นมือออกไป “เอายามาให้ข้า ข้าจะดื่มเอง”
เว่ยจางยื่นช้อนป้อนนาง เหยาเยี่ยนอวี่กลับยื่นมือรับถ้วยยาเอง หลังจากนั้นก็ยกซดเพียงสองสามคำก็หมด แล้วเดาะลิ้นพลางเปรยขึ้น “ขมจริงๆ… อื้ม!” ลมหายใจอันร้อนผ่าวเข้ามาใกล้นาง จากนั้นปากของนางก็ถูกประกบปิดด้วยกลีบปากของเขา ปลายลิ้นถูกเขาดูดกิน ทำให้ได้ลิ้มรสอ่อนๆ ของใบสะระแหน่
เวลาที่ผ่านไปเพียงลมหายใจไม่กี่เฮือก ก่อนที่นางจะต่อต้าน เว่ยจางก็ปล่อยนางแล้ว จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแนบชิดกับนางไว้แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงแหบ “ยังขมอยู่ไหม”
เหยาเยี่ยนอวี่เบะปากแล้วยิ้มจางๆ “ปลายลิ้นชาหมดแล้ว ไม่ได้รสชาติอะไรทั้งนั้น”
เว่ยจางยื่นมือไปกอดนางไว้แล้วก้มหน้าจุมพิตตรงขมับของนางพร้อมพูดขึ้น “ข้าสั่งให้คนไปเอาผลไม้แช่อิ่มให้เจ้าแล้ว ดื่มครั้งหน้าก็จะไม่ขมเช่นนี้อีก”
ทำให้เห็นอย่างชัดเจน ท่าทีที่ออดอ้อนเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผลกับคนคนนี้ ส่วนเหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่อยากให้เขารู้สึกผิดต่อไป จึงทำท่าทางที่ไม่สนใจแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “อืม ไม่เป็นไร เสินหนงซื่อลิ้มลองสมุนไพรนับร้อย ถึงจะบันทึก ‘ตำราเปิ๋นเฉ่า’ ออกมา นำพาความสุขให้กับคนรุ่นหลัง ข้าก็แค่ดื่มยาต้มไปไม่กี่สูตรเท่านั้นเอง”
ดั่งที่คาด พอเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา แม่ทัพเว่ยก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก
เหยาเยี่ยนอวี่หันข้างมองมา ก็เห็นภายใต้แววตาของคนผู้นี้ เคล้าด้วยความรู้สึกผิด ดังนั้นจึงเปรยด้วยเสียงเบา “เจ้านี่มันช่างน่าเบื่อ น่าเบื่อจริงๆ เลย ไม่รู้จักพูดคุยเล่นกับข้าหน่อยหรือไร”
“หา?” เว่ยจางได้สติกลับมา แล้วหันข้างมองมาที่เหยาเยี่ยนอวี่ ผ่านไปสักพัก ถึงจะเอ่ยถาม “แผลของเจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่”
“ไม่เจ็บแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วยิ้มจางๆ “ข้ายังคิดอยากลงมาเดินเล่นเลย”
“อย่าเด็ดขาด!” เว่ยจางพูดด้วยเสียงต่ำแและแหบพร่า สีหน้าตกตะลึง
เหยาเยี่ยนอวี่เบะปากแล้วพิงบนไหล่ของเขา พร้อมทั้งออดอ้อนต่อ “แต่ข้าเบื่อหน่ายจวนตายแล้ว”
“รอให้แผลของเจ้าหายดีก่อน ข้าจะพาเจ้าไปที่ทะเลสาบเซียนหนู่อีกครั้ง” เว่ยจางยกมือแตะหน้าผากนางเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “พวกเราสร้างบ้านที่นั่นได้ ข้าจับปลาให้เจ้า ที่นั่นมีสมุนไพรให้เจ้าเด็ดเยอะแยะ เจ้าเด็ดได้ตามอำเภอใจ เจ้าคิดจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้น หากรู้สึกไม่มีความสุขแล้ว ก็แค่จุดไฟเผามันทิ้งไป”
“อ๋า?” เหยาเยี่ยนอวี่นั่งตัวตรงด้วยความตะลึงงัน แล้วมองเว่ยจางด้วยความสงสัย
เว่ยจางยิ้มจางๆ แล้วพูดขึ้น “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ที่นั่นเป็นแผ่นดินของต้าอวิ๋นแล้ว”
“เจ้า? ขับไล่คนเกาหลี…” เหยาเยี่ยนอวี่เข้าใจเสียทีว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้ทั้งร่างของเขาจึงส่งกลิ่นคาวเลือด
“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเขาต้องเป็นทาสของต้าอวิ๋น กลับไปข้าจะทูลขอฮ่องเต้ เจ้าอยากได้ทาสกี่คนมาปรนนิบัติเจ้า ข้าก็จะให้ตามที่ต้องการของเจ้า ที่ดินผืนนั้น อาจจะทูลขอให้เป็นพื้นที่สงวน หรืออาจเอาที่ดินอื่นไปแลกมันมา แล้วให้ที่นั่นกลายเป็นที่ดินของพวกเรา ดีหรือไม่”