หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 374 ดนตรีบรรเลงไม่ช้าไม่เร็ว คาดว่ามีสิ่งใดแอบแฝง (5)
ตอนที่ 374 ดนตรีบรรเลงไม่ช้าไม่เร็ว คาดว่ามีสิ่งใดแอบแฝง (5)
ในฐานะที่รองแม่ทัพถังเป็นผู้ริเริ่มความคิดนี้ เขากลับไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะล่วงเกินซูอวี้เหิง แค่พยุงนางให้ยืนตัวตรงเท่านั้น พร้อมทั้งเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดอะไรอยู่ เหตุใดถึงได้เหม่อลอยเช่นนี้”
“เปล่า ไม่ได้คิดอะไร” ซูอวี้เหิงส่ายหัวด้วยความตื่นตกใจและท่าทางของนางดูย่ำแย่ยิ่งนัก
หลังจากวันนี้เป็นต้นไป คุณหนูซูไม่ควรดูหมิ่นตัวเองอีก เขาก็แค่รองแม่ทัพมิใช่หรือ ตนเองยังมีฐานันดรศักดิ์สูงส่งกว่าเขาตั้งเยอะ แม้กระทั่งตอนอยู่ต่อหน้าแม่ทัพเว่ย ยังไม่ได้ตื่นเต้นมากเช่นนี้เลย เหตุใดตอนนี้ถึงตื่นเต้นมากเช่นนั้น!
“ทางโน้น” ถังเซียวอี้ชี้ไปทิศทางนั้นอย่างเรื่อยเปื่อย แน่นอน นั่นเป็นทิศทางที่ผิด
“อ้อ” ซูอวี้เหิงพยักหน้า นางจึงเดินเปลี่ยนทิศไปตามทางที่ถังเซียวอี้ชี้ไป ถังเซียวอี้ที่อยู่ด้านหลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปสักพัก แล้วสาวเท้าตามไปอย่างรวดเร็ว
ประจวบเหมาะกับตอนนี้มีเสียงขลุ่ยส่งมาจากบ่อน้ำพอดี กลับเป็นเสียงที่กำลังบรรเลงเพลง ‘คิดถึงใบไม้ร่วงหน้าแท่นแต่งหน้า’ ซูอวี้เหิงฟังออกทันที
ถังเซียวอี้ก็ตกตะลึง สักพักพอเห็นซูอวี้เหิงฟังอย่างเคลิบเคลิ้มจึงคลี่ยิ้มจาง
หลังจากจบไปหนึ่งบทเพลง ซูอวี้เหิงก็เปรยด้วยเสียงเบา “บุญคุณของชาวฮั่นเป็นเพียงบุญคุณเล็กน้อย ทว่าบุญคุณของชาวหูกลับใหญ่หลวง ความสุขของชีวิตคือการได้ใช้ชีวิตกับคนรู้ใจ”
ถังเซียวอี้เอ่ยถามอย่างคาดคิดไม่ถึง “คุณหนูซูรู้สึกว่าเจาจวินออกเรือนให้บุรุษชาวหูคือความสุขกระนั้นหรือ”
ซูอวี้เหิงยิ้มจางๆ “คนอื่นมักจะมองนางว่าเป็นคนชอบธรรม ทว่าข้ารู้สึกว่า นางเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง คงไม่ได้กล้าหาญเช่นนั้นแน่นอน นางคงยอมรักษาเขาไว้ และคงจะยอมอยู่กับคนที่เห็นคุณค่าและรักใคร่ในตัวนางเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบุรุษชาวฮั่นหรือชาวหูก็ดี จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางอะไรมากมาย”
“เช่นนั้นเหวินจีล่ะ” ถังเซียวอี้เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ต่างคนต่างมีวิธีการใช้ชีวิตที่แตกต่างก็เท่านั้น คนใต้หล้านี้ต่างบอกว่าเหวินจีเป็นคนชอบธรรม แต่ข้ากลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงทิ้งบุตรชายไป” ซูอวี้เหิงเปรยด้วยเสียงเบา “แม่นางคนนี้ หากแม้กระทั่งบุตรของตนยังกล้าทิ้ง แล้วยังมีสิ่งใดในใต้หล้านี้ที่นางให้ความสำคัญอีก”
ถังเซียวอี้พยักหน้าพลางเปรยขึ้น “กล่าวได้ไม่เลว”
ซูอวี้เหิงรู้สึกตกตะลึงที่ตนคุยกับคนแปลกหน้าคนนี้ได้มากมาย ดังนั้นจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปค้อมตัวลงให้ถังเซียวอี้ “รองแม่ทัพถัง ข้าออกมานานเกินไป ควรจะกลับไปได้แล้ว”
“ได้ ข้าจะส่งคุณหนูกลับไปเอง” ถังเซียวอี้ไม่คิดจะวางแผนการใดอีก แต่กลับใช้ทางลัดส่งซูอวี้เหิงกลับศาลาปี้อีให้เร็วที่สุด
เหยาเยี่ยนอวี่กลับมาตั้งนานแล้ว ซูอวี้เหิงเข้ามาก็เห็นนาง จึงตะลึงงันเป็นอันดับแรก จากนั้นก็นึกถึงตอนแรกที่นางฟังบทเพลงนั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม ตอนที่นั่งลงข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
พอเห็นสีหน้าของซูอวี้เหิง เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกมีความหวังทันที ดังนั้นจึงขยับไปใกล้พลางเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ “เจ้าไปไหนมา หากยังไม่กลับมาอีก ข้าคงเรียกคนไปตามหาเจ้าแล้ว”
คุณหนูซูเบะปาก พร้อมเปรยขึ้น “พี่เหยาบอกว่า รองแม่ทัพถังฉลาดหลักแหลม ทว่ากลับจำทางไม่ได้ เกือบจะพาข้าหลงทางแน่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่อ้าปากกว้าง สีหน้าตกตะลึง “ไม่ใช่หรอกกระมัง” ถังเซียวอี้ที่เป็นถึงทหารวางแผนรบ จะจำแผนที่ไม่ได้ได้อย่างไร
“ฮื้อ” ซูอวี้เหิงเบะปากน้อยๆ แล้วไม่ได้มากความอะไรอีก
เหยาเยี่ยนอวี่ลอบหัวเราะในใจ ดูๆ แล้วคนพวกนั้นล้วนเป็นพวกที่ชอบวางอุบายทั้งนั้น น้องสาวที่ซื่อตรงและบริสุทธิ์ผุดผ่องเกือบกลายเป็นแกะเข้าปากหมาป่าเสียแล้ว
เฮ้อ! เช่นนั้นก็เอาแบบนี้ หากถังเซียวอี้กล้าพูดจาไม่ดีกับน้องสาวที่ซื่อตรงคนนี้ของตนเอง นางยังเอาเรื่องเขาได้ ทว่าหากนางไปออกเรือนกับบุรุษคนอื่น นางคงเอาเรื่องอะไรไม่ได้!
กลับพูดถึงทางฝั่งศาลาเตี้ยวเย่ว์ ตั้งแต่หลังเที่ยงเป็นต้นไป เว่ยจางก็นั่งนิ่งๆ ไม่อยู่อีก คนอื่นพูดคุยเล่นและดื่มสุรากันไปอย่างเพลิดเพลิน เขากลับนั่งไม่พูดไม่จา แม้กระทั่งตอนที่หันซังเกอชูจอกสุรามาทางฝั่งเขา เขายังไม่ได้ยิน ภายในใจมัวแต่เฝ้าคะนึงถึงเหยาเยี่ยนอวี่ไม่ควรดื่มสุราอีกต่อไป ไม่ควรเหน็ดเหนื่อยกว่านี้ ควรนอนกลางวัน และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับนางอีกมากมาย เขาเลยนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไหวอีกต่อไป และหวังเป็นอย่างมากว่าทุกคนจะรีบกินและดื่มให้เสร็จ จะได้ให้ฮูหยินของเขาได้นอนกลางวันเสียหน่อย
ถังเซียวอี้เปรยอย่างจนปัญญา แล้วใช้ขาลอบสะกิดเว่ยจางเบาๆ เว่ยจางถึงจะหันไปมองหันซังเกอ “อื้ม?”
“เสี่ยนจวิน!” หันซังเกอชูจอกเหล้าในมือขึ้นอีกครั้ง “คิดอะไรของเจ้าอยู่ กลัวแต่กังวลเรื่องทางการทหารหรือไร มาดื่มสุรา”
“อ้อ” เว่ยจางชูจอกไปชนกับของหันซังเกอ พร้อมดื่มสุราให้หมดจอกเพียงเฮือกเดียว
“เฮ้อ!” อวิ๋นคุนทอดถอนหายใจแรงๆ “แม่ทัพเว่ยของพวกเราออกไปเพียงแวบเดียว กลับทิ้งวิญญาณไว้ด้านนอกเสียแล้ว”
เว่ยจางมองอวิ๋นคุนเพียงพริบตาอย่างไม่แยแส ซูอวี้ผิงจึงพูดขึ้นยิ้มๆ “พี่เสี่ยนจวินเหมือนมีเรื่องในใจ”
อวิ๋นคุนพยักหน้าอย่างแรง พูดด้วยรอยยิ้ม “อืม ดูจากเวลาแล้ว ตอนนี้ก็คงเป็นเวลานอนกลางวัน คนที่ยังไม่หายจากการบาดเจ็บควรพักผ่อน”
“เสี่ยนจวิน? นี่ผ่านไปครึ่งค่อนปีแล้ว แผลของเจ้ายังไม่หายดีอีกหรือ” เซียวหลินแกล้งเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง “ยาของคุณหนูเหยาไม่ได้เป็นยาที่ดีที่สุดหรือไร”
แม่ทัพเว่ยเหลือบตามองท่านเซียวโหวอย่างโหดเหี้ยม พร้อมชูจอกไปตรงหน้าเขา “ท่านโหว ชนเสียจอกเถอะ”
“ดีๆ” เซียวหลินรับมือกับศึกครั้งนี้ด้วยความกล้าหาญ
แม่ทัพเว่ยดื่มสุราไปสามจอก ท่านเซียวโหวดื่มไม่ไหวอีกต่อไป ทว่ากลับไม่ยอมพ่ายแพ้ “เอ่อ ข้าว่า เจ้าคงมีเรื่องหม่นหมองใจน่ะสิ ถึงคิดจะมอมสุราข้าเช่นนี้ ข้าไม่ดื่มกับเจ้าแล้ว”
อวิ๋นคุนตั้งหน้าตั้งตารอดูศึกระหว่างแม่ทัพเว่ยและเซียวโหว ดังนั้นจึงพูดขึ้นยิ้มๆ “ดื่มไม่ได้ก็บอกว่าดื่มไม่ได้สิ จะหาข้ออ้างไปไย วันนี้มาที่นี่ ไม่ใช่ว่าดื่มสุราหรือไร”
เซียวโหวหันไปมองอวิ๋นคุนเพียงพริบตาเดียว แล้วพูดยิ้มๆ “ดื่มสุราน่ะไม่ผิด ทว่าไม่ควรดื่มจนมึนเมา”
“ไม่เป็นไร วันนี้ดื่มให้เต็มที่ไปเลย” หันซังเกอพูดขึ้นยิ้มๆ “พวกเราไม่เมาไม่กลับ”
“เช่นนั้นคงไม่ได้” ท่านเซียวหลินตบไหล่ของเว่ยจางด้วยรอยยิ้มเบิกบาน แล้วกำชับด้วยความหวังดี “เสี่ยนจวิน เจ้าก็ห้ามดื่มจนเมา มิเช่นนั้นคุณหนูเหยาเห็นแล้วคงรู้สึกไม่โปรดปราน”
เว่ยจางมองเซียวโหวด้วยสายตานิ่งเฉย ผ่านไปสักพักถึงจะพูดขึ้น “ข้าไม่เมาอยู่แล้ว แต่ว่าหากเป็นท่าน เกรงว่าคุณหนูหันเห็นคงจะไม่พอใจ ข้าปล่อยเจ้าไปก็ได้”
เซียวหลินชี้หน้าของเว่ยจางแล้วพยักหน้าอย่างจนปัญญา “ดี ถือว่าเจ้าคอแข็ง รอให้เจ้าสู่ขอสะใภ้กลับจวนเมื่อใด ดูสิว่าพวกเราจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”
เว่ยจางยิ้มอย่างไม่แยแส “ได้”
ถังเซียวอี้รู้ดีว่าหากรอให้แม่ทัพของเขาสู่ขอสะใภ้กลับจวน คนที่ต้องถูกมอมสุราก็คือตนเองและสหายคนอื่นๆ ดังนั้นจึงลอบถอยหายใจแล้วถามเซียวหลิน “งานสมรสของท่านโหวได้กำหนดไว้หรือยัง”
เซียวหลินยิ้มๆ แล้วพูดขึ้น “ท่านปู่ของข้าให้ขุนนางสำนักโหราศาสตร์ดูฤกษ์แล้ว”
แววตาของแม่ทัพเว่ยเป็นประกายทันที แล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว ข้าก็ไปหาขุนนางสำนักโหราศาสตร์มาแล้ว พวกเขาบอกว่าวันที่สิบหกเดือนเก้าในปีนี้เป็นวันมงคล และไม่มีวันที่ดีกว่านี้อีกแล้ว มิเช่นนั้นเจ้าก็จัดวันเดียวกับข้าเถอะ”
“จริงหรือ” ท่านเซียวโหวเริ่มรู้สึกสนใจ แล้วหันไปมองหันซังเกอ
หันซังเกอยิ้มจางๆ “หาฤกษ์งามยามดีเป็นเรื่องที่ตระกูลเจ้าจัดการ อย่างไรทางฝั่งเราก็แค่จัดเตรียมสินเดิมเจ้าสาวก่อนวันงานก็พอ”
เซียวโหวปรบมือหนึ่งที แล้วพูดขึ้น “กลับไปข้าจะปรึกษาหารือกับท่านปู่”
ประเด็นนี้อวิ๋นคุนไม่อยากฟังแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาดื่มสุราหนึ่งจอกแล้วลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก หันซังเย่ว์มองหันซังเกอเพียงแวบตาเดียว หันซังเกอยกยิ้มแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้น หันซังเกอรู้ อวิ๋นคุนไม่ใช่คนที่ปล่อยวางยาก เขาแค่ต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนอารมณ์ของตนเองเท่านั้น