หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 377 ละทิ้งงานทุกอย่าง ความสุขของงานวิวาห์ (3)
ตอนที่ 377 ละทิ้งงานทุกอย่าง ความสุขของงานวิวาห์ (3)
เพราะว่าจะสร้างโรงงานผลิตกระจกแห่งใหม่ หันหมิงชั่นสั่งงานแม่นมจ้าวหมัวมัว จ้าวหมัวมัวแนะนำให้หันหมิงชั่นเอาบ้านสวนนอกเมืองที่องค์หญิงใหญ่หนิงหวาให้ตนเองมาทำเป็นโรงงานผลิตกระจก
หันหมิงชั่นครุ่นคิด บ้านสวนแห่งนั้นมีถนนเป็นของตนเอง อีกอย่างที่นั่นไม่ได้ถือว่ามีทัศนียภาพที่ดีมากเท่าใด ก็แค่มีบรรยากาศที่เงียบสงบเท่านั้น บ้านสวนที่องค์หญิงใหญ่หนิงหวาให้นาง หลักๆ ก็คือมีที่นาล้อมรอบอยู่สองร้อยกว่าหมู่ ที่นาผืนนั้นมีทรัพยากรทางน้ำที่อุดมสมบูรณ์จากภูเขาอวี้เฉวียน ข้าวสีม่วงและข้าวสีเขียวที่ปลูกจึงดีกว่าที่อื่น ตอนนี้บ้านสวนที่นั่น นอกจากให้เหล่าข้ารับใช้ที่ทำนาอาศัยอยู่แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อื่นใดอีก
“ได้ เช่นนั้นก็เลือกบ้านสวนที่นั่นเถอะ เจ้าสั่งให้คนไปปรึกษาหารือกับคนของน้องเหยาดู ว่าควรจัดบ้านสวนอย่างไร แล้วต้องการเงินเท่าใดก็ค่อยมาบอกข้าก็พอแล้ว” หันหมิงชั่นพยักหน้า แล้วพูดกับเหยาเยี่ยนอวี่ “เจ้าหาเวลาว่าง สั่งให้คนของเจ้ามาเจอจ้าวหมัวมัว เรื่องส่วนมากก็ปล่อยให้พวกเขาไปจัดการเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่อยากไปกังวลใจอะไร แค่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
สองวันถัดไปเป็นวันที่ฝนตก เหยาเหยียนอี้ส่งรถม้ามารับเหยาเยี่ยนอวี่กลับไป บังเอิญกับที่องค์หญิงใหญ่หนิงหวาสั่งให้คนมาส่งสาร บอกว่าหมิงเยี่ยจวิ้นจู่กลับมา ให้หันหมิงชั่นกลับจวนองค์หญิง ดังนั้นสหายทั้งสามจึงนั่งรถม้ากลับเมืองหลวงพร้อมกัน และค่อยแยกย้ายกลับจวนของตัวเอง
หลังจากพักผ่อนไปสองสามวัน ก็สะสางกับงานในโรงงานที่เปิดใหม่จนเสร็จ คุณหนูเหยารู้สึกว่างเกินไป จึงไปสำนักแพทย์
จางฉางเป่ยติดตามฝ่าบาทไปพักร้อนที่ราชนิเวศน์ ในสำนักแพทย์เหลือเพียงหมอหญิงสองสามคนและผู้ช่วยหมอเท่านั้น คนพวกนี้คิดว่าหมอหลวงเหยาพักฟื้นตัวที่จวน ดังนั้นแต่ละคนก็แอบเกียจคร้าน ตอนหมอหลวงเหยาไปถึงกะทันหัน พวกนางจึงถูกจับผิด
“นี่ เจ้ารู้ไหมเหตุใดหมอทหารหลิวถึงได้เลื่อนขั้นไปเป็นถึงขุนนางระดับสาม”
“เขาคิดค้นสูตรยาพิเศษออกมามิใช่หรือ”
“นี่เจ้าก็เชื่อด้วยหรือ เขาเป็นหมอทหารมายี่สิบปีแล้ว เจ้าเคยได้ยินว่าเขาเคยคิดค้นสูตรยาอะไรดีๆ หรือไม่ ทุกครั้งก็ใช้แต่สูตรยาเดิมๆ ทหารพวกนั้นต่างบอกว่าเขาชอบประจบประแจงผู้ที่สูงส่งและดูหมิ่นรังแกผู้ที่ต่ำต้อยกว่า ไม่เคยสนใจทหารต่ำต้อย แค่รู้จักประจบสอพลอเหล่าแม่ทัพเท่านั้น”
“ฝ่าบาทยังจะแต่งตั้งเขาอีก แล้วยังให้บำเหน็จมากมายเช่นนั้น ครานี้เขาเทียบหมอหลวงหลูได้แล้ว แม้กระทั่งหมอหลวงเหยาก็ยังไม่โดดเด่นเยี่ยงเขา เขาได้รับการเลื่อนขั้นตั้งสามระดับแน่ะ!”
“จุ๊…ข้าได้ยินคนบอกว่าเขาแค่ทำตามสูตรยาที่ใต้เท้าเหยาสั่งให้ปรุง จากนั้นเขาก็เขียนสาส์นกราบทูลให้ฝ่าบาทอย่างไร้ยางอาย บอกว่านั่นเป็นสูตรยาที่เขาคิดค้น มีประสิทธิภาพอย่างมาก”
“ครั้งนี้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาและถูกส่งตัวกลับมาเมืองหลวงมากที่สุด ขอแค่ทหารที่ถูกช่วยกลับมาจากสนามรบ แทบจะได้รับการรักษาจนหายหมด”
“ดังนั้น หมอหลวงหลิวถึงได้เหน็ดเหนื่อยตรากตรำและมีผลงานอย่างใหญ่หลวงมากเช่นนี้อย่างไรเล่า”
“ถุย! นั่นเป็นผลงานของเขาหรือ หากไม่ใช่ใต้เท้าของพวกเราไปที่นั่น คนพวกนั้นรอดชีวิตมาได้ครึ่งหนึ่งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”
“ก็ถูกของเจ้า ผลงานใหญ่หลวงเช่นนี้ถูกคนแซ่หลิวแย่งไปเสียแล้ว”
“ก็ค่อยยังชั่ว ได้ยินมาว่าหมอหลวงหลูก็ได้เลื่อนตำแหน่งหนึ่งขั้น และใต้เท้าเหยาของพวกเราได้เลื่อนเป็นขุนนางระดับสามแล้ว”
“เหอะ ใต้เท้าหลูและใต้เท้าเหยาได้เลื่อนตำแหน่ง เพราะพวกเขาเสี่ยงชีวิตไปเด็ดสมุนไพรที่ทะเลสาบเซียนหนู่ โดยเฉพาะหมอหลวงเหยา”
เหยาเยี่ยนอวี่ยืนอยู่ตรงประตูเรือนหลัง ฟังคนพวกนั้นพูดคุยกัน ภายในใจรู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อย
เมื่อนางไม่สบอารมณ์ สีหน้าก็ต้องไม่ดีเป็นเรื่องธรรมดา หมอหลวงเหยาเดินเข้าประตูด้วยสีหน้าเย็นชา จนคนพวกนั้นที่กำลังซุบซิบนินทาคนอื่นต่างสะดุ้งตกใจ แต่ละคนรีบวางทุกอย่างที่อยู่ในมือลง พลางวิ่งไปน้อมคำนับนาง
เหยาเยี่ยนอวี่ผายมือ ทุกคนลุกขึ้น นางจึงสั่งการ “เก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย จากนั้นทุกคนเตรียมพร้อมไว้ให้ดี สามวันหลังจากนี้พวกเราจะจัดการสอบวัดความรู้”
“เจ้าค่ะ” ทุกคนรับคำอย่างพร้อมเพรียง ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายมาก
หลังจากคุณหนูเหยาออกจากสำนักแพทย์ ก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์เช่นเดิม
เรื่องนี้แม้กระทั่งหนิงฮูหยินน้อยที่เป็นฮูหยินแห่งจวนตระกูลเหยาก็ยังมองออก
ถึงเวลามื้อค่ำ หนิงฮูหยินน้อยก็มาหาเหยาเยี่ยนอวี่ที่เรือนของนาง พอเห็นคุณหนูเหยาพิงบนตั่งไม้และกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอย่างเงียบๆ สีหน้าดูขุ่นเคืองใจเล็กน้อย นางจึงเอ่ยถามยิ้มๆ “น้องสาวมีเรื่องอะไรทำให้ไม่สบอารมณ์หรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัวและเชิญนางนั่งด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร แค่มีเรื่องวุ่นวายในสำนักแพทย์หน่อย อาจารย์ติดตามฝ่าบาทไปพักร้อนที่ราชนิเวศน์ เรื่องใหญ่เรื่องเล็กเลยต้องเป็นข้าที่เป็นคนจัดการ เหนื่อยจริงๆ!”
“เวลาพักผ่อนของเจ้ายังไม่หมดนี่ เหตุใดถึงไม่หลบและพักผ่อนอยู่ในจวนอีกสองสามวันเล่า อย่างไรเรื่องพวกนั้นก็คงไม่จบไม่สิ้นอยู่แล้ว” หนิงฮูหยินน้อยเชื่อว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ จึงเกลี้ยกล่อมนาง
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มแล้วพูดขึ้น “อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ข้าต้องจัดการ ข้าหลบเลี่ยงได้ในวันนี้ อย่างไรพรุ่งนี้ก็คงหลบเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี”
หนิงฮูหยินน้อยเปรยขึ้น “จริงๆ คนที่ข้ากังวลที่สุดก็คือเจ้า”
“หืม? พี่สะใภ้กังวลเรื่องอะไร” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เจ้าดูสิ เจ้ากับแม่ทัพเว่ยต่างก็เป็นขุนนางในราชสำนัก เขาต้องไปค่ายทหารตลอด แม้กระทั่งยังต้องพาทหารออกรบเป็นประจำ แล้วเจ้าล่ะ พอทำศึกสงคราม ก็ต้องคอยตามไปช่วยเหลือ เจ้าว่าหลังจากพวกเจ้าสองคนแต่งงานกันแล้ว ชีวิตจะเป็นเช่นไร เจ้าไม่ควรปล่อยให้ข้ารับใช้ดูแลทุกอย่างในจวนของเจ้าหรือเปล่า” หนิงฮูหยินน้อยกังวลอย่างมาก ตั้งแต่โบร่ำโบราณ นายท่านออกไปว่าราชการข้างนอก นายหญิงต้องคอยสะสางงานเรือน ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่กลับออกไปว่าราชการด้านนอกด้วย แล้วใครจะเป็นนายหญิงของจวนแม่ทัพล่ะ
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ พลางพูด “พี่สะใภ้กล่าวถูก เพียงแต่ว่ายังมีเฝิงหมัวมัวอยู่ นางช่วยข้าสะสางงานในเรือนได้”
“นางสะสางงานในเรือนได้ ทว่ามารยาทในการไปมาหาสู่กับจวนต่างๆ ล่ะ หรือนี่ก็จะให้คนอื่นทำแทนเจ้า?” หนิงฮูหยินน้อยเปรยขึ้น
“ข้าพักงานเป็นระยะๆ ก็ได้นี่” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ปัญญาเรื่องใหญ่อะไร การไปมาหาสู่กับแต่ละจวนเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่แล้ว ทว่านางไม่ยอมทิ้งความใฝ่ฝันของตนเองแน่ ในฐานะที่นางเป็นผู้หญิงที่หาเลี้ยงชีพตัวเองได้ในยุคปัจจุบัน คงไม่มีทางยึดผู้ชายเป็นศูนย์กลาง
หนิงฮูหยินน้อยยกยิ้ม ตบมือของเหยาเยี่ยนอวี่พร้อมเปรยขึ้น “เวลาล่วงเลยแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ”
“อืม” เหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้นแล้วส่งหนิงฮูหยินน้อยออกไป จากนั้นก็หันหลังกลับจวนไป
วันที่สอง เหยาเหยียนอี้ไม่ต้องไปศาลาว่าการ เหยาเยี่ยนอวี่จึงมาเขาที่ห้องอักษร แล้วถามว่าเขามีมุมมองอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่หมอหลวงหลิวซั่งซิวได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางระดับสาม
เหยาเหยียนอี้เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมากเช่นนี้ วันที่พระราชโองการของฮ่องเต้ลงมา เขาก็คิดหาวิธีไปสืบหาเรื่องนี้แล้ว
วันนี้ถึงแม้ใต้เท้าเหยาจะมีตำแหน่งที่ไม่สูงศักดิ์ ทว่าก็เป็นคนที่มีตาทิพย์ และไปมาหาสู่กับเหล่าขุนนางชั้นสูงไม่น้อย
หนึ่งในนั้นก็คือเยี่ยนอ๋องซึ่งเป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับกิจการในราชวงศ์ และยังต้องมีจวนกั๋วกงและจวนองค์หญิงใหญ่ เหตุเพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจวนองค์หญิงใหญ่ ทำให้เหยาเหยียนอี้ได้ไปมาหาสู่กับจวนอันอี้โหว รวมไปถึงเมื่อก่อนตระกูลเหยาก็รู้จักคนในเมืองหลวงมากมายอยู่แล้ว กล่าวได้ว่าตอนนี้มีคนคอยเป็นหูเป็นตาให้กับใต้เท้าเหยาอยู่มากมาย
หลังจากเหยาเยี่ยนอวี่ฟังคำอธิบายของพี่ชายตนเอง จึงเย้ยหยันตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้เบื้องหลังของคนแซ่หลิวนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“เขาลอบขโมยสูตรยาของเจ้าไป โดยเฉพาะสูตรยาที่ใช้สมุนไพรเพียงแค่สามชนิด ทว่ากลับรักษาแผลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวิธีการปรุงยาก็ง่ายดายอย่างมาก ฝ่ายบาทตรัสชมเยี่ยนอ๋องว่าในสำนักหมอทหารมียอดฝีมืออย่างหลิวซั่งซิวอยู่ ฝ่าบาททรงได้รับการปลอบพระทัยแล้ว”
“เหอะ!” เหยาเยี่ยนอวี่แค่ลอบกัดฟันอย่างเงียบๆ สูตรยานี้ไม่ใช่ว่าถูกบันทึกไว้ในตำราโอสถของนางหรือไร นี่มันสูตรยาในยุคปัจจุบันชัดๆ เป็นยาที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาไปหลายพันปีเช่นนั้น แน่นอนว่าต้องมีประสิทธิภาพที่ดีอยู่แล้ว