หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 386 จวนซูทะเลาะแก่งแย่ง จวนเว่ยรักใคร่ปรองดอง (2)
ตอนที่ 386 จวนซูทะเลาะแก่งแย่ง จวนเว่ยรักใคร่ปรองดอง (2)
“เจ้า…เจ้าโต้แย้งอย่างไม่มีเหตุผล เจ้าอย่าเข้ามา…อ๊า!” คุณชายสามซูถอยจนไม่มีทางถอย ร่างของเขาโอนเอนไปมา ทันใดนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไป “เจ้าอย่าเข้ามานะ!”
เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่ปล่อยให้เขาสมดั่งปรารถนา ยังคงเดินหน้าไปหนึ่งก้าว จากนั้นโน้มตัวไปด้านหน้า ตั้งใจเข้าใกล้เขา พร้อมทั้งบอกคำๆ หนึ่งกับเขาด้วยเสียงแผ่วเบา ซูอวี้เสียงเอนกายไปด้านหลัง แล้วก็ตกลงไปในสะพานด้วยเสียงกรีดร้อง
เหยาเยี่ยนอวี่พลันตะโกนเสียงดังทันที “ช่วยด้วย! คุณชายสามตกน้ำ! ช่วยด้วย!”
พอเสียงตะโกนดังลั่น จึงมีสาวใช้และผัวจื่อวิ่งมาจากทั่วทุกทิศ ทว่าทุกคนทำได้แค่มองคุณชายสามซูที่อยู่ในน้ำ เหตุเพราะไม่มีใครว่ายน้ำเป็น จึงไม่มีใครกล้าโดดลงน้ำ
“ไปหาลำไม้ไผ่มา! ไปหาลำไม้ไผ่มาเร็วเข้า!” เหยาเยี่ยนอวี่รีบเตือนสติทุกคนทันที
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!” ผัวจื่อคนหนึ่งรับคำพลางรีบวิ่งไปหาลำไม้ไผ่
เหตุเพราะสถานการณ์ตรงนี้ชุลมุนวุ่นวายเกินไป ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ในศาลาจวี๋อวิ้นได้ยินเข้า ทุกคนต่างวิ่งมาดู สุดท้ายเว่ยจางเป็นคนที่กระโดดลงน้ำไปช่วยคุณชายซูที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ในน้ำ
“นี่ก็ไม่ได้ลึกนี่!” เหยาเหยียนอี้เปรยด้วยคิ้วขมวด
บ่อน้ำนี้ไม่ลึกจริงๆ สวนแห่งนี้ไม่ใหญ่มาก ไม่มีทางขุดบ่อลึกเกินไปแน่นอน ดังนั้นเหยาเหยียนอี้จ้างช่างฝีมือมาขุดน้ำบาดาลแล้วสูบน้ำขึ้นมา จากนั้นก็สร้างลำธารเล็กๆ กลางสวน ใช้หินสีนิลปูพื้นบ่อน้ำ พลางถมด้วยโคลนแล้วปลูกดอกบัวและผักตบชวา เพื่อประดับให้บ่อน้ำดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น ตอนนี้เว่ยจางยืนอยู่ในน้ำ ระดับน้ำถึงเอวของเขาเท่านั้น
ทว่าก็เพราะเช่นนี้ ตอนที่ซูอวี้เสียงตกลงไป สะโพกของเขาถึงได้กระแทกลงบนก้นบ่อ ทำให้เอวและสันหลังของเขาได้รับการกระแทก เพราะว่าอาการปวดและอาการตื่นตกใจ ทำให้เขาดิ้นรนและกรีดร้องในน้ำไม่หยุด ทั้งยังดื่มน้ำเข้าไปเป็นจำนวนมาก
ซูอวี้เสียงถูกเว่ยจางช่วยขึ้นมา เดิมทีบุรุษสวมเสื้อผ้าสีเทาหม่นชั้นดี ตอนนี้กลับเปื้อนด้วยโคลนและน้ำ ผมมวยกระจัดกระจาย ซ้ำยังมีเศษกิ่งไม้และใบไม้ติดมาด้วย ใบหน้าแปดเปื้อนโคลนดำ สภาพยับเยินยิ่งนัก
เหยาเยี่ยนอวี่ยกมือชี้ไปยังศาลาหกเหลี่ยม พร้อมพูดด้วยคิ้วขมวด “ไปวางคุณชายสามไว้ทางโน้น”
เหยาเฟิ่งเกอเดินตามอย่างจนปัญญา แล้วสั่งให้สาวใช้เอาผ้าเช็ดหน้าให้ซูอวี้เสียง ไม่ว่าสาวใช้แตะโดนตัวเขาตรงไหน เขาก็ร้องทุกข์อย่างทรมานไม่หยุด ทำเอาสาวใช้ไม่กล้าลงมือ
เหยาเฟิ่งเกอมองสภาพย่ำแย่ของเขาก็รู้สึกเคร่งเครียดในใจ เมื่อครู่ตอนเขาตกน้ำก็อยู่กับเหยาเยี่ยนอวี่ตามลำพัง ไม่ต้องคิดก็พอเดาออก ทว่าเหยาเฟิ่งเกอคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เหตุใดบุรุษคนนี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้!
เหยาเหยียนอี้สั่งคนข้างๆ ด้วยสีหน้าตึงเครียด “ไปเอาน้ำอุ่นมาล้างหน้าคุณชายสามซูที เยี่ยนอวี่ มาลองดูอาการเขาเสียหน่อยว่าได้รับบาดเจ็บตรงจุดใดหรือไม่” คุณชายรองเหยารู้สึกว่าตนกับเหยาเฟิ่งเกอต่างก็ยืนอยู่ที่นี่ แล้วให้เหยาเยี่ยนอวี่ดูอาการบาดเจ็บภายนอกให้ซูอวี้เสียงก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เป็นวันมงคล ขืนเชิญหมอหลวงมาก็ค่อนข้างอัปมงคล
เหยาเยี่ยนอวี่รับคำแล้วเดินหน้า นึกไม่ถึงว่าซูอวี้เสียงกลับกรีดร้องแล้วส่ายหัวทันที “ไม่ๆ… เชิญหมอหลวงเถอะ รีบไปเชิญหมอหลวงมา!”
“เป็นอะไรไป หรือว่าพี่เขยไม่วางใจในฝีมือการแพทย์ของข้า” หมอหลวงเหยายืนอยู่ตรงหน้าคุณชายสามซู ก้มหน้ามองเขาพลางเอ่ยถามด้วยยิ้มจางๆ
“ไม่…ไม่ คือว่า…คือว่าบุรุษกับสตรีควรรักษาระยะห่างกัน ทางที่ดี…เชิญหมอหลวงมาเถอะ” ต่อให้มีใครมาตีคุณชายสามซูให้ตายอย่างไร เขาก็ไม่กล้าให้หมอหลวงเหยาดูอาการให้เขา ใครจะไปรู้ว่านางอาจจะถือโอกาสลอบสังหารตนเอง ขืนสังหารเขาให้ตายก็ดี ทว่าหากนางแค่ทำให้ทุกข์ทรมานเขาปางตายล่ะ ชีวิตที่เหลือเขาคงมิอาจทนอยู่อย่างทุกข์ทรมานได้อยู่แล้ว
จนถึงป่านนี้ หากเว่ยจางยังมองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็คงไม่ต้องอยู่ในวงการทหารอีกต่อไป ดังนั้นเขายื่นมือคว้ามือของเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วพูดว่า “เยี่ยนอวี่ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเพื่อนข้าที”
“อ้อ ได้” เหยาเยี่ยนอวี่หันมองเหยาเหยียนอี้และเหยาเฟิ่งเกอเพียงแวบตาเดียว แล้วพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นพาเว่ยจางเดินจากไป
หนิงฮูหยินน้อยไม่ได้มากความอะไร แค่หันไปสั่งการสาวใช้ “ไปสั่งให้โรงครัวต้มน้ำขิงมาที” สาวใช้รับคำแล้วกำลังจะเดินจากไป หนิงฮูหยินน้อยก็สั่งการเพิ่มเติม “ส่งหนึ่งถ้วยไปให้แม่ทัพเว่ยด้วย”
เฟิงฮูหยินน้อยเห็นสถานการณ์เช่นนี้จึงอุ้มซูจิ่นเย่ว์ขึ้นทันที แล้วพาบุตรีของตนซูจิ่นอวิ๋นจากไป
เว่ยจางเดินตามเหยาเยี่ยนอวี่ไปยังเรือนตะวันออก ซึ่งเป็นเรือนที่นางอาศัยอยู่ในก่อนหน้านี้ ชุ่ยเวยจึงเปิดหีบใส่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ออก จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าตัวใหม่ออกมาหนึ่งชุด
“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ” เว่ยจางไม่ชอบให้ใครอยู่ข้างกายตอนเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ดังนั้นผายมือให้สาวใช้ออกไปให้หมด
ชุ่ยเวยค้อมตัวแล้วพาสาวใช้ชั้นล่างออกไปให้หมด จากนั้นปิดประตูเรือนทันที
เว่ยจางเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวเอง เหยาเยี่ยนอวี่หันไปพิงบนตั่งไม้ แล้วมองบุรุษรูปงามเปลี่ยนเสื้อผ้า
ผิวสีเหลืองน้ำผึ้ง กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เอวเรียวบาง น่องขายาวเรียวและดูแข็งแรงนั้นเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่นับไม่ถ้วน…เหยาเยี่ยนอวี่หรี่ตาสังเกตมองบุรุษที่เป็นของตนไปแล้ว จากนั้นก็อุทานในใจว่าตนช่างโชคดี นางที่อยู่ในยุคปัจจุบันเป็นสาวโสดมาหลายปีเช่นนั้น พอทะลุมิติมายังยุคสมัยโบราณ กลับได้คู่ครองที่เป็นของหายากเช่นนี้
“เป็นเช่นไรบ้าง ยังพึงพอใจหรือไม่” หลังจากเว่ยจางสวมชุดชั้นกลางแล้ว ก็สะบัดชุดคลุมยาวทับลงมาอีกชั้น จากนั้นเดินมาหาเหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่หรี่ตาพยักหน้า แล้วพูดเชิงจับผิดในเรื่องเล็กน้อย “รอยแผลเป็นมากเกินไป ส่งผลต่อความงดงามโดยรวม กลับไปลองทายาลดรอยแผลเป็นที่ข้าคิดค้นมาดูสักสามเดือน”
เว่ยจางยกยิ้ม ไม่ได้พูดแทรกอะไร แค่ใส่ชุดคลุมสีม่วงแกมแดงลายใบไผ่ให้เรียบร้อย จากนั้นก็ผูกที่คาดเอว แล้วเดินมานั่งข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่ มองนางพลางถาม “เจ้าไม่มีอะไรจะบอกข้าหรือ”
“บอกอะไร” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางพลางเอนกายไปพิงอยู่บนไหล่ของเขา
“เกี่ยวกับเรื่องที่คุณชายสามซูตกน้ำอย่างไรเล่า” เว่ยจางยื่นมือไปอุ้มนางไว้วางบนตัก “เขาเหมือนกลัวเจ้ามาก”
เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะดูหมิ่น “เขาหวาดระแวงเอง”
“เหตุใดเขาถึงต้องหวาดระแวง” เว่ยจางปั้นหน้าที่ดูมีความอดทน แล้วรอให้สตรีในอ้อมแขนเล่าเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน
เหยาเยี่ยนอวี่นึกถึงสภาพที่ย่ำแย่ของซูอวี้เสียงจึงอดหัวเราะไม่ได้ เว่ยจางยื่นมือไปจับคางนางแล้วเอ่ยถาม “เจ้าไปทำอะไรเขามา ทำให้เขาแค่นึกถึงหน้าเจ้าก็ต้องดูหวาดกลัวเช่นนั้น”
“ข้าไม่เคยทำอะไรเลย แค่แล่หนังแกะต่อหน้าเขาเท่านั้น” เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ
“เหตุใดเจ้าถึงไปแล่หนังแกะต่อหน้าเขา” เว่ยจางมองนางอย่างนิ่งสงบ “เจ้าอยากให้ข้ารู้เรื่องนี้จากปากคนอื่นหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่หุบยิ้มแล้วถอนหายใจ “เจ้านี่จริงๆ เลย เรื่องอะไรก็ต้องจริงจังเช่นนี้เลยหรือ”
เว่ยจางวางคางบนศีรษะของนางเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “เรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า ข้าถึงจะจริงจัง”
เหยาเยี่ยนอวี่ทำได้เพียงเหล่าเรื่องที่ซูอวี้เสียงไปสำนักแพทย์ในครั้งนั้นให้เว่ยจางฟังไปหนึ่งรอบ แค่ไม่ได้เล่าเรื่องที่ซูอวี้เสียงจะให้นางไปเป็นอนุภรรยาของเขาออกมาเท่านั้น หลักๆ ก็คือกังวลว่าแม่ทัพเว่ยจะโกรธจนบีบคอซูอวี้เสียงจนตายคามือ สถานการณ์เช่นนั้นคงไม่ดีมากนัก
ต่อให้เป็นเช่นนี้ เว่ยจางยังรู้สึกค่อนข้างเครียด คนที่กล้าฉวยโอกาสไปไปเย้ยหยันเหยาเยี่ยนอวี่ตอนตนไม่อยู่ แล้วจะปล่อยให้คนคนนั้นลอยนวลไปได้อย่างไร ดังนั้นจึงเอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “วันนี้เกิดอะไรขึ้น”