หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 388 จวนซูทะเลาะแก่งแย่ง จวนเว่ยรักใคร่ปรองดอง (4)
ตอนที่ 388 จวนซูทะเลาะแก่งแย่ง จวนเว่ยรักใคร่ปรองดอง (4)
เหยาเฟิ่งเกอเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาแล้วยืนอยู่ที่เดิม
ซูกวงฉงเอ่ยอีกครั้ง “เจ้ายังไม่เข้าไปดูเจ้าสามอีกหรือ ไหนๆ ได้รับบาดเจ็บก็พักฟื้นตัวดีๆ ในจวนเถอะ จะได้ไม่ต้องออกไปเที่ยวสาวด้านนอก วันๆ เอาแต่สร้างเรื่องสร้างปัญหา”
“เจ้าค่ะ” เหยาเฟิ่งเกอค้อมตัวลง หันไปมองเหยาเหยียนอี้เพียงชั่วพริบตา เหยาเหยียนอี้พยักหน้าให้นาง สื่อให้นางเดินจากไป เหยาเฟิ่งเกอถึงพาซานหู เจินจู และคนอื่นๆ ออกจากเรือน
พอสตรีในเรือนต่างก็ออกไปกันหมด ตอนนี้ก็เหลือเพียงสองพ่อลูกซูกวงฉงและเหยาเหยียนอี้
“เสียนจื๋อ นั่งเถอะ” ซูกวงฉงยกมือ แล้วนั่งลงตรงที่นั่งหลักก่อน
เหยาเหยียนอี้ถึงจะโค้งตัวลงตรงหน้าซูกวงฉง แล้วกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ “เมื่อครู่ข้าที่เป็นรุ่นหลังไร้มารยาทเอง ท่านโหวได้โปรดอย่าถือสา”
ซูกวงฉงผายมือ แล้วพูดว่า “ไม่โทษเจ้า ตั้งแต่องค์หญิงต้าจั่งสวรรคคตไปหนึ่งปีกว่า ไม่ว่าในจวนหรือนอกจวนเกิดเรื่องไร้ยางอายไม่น้อย โดยเฉพาะเจ้าสาม เฮ้อ!”
เหยาเหยียนอี้พลันพูด “คุณชายสามยังหนุ่มยังแน่น กระทำผิดเล็กน้อยก็ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงมิได้ ต้องโทษน้องสาวของข้าด้วยที่ดื้อดึงเกินไป”
“ไม่โทษนาง” ซูกวงฉงผายมือ แล้วสั่งซูอวี้อัน “เหตุใดถึงไม่สั่งให้คนยกน้ำชามา”
ซูอวี้อันพลันหันไปสั่งการบ่าวที่อยู่ตรงประตู “ยกน้ำชามา”
ซูกวงฉงยกมือเชิญเหยาเหยียนอี้ “เสียนจื๋อ เชิญนั่งเถอะ”
เหยาเหยียนอี้ถึงจะกล่าวขอบคุณแล้วสะบัดชายชุดคลุมพลางนั่งลง ซูอวี้อันก็นั่งลงด้านข้าง จากนั้นมีสาวใช้ยกชาหอมกรุ่นเข้ามา พอยกน้ำชาให้นายเสร็จ ก็ถอยออกไปด้านนอกเงียบๆ
ติ้งโหวถอนหายใจอย่างไร้หนทาง ค่อยกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยในจวนเท่านั้น วันนี้ลามไปถึงจวนเสียนจื๋อ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างญาติต้องแตกแยกกัน ว่าไปแล้ว ข้าเองที่ไม่เข้มงวดในการครองเรือน”
เหยาเหยียนอี้พลันยิ้ม “ท่านโหวเอ่ยวาจาเกรงใจเกินไปแล้ว น้องสาวข้าถูกสั่งสอนอย่างเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ยังคงแก้นิสัยไม่ได้ เมื่อครู่นางพูดจาเหลวไหลเอง ประเดี๋ยววานท่านโหวและคุณชายรองช่วยเกลี้ยกล่อมฮูหยินที อย่าเอาคำพูดที่เอ่ยเพราะอารมณ์มาทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัวเลย หากฮูหยินเครียดเพราะเรื่องนี้จนร่างกายเสื่อมโทรมลง พวกเราสองพี่น้องคงจะรับผิดชอบไม่ไหว”
ท่านติ้งโหวผายมืออีกครา “เจ้าสามไม่เอาถ่านเอง สะใภ้สามถึงจะไม่สบอารมณ์เช่นนี้ เรื่องพวกนี้ข้าจะเป็นฝ่ายจัดการเอง ก่อนหน้านี้เสี่ยนจื๋อก็เคยพูดแล้ว ปัญหาย่ำแย่ในครอบครัว ไม่ควรปล่อยให้คนนอกรู้ ดังนั้น พวกเราปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเถอะ วันข้างหน้าใครหน้าไหนก็ไม่ต้องเอ่ยถึงมันอีก เสี่ยนจื๋อคิดว่าเช่นนี้ดีหรือไม่”
เหยียนอี้พลันประสานมือคารวะ “ข้าน้อมรับคำสั่งของท่านโหวอยู่แล้วขอรับ”
“ดี ดี” ติ้งโหวพยักหน้าแล้วสั่งซูอวี้อัน “ไปสั่งให้โรงครัวทำอาหารเลิศรสมาที บอกว่าข้าจะเชิญคุณชายรองเหยาอยู่กินข้าวในจวน”
เหยาเหยียนอี้ผุดลุกและคารวะ “ท่านโหวโปรดอภัย เมื่อครู่มัวแต่ส่งคุณชายสามกลับมา ในจวนยังมีงานที่สะสางไม่หมด ตอนข้าออกมา สาวใช้ชั้นล่างคนนั้นยังคงร้องห่มร้องไห้ ทั้งยังพึมพำว่าอยากตาย ส่วนภรรยาของข้าก็ตั้งครรภ์ ดังนั้น งานเรือนจึงต้องให้ข้าคอยจัดการ ข้าจำต้องกลับไปก่อนขอรับ”
ติ้งโหวได้ยินคำพูดนี้ จึงสบถหยาบอย่างโมโห “เป็นเพราะเจ้าสามสร้างปัญหาแท้ๆ ทำให้เสี่ยนจื๋อต้องกลับไปจัดการอีก!”
เหยาเหยียนอี้ยิ้มจางๆ “ท่านโหวพูดจาเกรงใจอีกแล้วขอรับ ใครสั่งให้คุณชายสามเป็นน้องเขยของข้าเล่า”
ติ้งโหวหัวเราะพลางยืนขึ้น แล้วเปรยว่า “เช่นนั้น ข้าคงไม่รั้งเสี่ยนจื๋อแล้ว รอให้มีเวลาว่าง ข้าจะเตรียมสุราและอาหารไว้เชิญเสี่ยนจื๋อมาอีกที”
“ขอรับ วันข้างหน้าข้าค่อยมาดื่มสุราชั้นดีของท่านโหวขอรับ” เหยาเหยียนอี้ค้อมตัวกล่าวอำลาอีกครั้ง
ติ้งโหวเป็นคนส่งเขาออกไปด้านนอก เหยาเหยียนอี้พลันค้อมตัว กล่อมให้เขาส่งถึงที่นี่ก็พอ
สุดท้าย ซูอวี้อันเป็นคนส่งเหยาเหยียนอี้ออกไปนอกประตู แล้วมองเขาขึ้นม้าจากไปถึงจะถอนหายใจหันหลังกลับเข้าไปในจวน
ตอนกลางดึก ติ้งโหวกลับเรือนของลู่ฮูหยิน ก็ได้ทะเลาะถกเถียงกับนางเป็นธรรมดา
ลู่ฮูหยินไม่พอใจในเหยาเฟิ่งเกอ แล้วปวดใจที่บุตรชายล้มจนได้รับบาดเจ็บ ติ้งโหวก็สบถหยาบอย่างเคียดแค้นชิงชัง “เจ้าสามถูกเจ้าเอาอกเอาใจจนเสียคน! พวกเขาสามพี่น้อง เขานี่แหละที่ไม่เอาถ่าน! เจ้าดูเรื่องพวกนั้นที่เขาก่อไว้สิ ตอนนี้เหตุเพราะฝ่าบาทไม่ให้ความสำคัญกับพวกเรา คนเหล่านั้นจึงไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านั้น ทว่าหากวันใดเรื่องพวกนั้นถูกเอามายกเป็นประเด็นล่ะ เจ้าและข้าต้องทำอย่างไร!”
ซูกวงฉงและลู่ฮูหยินเป็นสามีภรรยาที่ครองคู่มาหลายปี ก่อนหน้านี้เหตุเพราะองค์หญิงต้าจั่งมักจะว่ากล่าวสั่งสอนเขาอยู่เป็นประจำ เขาจึงลอบใส่ใจลู่ฮูหยินเป็นพิเศษอย่างเงียบๆ ทำให้คนในครอบครัวสามัคคีปรองดองกัน
วันนี้องค์หญิงต้าจั่งสวรรคต ติ้งโหวถึงจะสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง ที่แท้มารดาของตนไม่พึงพอใจในสะใภ้คนนี้ ไม่ได้เป็นเพราะนางหาเรื่อง การกระทำของลู่ฮูหยินไม่เหมาะสมจริงๆ
หลังจากทะเลาะถกเถียงกันไป สุดท้ายติ้งโหวก็ตัดสินใจ “วันข้างหน้า เรื่องในจวนก็ปล่อยให้สะใภ้ใหญ่เป็นคนจัดการเถอะ สุขภาพร่างกายของเจ้าไม่สู้ดีมาตลอด เจ้าก็พักฟื้นร่างกายอย่างสบายใจเถอะ”
ลู่ฮูหยินได้ยินคำพูดนี้จึงนิ่งงันไปทันที แล้วเอ่ยถามอย่างงงงวย “ท่านโหวหมายความว่าอย่างไร”
“ตั้งแต่องค์หญิงต้าจั่งสวรรคต ร่างกายของเจ้ายิ่งอยู่ยิ่งแย่ ความมีชีวิตชีวาของเจ้าไม่เหมือนแต่ก่อน ดูก็รู้ว่าเป็นเพราะอายุเยอะ เรื่องหยุมหยิมในจวน เจ้าก็ไม่ต้องคอยกังวลแล้ว” ติ้งโหวอดทนพูดจนจบแล้วเหยียดกายลุกขึ้นจากไป
ลู่ฮูหยินยังคงยืนเหม่อลอยอยู่ที่เดิม ผ่านไปสักพักก็ไม่เห็นว่าจะขยับไปไหน
เหลียนหมัวมัวเดินเข้าไปเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงต่ำ “ฮูหยิน นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว ได้เวลาเข้านอนแล้วเจ้าค่ะ”
“อาซิ่น ข้าถือว่าแพ้ยับเยินหรือไม่” ลู่ฮูหยินพึมพำ
เหลียนหมัวมัวพลันเกลี้ยกล่อม “ฮูหยินกำลังพูดอะไรอยู่เจ้าคะ ฮูหยินน้อยใหญ่เป็นสะใภ้ของฮูหยิน นางควบคุมดูแลงานเรือนก็คือเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว ตอนนี้ฮูหยินควรดื่มด่ำกับชีวิตตอนชรา วันข้างหน้าลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง ครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นชีวิตที่ดียิ่ง ฮูหยินยังต้องรักษาสุขภาพของตนไว้ให้ดี ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“เหอะๆ ” ลู่ฮูหยินยิ้มอย่างขมขื่น พลางส่ายหัว อะไรคือลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง อะไรคือครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข…นางคงเป็นได้แค่แม่เฒ่าไร้ประโยชน์เท่านั้น ทว่า แล้วนางจะทำอะไรได้บ้าง
ในธรณีประตูนี้เหมือนไม่มีทางที่นางจะเป็นใหญ่ ก่อนหน้านี้มีองค์หญิงต้าจั่งอยู่ ตอนนี้มีท่านโหวอยู่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ก็กลายเป็นของเฟิงฮูหยินน้อยแล้ว
พอกล่าวถึงเหยาเยี่ยนอวี่และเว่ยจางที่เฝ้ารอคอยให้เหยาเหยียนอี้กลับจวนเหยา จากนั้นก็เสวนากันไปสักพัก พอฟังเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในจวนติ้งโหวจนจบ ถึงจะกล่าวอำลาแล้วกลับจวนแม่ทัพ ระหว่างทางกลับ แม่ทัพเว่ยไม่ขี่เจ้าเฮยเฟิงกลับ แต่นั่งรถม้ากลับกับฮูหยิน ฮูหยินเหยาพิงอยู่กลางอ้อมกอดของสามีแล้วเปรยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ว่าไปแล้วพี่สาวก็ช่างน่าสงสารยิ่งนัก”
เว่ยจางกุมมือนางแล้วเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงต่ำ “มีบิดาและพี่รองของเจ้าอยู่ คุณชายสามซูไม่กล้าทำอะไรหรอก อีกอย่าง งานเรือนในจวนซู อย่างไรก็ต้องมีนายหญิงคอยสะสาง เจ้าวางใจเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้ว่าความคิดของแม่ทัพเว่ยไม่เหมือนตนเอง เขานึกว่าตนเองกำลังกังวลว่าเหยาเฟิ่งเกอจะไม่ได้ใจของแม่สามีและสามี อนาคตจะไม่มีชีวิตที่ดี แท้จริงแล้วนางแค่รู้สึกเบื่อหน่ายที่เรือนของซูอวี้เสียงมักจะมีการแต่งตั้งอนุภรรยา
หลังจากเว่ยจางกล่าวจบ สตรีในอ้อมกอดไม่พูดไม่จา นางแค่เหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ ดังนั้นเขายกมือไปจับจมูกของนาง แล้วเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “คิดอะไรอยู่”
จู่ๆ เหยาเยี่ยนอวี่ก็นั่งตัวตรง แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “หากอนาคตข้ามีบุตรชายให้เจ้าไม่ได้ เจ้าจะแต่งตั้งอนุภรรยาไหม”