หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 390 รักษาโรค พักฟื้นตัว เข้าเฝ้าฮ่องเต้ (1)
ตอนที่ 390 รักษาโรค พักฟื้นตัว เข้าเฝ้าฮ่องเต้ (1)
“ได้ เช่นนั้นข้าจะค่อยๆ ทำลายของพวกนี้เอง” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดที่เขาเคยเอ่ยตอนอยู่ในเขตชายแดนตอนเหนือ บอกว่าจะคิดหาวิธีทำให้ทะเลสาบเซียนหนู่กลายเป็นเขตสงวนของตนเอง ตอนที่นางไม่สบอารมณ์ก็แค่จุดเพลิงเผาที่นั่นให้สิ้นซาก ความหวานที่เจิมใจนางไร้คำบรรยายจริงๆ
เว่ยจางมองนางที่ปั้นหน้าพึงพอใจเหมือนแมวน้อย จึงเกิดอารมณ์โปรดปรานขึ้นมา เขายื่นมือไปอุ้มตัวนางขึ้นไปวางบนหีบขนาดใหญ่ แล้วก้มหน้าจุมพิตบนหว่างคิ้วของนาง
เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือโอบเอวของเขาไว้ แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน “นี่เจ้าอยากจะมีอะไรกับข้าบนหีบใส่พลอยนี่หรือ”
คำพูดนี้สามารถปลุกอารมณ์ของแม่ทัพเว่ยได้สำเร็จ
จุมพิตของเขาดุเดือดไร้เทียมทาน ความเร่าร้อนนั้นยิ่งกว่าเปลวไฟที่แผดเผาฟืนแห้ง และรุนแรงยิ่งกว่าพายุหมุน
จวบจนนางใกล้จะหายใจไม่ออก ถึงจะผลักแม่ทัพเว่ย ‘ผู้ตื่นเต้นทางเพศ’ ออกอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นใช้กำปั้นทั้งสองข้างที่อ่อนแรงชกแผงอกของเขาด้วยสีหน้าชื่นบาน “ไม่ได้ ที่นี่ไม่มีแม้แต่น้ำ ไม่มีเสื้อผ้าเตรียมไว้ด้วย ตามกำลังสู้รบของเจ้า…หลังจากเสร็จแล้วพวกเราจะกลับเรือนอย่างไร”
เว่ยจางหลุดหัวเราะเสียงแหบ แล้วขยับไปข้างหูของนาง จากนั้นจุมพิตลงบนผิวอุ่นๆ ของนางด้วยความลุ่มหลง ตำหนิด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้านี่มันทรมานคนเก่งจริงๆ…”
“ลุกขึ้นเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่ผลักร่างของบุรุษที่ทับตนออก
“อืม” เว่ยจางเพิ่งจะลุกขึ้นก็พยุงนางขึ้น แล้วก็ได้ยินคนที่อยู่ด้านนอกประตูคลังตะโกนอย่างกระวนกระวาย “แม่ทัพขอรับ? ฮูหยินขอรับ?”
“มีอะไร” เส่ยจางขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“จวนเซียวโหวส่งคนมาบอกว่ามีเรื่องด่วนจะขอเข้าพบฮูหยินขอรับ”
“จวนเซียวโหวส่งคนมาบอกว่ามีเรื่องด่วนจะขอเข้าพบฮูหยินขอรับ” เสียงที่ตะโกนมาคือเสียงของฉังเหมา
เหยาเยี่ยนอวี่พลันผลักเว่ยจางออก แล้วกระโดดลงจากหีบ จากนั้นเอ่ยถามด้วยเสียงสูง “มีเรื่องอะไรก็ว่ามา”
“เรียนฮูหยิน พวกเขาบอกว่าผู้เฒ่าเซียวป่วยหนัก หมอหลวงมิอาจรักษาได้”
“สั่งให้คนเตรียมม้า” เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวจบก็ออกจากคลัง เว่ยจางที่อยู่ด้านหลังก็ตามออกมา
ราชครูเซียวตั้นเคยเป็นราชครูของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมาสิบปี ตั้งแต่ฮ่องเต้มีพระชนมายุสิบกว่าพรรษาก็ร่ำเรียนตำรากับเขา ราชครูและศิษย์คู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกว่าพ่อลูก
ปีนี้ราชครูเซียวก็อายุแปดสิบเอ็ดปีแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็ได้เห็นหลานคนเดียวของตนสร้างครอบครัวแล้ว ทำให้เขาดีใจจนดื่มหนักไปหน่อย ด้วยความที่มีร่างกายที่ทรุดโทรมเพราะอายุเยอะ จึงทำให้ป่วยหนักในครั้งนี้
อาการป่วยของเขาสาหัสเกินไป หมอหลวงที่มากประสบการณ์ในสำนักหมอหลวงของราชวังต่างก็ติดตามฮ่องเต้ไปซีหวั่น สองสามวันมานี้ ต่อให้เขาดื่มยาต้มสมุนไพร ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ดีขึ้น ทั้งยังยิ่งอยู่ยิ่งแย่ลง หันหมิงชั่นหลานสะใภ้คนใหม่ก็ไม่กล้าชักช้า ทำได้เพียงสั่งให้คนมาเชิญคุณหนูเหยาที่จวนแม่ทัพเว่ย
เหยาเยี่ยนอวี่และเว่ยจางจึงรีบไปเยือนจวนจิ้งไห่โหวทันที ตรงหน้าประตูก็มีพ่อบ้านมายืนต้อนรับพวกเขาสองคนนานแล้ว
เซียวหลินเห็นเว่ยจางก็ไม่มีท่าทางร่าเริงเหมือนที่ผ่านมา เขาแค่เพียงตบไหล่เว่ยจางอย่างจนปัญญาแล้วเปรยด้วยเสียงเรียบ เว่ยจางจึงปลอบโยนเขา “ไม่ต้องเป็นห่วง คงไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว”
“หวังว่าเป็นเช่นนั้น” เซียวหลินพยักหน้าอย่างจนปัญญา “ครั้งนี้ต้องรบกวนพวกเจ้าจริงๆ”
เว่ยจางยิ้มบาง “พวกเราควรทำเช่นนี้อยู่แล้วมิใช่หรือ”
มารดาของเซียวหลินสกุลเหยียนเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ จึงเดินหน้ามากุมมือนางไว้ทันที แล้วเปรยว่า “นี่พวกเจ้าก็เพิ่งแต่งงาน ก็ต้องหาเรื่องไปรบกวนพวกเจ้าเสียแล้ว ต้องขอโทษจริงๆ!”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “ฮูหยินเกรงใจเกินไปแล้ว ข้ากับพี่หันเป็นสหายสนิทสนมกันฉันพี่น้อง เรื่องของนางก็คือเรื่องของข้า ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเซียวโหวเองก็คือสหายของพี่ชายและสามีของข้า ผู้เฒ่าเซียวยังเป็นราชครูที่มีบุญคุณต่อฝ่าบาท และข้าเองก็ยังรับเบี้ยเลี้ยงจากสำนักแพทย์ ไม่ว่าจะว่าด้วยเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน เยี่ยนอวี่จะนั่งนิ่งดูดายได้อย่างไร”
เหยียนฮูหยินทอดถอนหายใจ “ฮูหยินเหยาเห็นแก่ส่วนรวมเช่นนี้ พวกเราซาบซึ้งในน้ำใจจริงๆ”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “ฮูหยินไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ พาข้าไปดูอาการผู้เฒ่าเซียวเถอะ”
เหยียนฮูหยินและหันหมิงชั่นพาเหยาเยี่ยนอวี่ไปห้องอักษรที่เซียวตั้นใช้พักฟื้นตัว เซียวหลินและเว่ยจางรออยู่ที่นั่นแล้ว หลังจากน้อมคำนับเสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่ก็เข้าไปวัดชีพจรให้ผู้เฒ่าเซียวตั้น
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่เคยวัดชีพจรเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ชีพจรยังเต้นอยู่ ผู้เฒ่าเซียวยังคงมีลมหายใจ ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่กลับสัมผัสไม่ได้ถึงพลังชีวิต…ชีพจรของผู้เฒ่าคนนี้เหมือนไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย
มองจากสีหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ เซียวหลินรู้สึกหมองเศร้าในใจ
หันหมิงชั่นขยับเข้าไปใกล้สามีอย่างเงียบๆ แล้วยื่นมือไปจับมือเขาเบาๆ เซียวหลินหันไปมองภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้าจวนเพียงพริบตาเดียว นางก็กำลังจับจ้องตัวเอง นัยน์ตานิ่งสงบดั่งผืนน้ำ ทำให้ความคิดที่กระวนกระวายเต็มหัวค่อยๆ หายไป
เหยาเยี่ยนอวี่วัดชีพจรเสร็จ จึงหันไปเอ่ยถามเซียวหลิน “หมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง”
เซียวหลินถอนหายใจอย่างจนปัญญา “หมอหลวงบอกเพียงหกพยางค์ว่า น้ำมันตะเกียงหมดแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าเล็กน้อย “หมอหลวงกล่าวได้ไม่ผิด”
เหยียนฮูหยินเอาผ้าเช็ดหน้าแล้วหันหลังซับน้ำตาตนเอง เซียวหลินรู้สึกแขนขาอ่อนแรง แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเตียงท่านปู่
“เยี่ยนอวี่?” หันหมิงชั่นคุกเข่าลงตรงหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วยื่นมือไปจับมือของนาง พร้อมทั้งขอร้องอ้อนวอน “ไม่มีวิธีอะไรหน่อยเลยหรือ”
“ข้าจะลองดู” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไป ก็หันไปมองชุ่ยเวย “เอาเข็มเงินมา”
ชุ่ยเวยรีบปิดกระเป๋าใส่เข็มเงิน เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้บอกว่าจะเอาเข็มขนาดไหน ทำได้เพียงยื่นไปทั้งกระเป๋า
สายตาของเหยาเยี่ยนอวี่กวาดมองเข็มเงินแต่ละอัน ท้ายที่สุดก็เลือกเข็มที่ทั้งแบนทั้งสั้น แล้วใช้สำลีเช็ดให้สะอาด จากนั้นก็หาจุดป๋ายฮุ่ยบนศีรษะของผู้เฒ่า แล้วค่อยๆ ปักเข็มลงไป
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะฝังเข็มให้ใคร หลังจากฝังลงไป เหยาเยี่ยนอวี่ก็สัมผัสได้ถึงอาการที่ผู้ป่วยเป็น ทว่าครั้งนี้กลับสัมผัสไม่ได้ ครั้งนี้นางใช้กำลังภายในของตนส่งผ่านเข็มเข้าไปตามชี่และเส้นเลือดของผู้เฒ่าเซียว ทว่าความรู้สึกของเหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่ชัดเจน
ดังนั้นนางใช้นิ้วมือกดเข็มเบาๆ เพื่อให้เข็มแทงลงไปลึกกว่าเดิมครึ่งนิ้ว จากนั้นก็ใช้กำลังภายในของตนเองมากขึ้น ครั้งนี้นางไม่ขอให้ตนสัมผัสได้ถึงอาการผิดแปลกในร่างกายของผู้ป่วย กลับอยากจะใช้วิธีฝังเข็มเสริมสร้างชี่ภายในร่างกายของผู้ป่วย
ในสายตาของผู้อื่น นี่เป็นการฝังเข็มที่ไม่แปลกไปจากครั้งก่อนๆ ทว่าเว่ยจางกลับลอบกำมือของตนไว้แน่นๆ เพราะว่าเขาเห็นปลายจมูกและขมับของเหยาเยี่ยนอวี่มีเหงื่อผุดออกมา
นานมากแล้วที่ไม่เห็นนางรักษาผู้ป่วยเปลืองกำลังถึงปานนี้ เหมือนหลังจากที่นางผ่าตัดต่อเส้นเอ็นให้หันซังเกอในครั้งนั้น ก็ไม่เห็นสภาพเช่นนี้ของนางอีก หลังจากนั้น ทุกครั้งที่นางรักษาผู้ป่วยก็จะจ่ายยาสมุนไพร และฝังเข็มเป็นรอบๆ โดยไม่หักโหมร่างกายจนเกินไป จากนั้นจึงเห็นนางผ่อนคลายไปได้มาก
นี่ผ่านมาสองปีแล้ว เห็นนางเปลืองกำลังในการรักษาผู้ป่วยเช่นนี้ ภายในใจของเว่ยจางจะไม่รู้สึกกระวนกระวายได้อย่างไร
เซียวหลินและหันซังเกอก็รู้สึกกังวลใจเพราะหยาดเหงื่อเม็ดใหญ่บนใบหน้าซีดเซียวของเหยาเยี่ยนอวี่ หันหมิงชั่นอยากจะเข้าไปขัดขวาง ทว่ากลับถูกเซียวหลินรั้งไว้
พอเห็นท่าทางจดจ่อของนาง เซียวหลินกังวลว่าหากเข้าไปตอนนี้ จะเป็นการขัดจังหวะนาง ผลที่ตามมาอาจจะไม่คาดคิด
คนด้านข้าง ไม่ว่าจะเป็นเหยียนฮูหยิน ชุ่ยเวยหรือชุ่ยผิง ทุกคนล้วนเป็นห่วงเหยาเยี่ยนอวี่ ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่รู้ตัว