หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 396 ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ที่มิอาจปฏิเสธ (2)
ตอนที่ 396 ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ที่มิอาจปฏิเสธ (2)
“เจิ้นให้เจ้ามา แค่รู้สึกว่าเวลาหนึ่งปีเหมือนจะไม่พอ” จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสเช่นนี้ ทำให้เหยาเยี่ยนอวี่สะดุ้งตกใจ
เวลาหนึ่งปีเหมือนจะไม่พอ? อารมณ์ของเหยาเยี่ยนอวี่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงเข้าใจทันทีว่าฮ่องเต้หมายถึงราชครูเซียว เพียงแต่ว่าหนึ่งปีไม่พอ แล้วต้องนานเพียงใดถึงจะพอล่ะ เหยาเยี่ยนอวี่ไม่กล้าเอ่ยออกมา อย่างไรนางก็เป็นเพียงหมอ ไม่ได้เป็นยมบาล แท้จริงแล้วหนึ่งปีนี้ หากราชครูเซียวดูแลบำรุงร่างกายเป็นอย่างดี ก็ไม่มีทางสิ้นใจได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นั่นเป็นเรื่องที่จะเกิดหลังจากหนึ่งปีผ่านไปมิใช่หรือไร
“เหล่าองค์ชายของเจิ้นยังต้องการราชครูที่รับผิดชอบต่อหน้ามาให้ความรู้ เจิ้นตามหามานับหลายปี ก็ยังรู้สึกว่าผู้เฒ่าเซียวเหมาะสมที่สุด” ฮ่องเต้ชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ พร้อมตรัสด้วยเสียงต่ำ “อันที่จริง หนึ่งปีก็ไม่ใช่เวลาสั้นๆ เพียงแต่ว่าดูจากสภาพร่างกายของราชครู ตอนเมื่อครู่อยู่กับเจิ้นเพียงชั่วยามเดียว เขาดูไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก เกรงว่าเขาจะดำรงตำแหน่งไท่ปั๋วไม่ได้”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินเช่นนี้ หากยังไม่เข้าใจความหมายของฮ่องเต้ นางก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไป ดังนั้นนางเลิกชายเสื้อคลุมแล้วคุกเข่าลงอีกครั้ง “หม่อมฉันจะทำสุดความสามารถ เพื่อแบ่งเบาความกังวลพระทัยของฝ่าบาทเพคะ”
“เจิ้นอยากให้เจ้าดูแลสุขภาพร่างกายของผู้เฒ่าเซียว ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร แค่ให้เจิ้นมั่นใจว่าเขาจะอบรมบ่มเพาะเหล่าองค์ชายเป็นเวลาหนึ่งปี นี่ถึงจะเป็นผลงานชั้นยอดของเจ้า” ฮ่องเต้มองเหยาเยี่ยนอวี่คุกเข่าบนพื้นแล้วตรัสด้วยเสียงต่ำ
เรื่องเช่นนี้เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อาจปฏิเสธได้อยู่แล้ว ดังนั้นนางผงกหัวขานรับ “เพคะ หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งเพคะ”
ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์แล้วตรัสว่า “ดี เช่นนั้นเจ้าลุกขึ้นเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ขอบพระทัยอีกครั้ง จากนั้นค่อยๆ เหยียดกายลุกขึ้น
ฮ่องเต้ตรัสถามอีกครั้ง “ในจวนแม่ทัพฟู่กั๋วนั้นเหมาะสมหรือไม่”
เหยาเยี่ยนอวี่ทูลถามอย่างแคลงใจ “มิทราบว่าฝ่าบาทอยากจะให้หม่อมฉันกระทำสิ่งใด”
“สถานที่ร่ำเรียนตำราคือวังหลวง เจ้ากับผู้เฒ่าเซียวคงไม่สะดวกอยู่แล้ว ดังนั้นสถานที่ก็คงต้องเป็นจวนจิ้งไห่โหว มิเช่นนั้นก็ต้องเป็นจวนแม่ทัพฟู่กั๋ว หากเป็นจวนจิ้งไห้โหว…เจิ้นก็ยังรู้สึกไม่วางพระทัย”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกว่าจวนเป็นสถานที่พักผ่อนของนางกับเว่ยจางสองคน ไม่อยากจะเอาเรื่องพวกนี้เข้าไปในจวน ดังนั้นจึงทูลกลับ “ในจวนของหม่อมฉันมีสหายของสามีอาศัยอยู่สองสามคน คนเยอะย่อมมีคนมากความ เกรงว่าคงจะไม่สะดวกเพคะ หากฮ่องเต้ทรงวางพระทัย หม่อมฉันคิดว่าสำนักแพทย์ก็ไม่เลว ไม่ว่าจะกินอาหารหรือกินยาก็ถือว่าสะดวกเพคะ”
“ดี” ฮ่องเต้พยักหน้าด้วยความปิติยินดี “เรื่องนี้เจิ้นต้องมอบหมายให้เจ้าจัดการเสียแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันค้อมตัวลง “เพคะ หม่อมฉันต้องทำให้สุดกำลังและความสามารถเพคะ”
หลังจากออกจากวังหลวง เหยาเยี่ยนอวี่ก็สั่งให้เซินเจียงไม่ต้องขับรถม้ากลับสำนักแพทย์ ให้กลับจวนแม่ทัพโดยตรง
ตลอดทั้งทาง เหยาเยี่ยนอวี่สวมชุดคลุมขององค์หญิงสี่ไว้แล้วพิงอยู่ผนังรถม้า และกำลังขบคิดถึงคำพูดที่ฮ่องเต้ทรงตรัส สุดท้ายก็อดยิ้มอย่างขมขื่นพลางถอนหายใจมิได้ ดูท่าแล้วไม่ว่าตนเองจะยินยอมหรือไม่ สุดท้ายก็ต้องไปพัวพันกับศึกการแย่งชิงของเหล่าองค์ชายอยู่ดี
ช่างเถอะ ต่อให้ไม่อยากสนใจ เรื่องเหล่านี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ต่อให้ตนเองไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น หากใช้ตำแหน่งที่เว่ยจางมีในค่ายทหาร ตอนที่ฮ่องเต้สวรรคต ก็คงจะเกิดสถานการณ์วุ่นวายแน่นอน เมื่อเทียบกับการที่ตนกระวนกระวายใจในจวน สู้ให้ไปเผชิญกับเรื่องเหล่านี้โดยตรงจะดีกว่า
ตอนที่เว่ยจางกลับมา ฟ้าก็มืดแล้ว วันนี้เขาไปเลือกทหารกองกำลังนกอินทรีหกสิบนายให้ติดตามเฮ่อซีและจ้าวต้าเฟิงไปเมืองเฟิ่ง หลังจากนั้น เขาก็ไปเยือนค่ายทหารใหญ่ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของหมอทหารที่ยืมผลงานของฮูหยินตนเองเลื่อนตำแหน่งไปสามขั้น
พอกลับถึงจวน ฉังเหมาก็เล่าเรื่องที่ฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ฮูหยินเข้าวังหลวงเพื่อรับประทานสำรับเที่ยงกับฮ่องเต้ เว่ยจางได้ยินเช่นนี้จึงชะงักฝีเท้าลงด้วยความตะลึงงัน จากนั้นเอ่ยถามฉังเหมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกไหม รู้หรือไม่ว่าฮ่องเต้มีธุระอะไรกับฮูหยิน”
“ฮูหยินไม่ได้บอกขอรับ ทว่าบ่าวเห็นชุดคลุมขนสุนัขจิ้งจอกตัวใหม่ที่ฮูหยินสวมใส่กลับจวน ดูจากการเย็บปักแล้ว เหมือนเป็นของพระราชทานจากวังหลวงขอรับ” ฉังเหมาทำน้ำเสียงที่ภูมิใจในตัวเอง “ต้องเป็นของพระราชทานจากฝ่าบาทแน่นอน”
“ของพระราชทานจะได้มาง่ายเช่นนั้นเลยหรือ” เว่ยจางสบถหยาบฉังเหมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ แล้วมุ่งหน้าไปเรือนเยี่ยนอาน
ฉังเหมาสะดุ้งตกใจจนร่างสั่นเทา ทว่าไม่กล้ามากความ แล้วถอยออกไปด้านนอกอย่างเงียบๆ
เหยาเยี่ยนอวี่กินมื้อค่ำเสร็จแล้ว และกำลังพิงอยู่บนตั่งไม้พลางดื่มยาต้มหนึ่งถ้วยอยู่ นางปั้นหน้าบูดบึ้ง ดูจากท่าทางนั้นแล้ว คงกำลังคิดหาข้ออ้างไม่ดื่มยาอีกแล้ว
“คิดอะไรอยู่ เหม่อมองยาถ้วยนั้นไปไยกัน” เว่ยจางเดินเข้าประตูมา ก็เข้าไปเอาถ้วยยาในมือของนางมาเป่ายาต้มให้หายร้อน จากนั้นยื่นไปข้างปากของนาง “กำลังดี รีบดื่มเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด”
“จริงๆ ข้าไม่จำเป็นต้องดื่มนี่” เหยาเยี่ยนอวี่พยายามพูดกับเว่ยจางด้วยเหตุผล
“เจ้าเองรู้ทักษะการแพทย์ ไม่ดื่มยาตอนป่วยได้หรือ” เว่ยจางจ้องหน้านาง
“ข้าไม่ได้ป่วย วันนั้นข้าเพียงเหนื่อยหน่ายเท่านั้น และก็หายดีตั้งนานแล้ว อีกอย่าง ถ้าเป็นยา ย่อมมีพิษสามส่วน”
“นี่ไม่ใช่เป็นยาบำรุงร่างกายที่จางหย่วนลิ่งจ่ายให้เจ้าหรือ หรือว่าอาจารย์ของเจ้าจะลอบทำร้ายเจ้า?” เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจ แล้วกำลังจะพูดอะไรต่อ เว่ยจางก็เอ่ยถามอีกครั้ง “หรือว่าเจ้าอยากให้สามีป้อนเจ้าดื่ม อยากให้สามีร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเจ้า?”
“ไม่ต้อง” คำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขก็คือการป้อนยาด้วยการจุมพิต เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวก็พอ นางไม่ติดเป็นนิสัยอยู่แล้ว
นางรับถ้วยยาต้มไป แล้วกลั้นหายใจดื่มไปสองสามคำ จากนั้นยื่นถ้วยเปล่าให้เว่ยจาง เว่ยจางยื่นผลไม้อบแห้งหนึ่งแผ่นไปข้างปากของนางตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
ปั้นซย่าเอาเสื้อผ้าที่แม่ทัพเว่ยสวมใส่ในจวนให้เขา เว่ยจางลุกขึ้นถอดชุดเครื่องแบบทหารออก จากนั้นหยิบเสื้อผ้าพลางพูด “ข้าไปอาบน้ำเสียก่อน”
เหยาเยี่ยนอวี่ตกตะลึง แล้วเคี้ยวผลไม้อบแห้งพลางพร่ำบ่นด้วยความโมโห “เจ้าไม่ได้ล้างมือก็ป้อนอันนี้ให้ข้ากินหรือ!”
“อืม เจ้าเพิ่งจะสังเกตเห็นหรือ” แม่ทัพเว่ยปั้นหน้าเจ้าเล่ห์ และรู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก เขาสาวเท้าเดินไปเรือนอาบน้ำด้วยความฉับไว
เหยาเยี่ยนอวี่ถลึงตามองแผ่นหลังแข็งแรงของแม่ทัพเว่ยพลางกัดฟัน จากนั้นพึมพำพลางเดินไปตรงเตียงนอน
หลังจากเว่ยจางอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมา เห็นว่าตั่งไม้เตี้ยไม่มีใครอยู่ จึงหันไปมองบนเตียง กลับเห็นม่านปล่อยลงมาแล้ว เชิงเทียนบนหัวเตียงก็ไม่มีไฟจุดไว้ ฮูหยินของเขาที่นอนอยู่บนเตียงกลับหลับไปแล้ว ดังนั้น เขาจึงสั่งให้เหล่าสาวใช้ในเรือนออกไปจนหมดแล้วปิดประตูขึ้นเตียง จากนั้นเลิกผ้าห่มแล้วกำลังจะนอนลงไป กลับนิ่งงันไปทันที
นางกลับสวมชุดนอนผืนบางแบบนี้!
ไหล่และแขนอันขาวเนียนโผล่ออกมา ชุดนอนนี้ทำจากผ้าต่วนชั้นดี ทั้งยังมีกลีบดอกไม้ประดับอันประณีต กลีบเหล่านั้นไม่ใช่งานปัก ทว่ากลับเหมือนยิ่งนัก คล้ายว่าทำจากผ้าผืนบาง ทว่ากลับไม่รู้ว่าเป็นผ้าอะไร สีของผ้าเป็นสีชมพู่แกมม่วงอ่อน ทำให้เห็นถึงชุดนอนผ้าต่วนสีงาช้างชั้นใน
เว่ยจางที่เป็นแม่ทัพคนหนึ่งก็บอกไม่ถูกว่าเป็นเสื้อผ้าชนิดใด ทว่ากลับทำให้เลือดสูบฉีดอย่างแรง
แล้วเหลือบไปมองนาฬิกาจากชาติตะวันตก นี่ก็เพิ่งจะผ่านยามโหย่ว ถึงแม้ตามเวลาปกติแล้ว ตอนนี้อาจหลับเร็วไปหน่อย ทว่าเขาที่เป็นนายท่านของจวนแห่งนี้ จะหลับเร็วหน่อยก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไร
พอมองภรรยารูปโฉมงามและเนื้อหอมที่ตนเองสู่ขอมาด้วยเกี้ยวเจ้าสาวแปดคัน ก่อนหน้านี้ร่างกายของนางอ่อนแอ จึงปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ไม่ได้ ทว่านี่ก็พักฟื้นร่างกายมาหนึ่งเดือนแล้ว ตามคำพูดของจางหย่วนลิ่ง ก็ควรออกกำลังกายเสียหน่อย