หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 400 กลั่นแกล้งสหาย เปิดโปงคดีลับ (3)
ตอนที่ 400 กลั่นแกล้งสหาย เปิดโปงคดีลับ (3)
ไม่เอ่ยถึงงานสมรสก็ยังดี พอเอ่ยถึงถังเซียวอี้ก็มีน้ำโหทันที “เจ้าไปจัดการเองเลย! อย่างไรมีเงินมีที่ดินและมีภาพวาดโครงสร้างจวนแล้ว อย่ามาถามข้าอีกเลย!” กล่าวจบ รองแม่ทัพถังทำเสียงฮึดฮัดพลางลุกขึ้นจากไปทันที
ฉังเหมามองรองแม่ทัพถังที่องอาจผึ่งผาย จึงถอนหายใจอย่างจนปัญญา คุณชายรองไปมีน้ำโหมาจากไหนกัน! ฮูหยินปฏิบัติดีต่อเขาเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าควรดีใจหรือไร!
ถังเซียวอี้พุ่งเข้าไปในห้องอักษรของเว่ยจางอย่างว่องไวราวกับลม ด้านในมีหยวนไหว้หลาง[1]อยู่หนึ่งคน และจู่ซื่อสองคนนั่งอยู่ ไม่รู้ว่ากำลังปรึกษาหารืออะไรกับเว่ยจางอยู่ ถังเซียวอี้เข้าไป พวกเขาต่างหยุดพูดและหันไปมอง
“รองแม่ทัพถัง” จู่ซื่อที่มีตำแหน่งต่ำกว่าถังเซียวอี้ลุกขึ้นและเป็นฝ่ายน้อมคำนับก่อน
ถังเซียวอี้พยักหน้า แล้วเดินเข้าไปประสานมือคารวะเว่ยจาง “ท่านแม่ทัพ”
“มีเรื่องอะไร” เว่ยจางมองสีหน้าของถังเซียวอี้ก็รู้ว่าเจ้าหมอนี่กำลังเคร่งเครียดเพราะคำพูดสองสามคำของเหยาเยี่ยนอวี่ ดังนั้นจึงไม่มีสีหน้าที่ดีกับเขา “ทำท่าทางอย่างกระต่ายตื่นตูนอยู่นั่นแหละ ข้ากำลังยุ่งกับราชกิจอยู่ หากเจ้ามีเรื่องเร่งด่วนก็รีบพูด หากไม่มีก็รีบออกไปและปิดประตูเสีย”
“ขอรับ ข้าไม่มีอะไร เช่นนั้นขอตัวก่อน” ถังเซียวอี้ค้อมตัวลง แล้วหันหลังเดินจากไป
ขุนนางกรมกลาโหมทั้งสามท่านไม่ใช่คนในค่ายทหาร พวกเขาถือว่าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ปกติแค่ได้ยินว่าแม่ทัพใหญ่ฟู่กั๋วเป็นคนที่เข้มงวดกับทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างมาก และเป็นนายที่เก่งกาจไร้เทียมทาน ทว่ากลับได้ยินคนอื่นร่ำลือเท่านั้น
วันนี้ พอเห็นสีหน้าของรองแม่ทัพถังตอนอยู่ต่อหน้าแม่ทัพเว่ย ราวกับหนูกำลังหลบแมว ต่างอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ ทว่ากลับไม่กล้าพูดอะไร แค่เพียงรายงานกิจธุระทางการทหารเสร็จก็ลุกขึ้นกล่าวอำลาทันที แม่ทัพใหญ่ฟู่กั๋วเก่งกาจมากความสามารถดั่งที่คาด แม้แต่รองแม่ทัพขั้นที่ห้ายังถูกเขาสบถหยาบเช่นนี้! พวกเราควรระมัดระวังตัวหน่อยแล้ว
หลังจากเสร็จจากราชกิจ เว่ยจางออกจากห้องอักษร แล้วเห็นถังเซียวอี้กำลังซ้อมดาบอยู่ห้องโถงด้านข้าง ดาบยาวสามจื่อถูกเขาร่ายรำด้วยท่วงท่าที่ว่องไวยิ่งนัก ร่างที่สวมชุดสีขาวนวลจันทร์ปะปนกับเงาดาบจนแยกแยะด้วยตาเปล่าไม่ได้
เว่ยจางยืนกอดอกมองเขาร่ายดาบจนจบอยู่ตรงนั้นค่อยปรบมือเพื่อชื่นชมเขา
“พี่ใหญ่” ถังเซียวอี้ยกมือเก็บดาบเข้าฝัก ลูบไล้ทองแดงที่ประดับบนฝัก จากนั้นเดินมาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
“อืม” เว่ยจางหันหลังเดินออกไปที่ลานกว้าง บนนั่งลงบนเก้าอี้หวาย ถือโอกาสตากแดดฤดูหนาวพลางจิบชาร้อนๆ
“เหตุใดพี่สะใภ้ถึงทำเช่นนี้!” ถังเซียวอี้นั่งลงและเริ่มพร่ำบ่น ความขุ่นเคืองใจที่เก็บกดไว้เต็มท้องได้ระบายออกมาเสียที “ก่อนหน้านี้นางตกลงกับข้าแล้ว! ไม่ใช่สิ นางเป็นคนบอกข้าก่อน! ถึงตอนนี้กลับไม่สนใจอะไร! ท่านว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
เว่ยจางขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ้าหมอนี่บังอาจนัก กลับกล้าบ่นฮูหยินของข้าให้ข้าฟังกระนั้นหรือ
“พี่ใหญ่ ท่านพูดอะไรหน่อยสิ!” ถังเซียวอี้เหยียดกายลุกไปนั่งข้างเว่ยจาง พร้อมปั้นหน้าบูดบึ้ง “ตอนแรกพี่สะใภ้ถามข้าว่าโปรดปรานคุณหนูสามซูหรือไม่ ข้าบอกว่าฐานันดรศักดิ์ของข้าไม่สูงส่ง ทั้งยังมีตระกูลที่ต่ำต้อย เกรงว่าจะไม่คู่ควร พี่สะใภ้บอกว่าแค่ข้ายอม นางจะเป็นคนจัดการเอง!”
เว่ยจางยิ้มๆ “เรื่องนี้ข้าไม่รู้ เจ้าก็ไม่ต้องมาถามข้า”
“ข้าจะไม่ถามท่านได้อย่างไร!” ถังเซียวอี้แค่นเสียงเศร้าโศก “ข้าเห็นสายตาคู่นั้นของพี่สะใภ้ ดูจากแววตา ข้าก็…”
แม่ทัพเว่ยเลิกคิ้วคมเข้ม “ทำไม ใต้หล้ายังมีคนที่เจ้ากลัวด้วยหรือ”
“พี่ใหญ่!” ถังเซียวอี้ประสานมือคารวะให้เว่ยจาง “เรื่องนี้ท่านต้องช่วยข้า!”
“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้” เว่ยจางมองสหายหน้าโง่คนนี้ที่ถูกความรักบังตา จึงถอนหายใจด้วยเสียงเรียบ อันที่จริงเขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาด เหตุใดพอเจอสตรีที่หมายดองกลับโง่เขลาได้ถึงปานนี้!
“เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรดี ลักพาตัวเจ้าสาวไม่ได้หรือเปล่า” รองแม่ทัพถังถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วเอนกายพิงบนเก้าอี้พร้อมแหงนหน้ามองท้องฟ้า ท่าทางดูหมดหวังยิ่งนัก
“พอเถอะ! ไม่มีธุระใดก็อย่าหายใจทิ้งไปวันๆ ในจวนเลย! ไปค่ายทหารใหญ่กับข้า” เว่ยจางจิบชาในถ้วยจนหมดก็เหยียดกายลุกพลางตบไหล่รองแม่ทัพเว่ย
มีราชกิจต้องสะสาง ถังเซียวอี้ไม่กล้าชักช้าอยู่แล้ว จึงรีบลุกขึ้นเดินตามหลังไปทันที
ทางฝั่งสำนักแพทย์ หลังจากทุกอย่างสะสางเสร็จ เซียวหลินและหันหมิงชั่นก็ใช้รถม้าคันใหญ่ส่งผู้เฒ่าเซียวมา ขณะเดียวกันก็มีสาวใช้สี่คนและผัวจื่อสองคนติดตามมารับใช้ด้วย ฮ่องเต้ยังส่งทหารแปดนายมา เพื่อไม่ให้คนนอกมาสร้างเรื่องสร้างปัญหา บรรยากาศในตอนนี้ของสำนักแพทย์จึงครึกครื้นนัก
หลังจากสะสางเรื่องของผู้เฒ่าเซียวแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่จึงเอารายการอาหารที่นางเตรียมไว้ตั้งแต่แรกให้กับข้ารับใช้ของผู้เฒ่าเซียวพร้อมกำชับว่า “ต้องทำอาหารตามรายงานที่เขียนไว้ ห้ามกินอะไรเรื่อยเปื่อย และห้ามดื่มสุราเป็นอันขาด”
ตอนเซียวหลินและหันหมิงชั่นเดินออกจากประตูสำนักแพทย์ ก็เห็นด้านข้างมีรถม้าใหญ่สิบคันจอดไว้ ด้านในเต็มไปด้วยกระสอบ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “นี่มันอะไรกัน ยาสมุนไพรหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “นี่เป็นใบอิ๋นซิ่ง ข้าให้พวกเขาไปหามาตั้งนาน เพิ่งส่งมาตอนนี้”
หันหมิงชั่นเอ่ยถามอย่างฉงนสงสัย “เจ้าเอามาทำอะไรเยอะแยะ นี่ก็เป็นยาสมุนไพรชนิดหนึ่งหรือ”
“ใบอิ๋นซิ่งเป็นของดียิ่ง” เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มน้อยๆ “อาการป่วยของผู้เฒ่าเซียวต้องพึ่งพาใบอิ๋นซิ่งพวกนี้น่ะ”
“เรื่องจริงหรือ” เซียวหลินไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“สองสามวันมานี้ เจ้าเห็นข้ายุ่งกับอะไรอยู่เล่า” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างมั่นใจ หลายวันมานี้นางมัวแต่ตามหาใบอิ๋นซิ่ง แน่นอนเรื่องนี้ก็ขาดความช่วยเหลือจากจางเหล่าย่วนลิ่งไม่ได้ ผู้เฒ่าคนนี้เป็นยอดฝีมือปรุงยาพิษ ช่วงนี้ด้วยความที่มีอุปกรณ์ทดลองของเหยาเยี่ยนอวี่ การสกัดสารพิษออกจากพืชหรือสัตว์ต่างๆ ที่ซับซ้อนในก่อนหน้านี้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้เขาสกัดพิษออกมาได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ใบอิ๋นซิ่งมีทั้งรสหวาน ขมและฝาด หากมีพิษเล็กน้อยเข้าปอด ก็ใช้ใบนี้บำรุงชี่ปอด บรรเทาอาการเสมหะ โรคหอบหืด หยุดความขุ่นของปัสสาวะ ทำให้ประจำเดือนมาปกติและฆ่าแมลงได้ สารฟลาโวนอยส์ในใบอิ๋นซิ่งบำรุงสมองได้อย่างเป็นดี นอกจากยังลดความข้นของเลือดและปรับระบบไหลเวียนเลือด จึงมีสรรพคุณมากมายในการรักษาโรคชรา
อาการป่วยของผู้เฒ่าเซียวเป็นโรคทั่วของคนชรา ได้แก่ น้ำตาลและไขมันในเลือดสูง ทั้งยังความดันสูง โรคเส้นเลือดตีบ อาการเหล่านี้ ล้วนเป็นเพราะอายุมาก จึงทำให้อวัยวะภายในเสื่อมโทรมลง
การพึ่งพาการรมยาแบบไท่อี่ แน่นอนว่ารักษาชีวิตของเขาไว้หนึ่งปี ทว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเหยาเยี่ยนอวี่ไม่อำนวย ดังนั้นทำได้เพียงใช้ยาสมุนไพรในการรักษาแทน และการฉีดยาเข้าไปในเส้นเลือดดำจึงเป็นวิธีการรักษาที่รวดเร็วที่สุด
การฉีดยาเข้าไปในเส้นเลือดดำในยุคปัจจุบันต้องการหมอคอยดูแลตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางอยู่ในยุคโบราณ ขืนร่างกายผู้ป่วยทำปฏิกิริยากับยาโดยไม่ทันตั้งตัว อย่างไรก็ต้องป้องกันการเกิดเหตุการณ์แบบนี้หน่อยไหม และถ้าอยู่ในจวน ก็คงไม่มีใครช่วยผู้ป่วยได้
แน่นอน เรื่องพวกนี้เหยาเยี่ยนอวี่ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เซียวหลินและหันหมิงชั่นฟัง นี่เป็นความรู้ทางการแพทย์ หากจะอธิบายให้พวกเขาฟังก็ต้องเปลืองกำลังน่าดู ตอนนี้นางต้องรับผิดชอบสุขภาพร่างกายของผู้เฒ่าเซียวตามพระราชโองการของฮ่องเต้ เพื่อรักษาชีวิตตนเองไว้ นางต้องพยายามสุดความสามารถ
ตอนหันหมิงชั่นขึ้นรถม้าก็เอ่ยถามว่า “เรื่องของเหิงเอ๋อร์ไปถึงไหนแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “ดูความจำของข้าสิ เมื่อครู่ยังคิดว่าจะคุยกับพี่หันอยู่เลย เฟิงฮูหยินผู้เฒ่าส่งสาส์นมาบอกว่ามะรืนให้ไปพบปะกับเหลียงฮูหยิน ข้าไม่มีเวลา พี่หันคงต้องจัดการเรื่องนี้ตามลำพังแล้วละ”
[1] หยวนไหว้หลาง คือรองอธิบดีกรม