หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 403 เฟิ่งเกอแกว่งมือ อวี้เหิงประสบภัย (1)
ตอนที่ 403 เฟิ่งเกอแกว่งมือ อวี้เหิงประสบภัย (1)
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลใจไป ข้าจะไปและกลับอย่างเงียบๆ ท่านแค่บอกว่าข้าไปปฏิบัติธรรมที่วัดก็พอแล้ว”
เหลียงฮูหยินพูดอย่างกังวลใจ “แต่เมื่อครู่เจ้าเพิ่งจะบอกว่าจะไปเยี่ยมเยียนสุสานขององค์หญิงต้าจั่งนี่”
“ข้าเพียงต้องการลองเชิงฮูหยินใหญ่เท่านั้น หากนางไม่มีพิรุธ แน่นอนว่าต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ถ้าหากนางมีความชั่วซ่อนเร้นไว้ในใจจริงๆ เกรงว่าวันนี้คงจะกลับไปวางแผนแล้ว ท่านแม่เพียงแค่สั่งให้คนไปบอกให้บ่าวที่เฝ้าเวรด้านนอกคอยจับตามองว่าฮูหยินใหญ่ว่าจะส่งคนออกจากจวนหรือไม่ก็พอแล้ว”
“เจ้า!” เหลียงฮูหยินเพียงรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง แรงราวกับว่าจะหลุดออกมา “ที่แท้เจ้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว! ยัยเด็กคนนี้ เรื่องใหญ่เช่นนี้ เหตุใดถึงไม่บอกข้า! ไม่ได้ ข้าต้องไปปรึกษาหารือบิดาของเจ้าเดี๋ยวนี้!” เหลียงฮูหยินพูดไปก็หันหลังเดินจากไป
“ท่านแม่!” ซูอวี้เหิงพลันรั้งเหลียงฮูหยินไว้ แล้วคุกเข่าลงต่อหน้านางทันที “ท่านแม่อย่าเพิ่งไปเลย ทีแรกท่านพ่อก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เห็นหน้าท่านย่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หากจู่ๆ ท่านแม่พูดออกมาเช่นนี้ไป ไม่กลัวท่านพ่อจะไปหาเรื่องฮูหยินใหญ่หรือไร”
“เจ้าเด็กคนนี้…” เหลียงฮูหยินลูบศีรษะของซูอวี้เหิง พร้อมทั้งเปรยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “เจ้าเด็กคนนี้…ทำเช่นนี้มันเสี่ยงอันตรายเกินไปหรือเปล่า!”
“ท่านแม่แค่เพียงทำเป็นไม่รู้ความก็พอแล้ว เรื่องนี้ต่อให้อนาคตจะเกิดผลอะไรขึ้น ข้าคงไม่สนใจ เพียงข้าได้ทำตัววุ่นวายก็พอแล้ว” ซูอวี้เหิงพูดไป น้ำตาก็ไหลรินลงมา “หากเป็นเช่นนั้นจริง…กลับไม่รู้ว่าจะแก้แค้น…แก้แค้น…แทนท่านย่า…”
ตอนนี้ เหลียงฮูหยินรู้สึกเจ็บปวดหัวใจจนเหน็บชา ทั้งเรือนร่างสั่นงันงก ยืนนิ่งไม่อยู่
ถึงแม้นางเกิดในตระกูลชั้นสูงและติดตามซูกวงหลิงอยู่ในเขตตอนใต้อยู่หลายปีมานี้ ก็ถือว่าเป็นฮูหยินผู้ครองเรือนใหญ่ ต่อให้เขตตอนใต้เป็นถึงสวรรค์สูงห่างไกลจากฮ่องเต้ ประเพณี วัฒนธรรมและวิถีชีวิตแตกต่างกับต้าอวิ๋นมากราวกับฟ้าและดิน เรื่องที่สังหารบิดาสังหารเจ้าแผ่นดิน นางเคยได้ยินในละครเพลงเท่านั้น
ซูอวี้เหิงเติบโตตรงหน้าองค์หญิงต้าจั่งตั้งแต่เด็ก จึงไม่ได้สนิทสนมกับมารดาเลี้ยง ด้วยเหตุที่เห็นนางใส่ใจในงานสมรสตนเองเป็นพิเศษ จึงได้รู้สึกว่านางพึ่งพาได้ อีกอย่างซูอวี้เหิงก็ดำเนินเรื่องนี้ตามลำพังไม่ได้ ดังนั้นถึงได้พูดตามตรงไป นึกไม่ถึงว่ามารดาเลี้ยงคนนี้กลับขวัญเสียเช่นนี้
ซูอวี้เหิงทำได้เพียงปลอบใจนางแล้วยังสั่งให้จั๋วอวี้รินน้ำชาร้อนๆ มาให้นางดื่มไปครึ่งถ้วย นี่ถึงจะทำให้นางค่อยๆ รู้สึกดีขึ้น
ซูอวี้เหิงก็เกลี้ยกล่อมเหลียงฮูหยินว่าไม่ต้องกังวลใจไป เหลียงฮูหยินจึงกำชับซูอวี้เหิงให้นางระมัดระวังตัว จากนั้นถึงจะจากไป
กลับเอ่ยถึงลู่ฮูหยินและสะใภ้อีกสี่คนออกจากเรือนของฮูหยินรองแล้ว เหยาเฟิ่งเกอไม่อยากมากความแม้แต่คำเดียว จึงกล่าวอำลาเฟิงฮูหยินน้อยแล้วกลับเรือนตนเองทันที
กระดูกก้นกบของซูอวี้เสียงได้รับการพักฟื้นมานานเช่นนี้ อาการก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ทว่าร่างกายของเขากลับไม่เหมือนก่อนหน้านี้ ทุกวันนี้ ตอนจะเดินออกไปข้างนอกก็ต้องพึ่งพาไม้เท้า รอบตัวยังต้องมีข้ารับใช้อย่างน้อยสองสามคนคอยดูแล ดังนั้น ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน แค่อุดอู้อยู่ในจวนกับเหล่าเมียบ่าว
เหยาเฟิ่งเกอเดินเข้าประตูก็เห็นซูอวี้เสียงพิงอยู่บนตั่งไม้ ด้านข้างมีหลิงจือกำลังนวดหลังและสาวใช้อีกคนกำลังนวดเท้าให้เขา ส่วนอีกคนกำลังป้อนของว่างอยู่ ตอนนี้คุณชายสามซูเอ้อระเหยลอยชายด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องยิ่งนัก ภายในใจของนางค่อนข้างโกรธเคือง จึงไม่พูดไม่จาแล้วเข้าไปในห้องนอนทันที
ซูอวี้เสียงทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูสิ คนยุ่งมากในเรือนของพวกเรากลับมาแล้ว!”
เหยาเฟิ่งเกอเดินไปถึงตรงหน้าประตู มือข้างหนึ่งเลิกม่านลูกปัดไว้ พอได้ยินเช่นนี้นางก็หันกลับไปแล้วยิ้มเย้ยหยัน “แหม ที่แท้ท่านพี่อยู่เรือนนี่เอง วันนี้อากาศดีเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ออกไปเที่ยวเล่นเล่า”
เหตุเพราะช่วงก่อนซูอวี้เสียงรู้สึกโดดเดี่ยว ต่อให้กระดูกของเขายังไม่หายดี ก็ลอบออกไปดื่มสุรากับเหล่าสหายไม่เอาถ่านของเขา กลับมากลับนอนลุกไม่ขึ้น แล้วยังถูกลู่ฮูหยินว่ากล่าวตำหนิหนึ่งยก เวลานี้เหยาเฟิ่งเกอก็เอ่ยถามเขาว่าเหตุใดถึงไม่ออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก นี่กำลังแซะเขาชัดๆ
ซูอวี้เสียงถีบสาวใช้ที่กำลังนวดเท้าแล้วอยากจะผุดลุกขึ้น ทว่าเอวของเขากลับไม่มีแรง ทำได้เพียงพยุงโต๊ะด้านข้างอย่างโมโหพร้อมกับสบถหยาบ “ไอ้สุนัขรับใช้ไม่ได้เรื่อง ไสหัวออกไป!”
เหยาเฟิ่งเกอยิ้มเย้ยหยัน พลางมองซูอวี้เสียงที่กำลังอารมณ์เสีย จากนั้นสั่งการซานหู “ไปเก็บข้าวของของข้ากับเย่ว์เอ๋อร์ ข้าจะไปอยู่บ้านสวนสักระยะ”
“คุณหนูเจ้าคะ?” ซานหูขานเรียกด้วยเสียงทุ้มต่ำแล้วขมวดคิ้วมองซูอวี้เสียง เวลานี้หากยังไปพักอาศัยที่บ้านสวน อากาศเหน็บหนาวนั้นไม่ใช่ประเด็น แต่ท่านโหวและฮูหยินจะคิดอย่างไร
“ทำไมหรือ คนอื่นไล่พวกเราให้ไปไกล พวกเราจะไม่รีบไสหัวไปให้พ้นได้อย่างไร” เหยาเฟิ่งเกอกล่าวจบก็แกว่งมือปล่อยม่านลูกปัดลง
ซูอวี้เสียงจึงสบถหยาบยกใหญ่ “ไสหัวไป! ขาของเขายังเดินได้ ก็รีบไสหัวไปให้พ้น! ไปยิ่งไกลยิ่งดี ทุกคนไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีก! และอย่ามาขวางหูขวางตาข้าอีก ขืนวันใดข้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมา จะเฆี่ยนพวกเจ้าจนขาหัก! ดูว่าใครจะกล้ามีปากเสียงกับข้าอีก!”
หลิงจือที่อยู่ด้านข้างจึงเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงแผ่วเบา “นายท่านพูดน้อยๆ หน่อยเถอะ ฮูหยินก็กำลังโมโห ถึงได้พูดจาประชดประชัน”
ซูอวี้เสียงใช้เท้าถีบหลิงจือล้มลงบนพื้นแล้วสบถหยาบอย่างโมโห “นังผู้หญิงชั้นต่ำ อย่าแสแสร้งเป็นคนดีต่อหน้าข้า! เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ความคิดในใจของเจ้าหรือไร เจ้าเห็นว่าข้าพิการ เลยไร้ประโยชน์ต่อเจ้าแล้วใช่หรือไม่ เจ้าคิดจะจับบุรุษมั่งมีและหวังพึ่งอำนาจพวกเขาอย่างนั้นสิ”
“ข้าบอกเจ้า ฝันไปเถอะ! ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าไม่มีทางหลุดออกจากกำมือของข้าหรอก! ชีวิตนี้ข้าลงจากเตียงไม่ได้ พวกเจ้าต้องรับใช้ข้าตลอดชีวิต! ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะลากพวกเจ้าตายไปพร้อมข้า!” ตอนนี้ซูอวี้เสียงดุจดั่งสุนัขบ้า กัดและเห่าคนไปทั่ว
เหยาเฟิ่งเกอที่อยู่ด้านในได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงเหลืออดเหลือทนจริงๆ จากนั้นสั่งให้ซานหูรีบเก็บของ แล้วสั่งให้คนเตรียมรถม้า
ซานหูจะเกลี้ยกล่อมนางก็ไม่ใช่ ไม่เกลี้ยกล่อมก็ไม่ใช่ ทำได้เพียงถอนหายใจแล้วเก็บข้าวของที่เหยาเฟิ่งเกอใช้เข้าไปในห่อผ้ากับเจินจู พร้อมบอกให้แม่นมเก็บข้าวของซูจิ่นเย่ว์เพื่อเตรียมตัวไปบ้านสวน
เรื่องที่เรือนฉีเสียงเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทขึ้น ถูกเหล่าข้ารับใช้รายงานให้เรือนต่างๆ รับรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
เฟิงซิ่วอวิ๋นได้ยินผัวจื่อมารายงานเสร็จ จึงผายมือสั่งให้ออกจากเรือน ถึงจะเปรยกับเฟิงฮูหยินน้อย “คุณชายสามหายเป็นปกติไม่ได้จริงๆ หรือ”
เฟิงฮูหยินน้อยขมวดคิ้วแค่นเสียง “จะไม่หายได้อย่างไร แค่กระดูกเท่านั้น แผลของท่านซื่อจื่อหนักหนาสาหัสกว่านี้ยังหายได้เลย แผลของเจ้าสามเล็กนิดเดียว เป็นเขาเองที่ไม่ได้พักฟื้นดีๆ อาการเพิ่งจะดีขึ้นก็ลงจากเตียงมากระโดดโลดเต้นแล้ว แผลเก่าเลยกำเริบอย่างไร”
เฟิงซิ่วอวิ๋นถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “แต่ว่าพวกเขาปล่อยไว้เช่นนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีหรือเปล่า เหตุใดถึงไม่เชิญหมอหลวงเหยามาดูอาการหน่อยเล่า นางเป็นถึงญาติที่สนิทกันมากเช่นนี้ แผลของคุณชายสาม นางไม่ควรมารักษาหน่อยหรือ”
เฟิงฮูหยินน้อยแย้มยิ้มเย็นชา “ได้ข่าวว่าคุณชายสามไม่ให้นางรักษานี่”
“นี่มันช่างน่าแปลกยิ่งนัก” เฟิงซิ่วอวิ๋นยิ้มจางๆ “เหตุใดคุณชายสามถึงจะกีดกันน้องสาวภรรยาตนเองเช่นนี้ ไร้เหตุผลยิ่งนัก”