หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 404 เฟิ่งเกอแกว่งมือ อวี้เหิงประสบภัย (2)
ตอนที่ 404 เฟิ่งเกอแกว่งมือ อวี้เหิงประสบภัย (2)
“นี่เป็นเรื่องของเขา พวกเราจะไปรู้ได้อย่างไร” เฟิงฮูหยินน้อยส่ายหน้า ไม่อยากมากความอะไร
“เฮ้อ…ใช่แล้ว” เฟิงซิ่วอวิ๋นเหมือนนึกอะไรออก พูดว่า “ได้ข่าวว่ามีหมอทหารคนหนึ่งที่มีแซ่ว่าหลิวเชี่ยวชาญในการรักษาแผลภายนอก ศึกสงครามในเขตชายแดนเหนือในครั้งนี้ ได้ข่าวว่าเขาคิดค้นยารักษาแผลภายนอกออกได้ดียิ่งนัก จึงได้รับการให้ความสำคัญจากฝ่าบาท แล้วยังเลื่อนตำแหน่งไปสามขั้น เหตุใดพี่สาวถึงไม่บอกเรื่องนี้กับฮูหยิน หากเชิญใต้เท้าหลิวท่านนี้มารักษาแผลของคุณชายสาม ก็จะไม่เกิดการทะเลาะวิวาทเช่นนี้อีกมิใช่หรือ”
เฟิงฮูหยินน้อยพูดยิ้มๆ “ความคิดนี้ไม่เลว ไม่ว่ายาของหมอทหารหลิวคนนั้นจะดีหรือไม่ก็ควรลองดู จะได้ทำให้เจ้าสามใจเย็นลง วิธีนี้ของเจ้าดีมาก ตอนกินมื้อค่ำ ข้าจะไปเรือนของท่านแม่ แล้วบอกเรื่องนี้กับท่านแม่”
เฟิงซิ่วอวิ๋นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ตอนมื้อค่ำ เฟิงฮูหยินน้อยพาเฟิงซิ่วอวิ๋นไปปรนนิบัติลู่ฮูหยินในเรือนของนาง แล้วก็ได้ข่าวว่าเหยาเฟิ่งเกอเก็บข้าวของพาบุตรีไปจวนเหยาแล้ว ลู่ฮูหยินกำลังอารมณ์เสียเพราะเรื่องนี้ เฟิงฮูหยินจึงบอกวิธีที่เฟิงซิ่วอวิ๋นแนะนำให้ลู่ฮูหยินฟัง พอนางได้ยินจึงเปรยอย่างต่อเนื่อง “พรุ่งนี้ให้เจ้ารองไปค่ายทหารทางฝั่งเหนือ แล้วไปเชิญหมอทหารหลิวท่านนี้มา หากรักษารักษาแผลของเจ้าสามให้หายได้ ข้าจะตบรางวัลเขาเป็นอย่างงาม!”
ซุนฮูหยินน้อยจึงรับคำ “ตอนค่ำหากคุณชายรองกลับมา สะใภ้จะบอกเขาเองเจ้าค่ะ”
ลู่ฮูหยินมีเรื่องบางอย่างในใจ จึงผายมือให้เหล่าสะใภ้แยกย้ายกลับเรือนตนเอง
เฟิงฮูหยินน้อย ซุนฮูหยินน้อย และเฟิงซิ่วอวิ๋นรู้ว่าช่วงนี้ลู่ฮูหยินไม่ชอบให้คนมากมายมายุ่งกับนาง และก็ไม่ได้มีอารมณ์ขันเหมือนที่ผ่านมา จึงลุกขึ้นพลางกล่าวอำลาและกลับเรือนของตนเอง
หลังจากรอให้ทุกคนจากไป ลู่ฮูหยินลุกขึ้นเดินเข้าไปในเรือนสงบ ตอนเข้าไปก็สั่งเหลียนหมัวมัว “ธูปไม้จันทน์ขาวของข้าหมดแล้ว เจ้าสั่งให้เหลียนรุ่ยเข้ามาที”
เหลียนหมัวมัวรีบขานรับแล้วออกไปหาบุตรชายตนเองนามว่าเหลียนรุ่ย ไม่ถึงหนึ่งเค่อ เหลียนรุ่ยก็ขอเข้าพบ ลู่ฮูหยินกำลังจุดธูปถวายพระโพธิสัตว์กวนอิม จึงได้เจอเขาที่ห้องโถงเล็กทางฝั่งตะวันตก
ครั้งนี้เหลียนรุ่ยเข้ามาในจวน ก็มีคนไปรายงานเหลียงฮูหยินที่เรือนของครอบครัวนายท่านรอง เหลียงฮูหยินทำตามคำพูดของซูอวี้เหิง จึงสั่งให้ผัวจื่อคนสนิทคนหนึ่งของตนไปเฝ้าอยู่ตรงประตูสอง อ้างว่าไปส่งมันเทศเผาให้กับพวกเสี่ยวซือที่เฝ้าประตู แต่ในความเป็นจริง นางจะดูว่าคืนนี้มีคนนอกเข้ามาในจวนหรือไม่
ดั่งที่คาด วันนี้บุตรชายของเหลียนหมัวมัวเหลียนรุ่ยที่คอยดูแลร้านขายเครื่องหอมของลู่ฮูหยินมาเยือน ต่อให้ลู่ฮูหยินจะรีบใช้ธูปไม้จันทน์ขาว ก็ไม่ต้องสั่งให้คนมาตอนกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้หรือเปล่า
ตอนนี้เหลียงฮูหยินตื่นจากอาการขวัญเสียจนได้สติ เรื่องนี้ส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบได้ หากจัดการได้ไม่ดี ก็คงทำให้ทั้งตระกูลซูถูกสังหาร แต่ถ้าจัดการได้ดี ลู่ฮูหยินคงถูกสังหารเพียงคนเดียว อีกอย่างเรื่องมาถึงขั้นนี้ นางไม่มีทางถอยแล้ว ต่อให้ซูอวี้เหิงไม่ไปสืบหาความจริง ใครก็คงรับประกันไม่ได้ว่าข้ารับใช้คนสนิทขององค์หญิงต้าจั่งจะไม่เปิดโปงเรื่องพวกนี้ตลอดไป
ตอนนี้ภายในใจของเหลียงฮูหยินรู้สึกเกลียดชังยิ่งนัก หากองค์หญิงต้าจั่งยังทรงพระชนม์อยู่ ก็คงเป็นร่มกันแดดกันฝนขนาดใหญ่ เป็นร่มเงาให้บุตรหลานตระกูลซูได้ดีเพียงใด โดยเฉพาะครอบครัวบุตรคนรอง คงไม่ต้องมานั่งรอความตายไปวันๆ เช่นนี้ บุตรีของครอบครัวบุตรคนโตมีคู่ครองที่ดีแล้ว บุตรชายของตนยังไม่ได้เข้าพิธีสวมกวาน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงจะสู่ขอสะใภ้ดีๆ มิได้แล้ว ตระกูลที่อยู่ในเขตเมืองหลวง มีตระกูลใดบ้างที่ไม่อยากมั่งมีและหวังพึ่งอำนาจอีกฝ่าย
ลู่ฮูหยินได้ยินผัวจื่อเข้ามารายงาน จึงแอบส่งคนของตนเองที่มาจากเขตตอนใต้พาคนที่น่าไว้วางใจไปคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของเหลียนรุ่ย
ตอนเหลียนรุ่ยออกจากเรือนของลู่ฮูหยินก็ไม่มีอะไรผิดปกติไป เขากลับบ้านของตนเหมือนที่ผ่านมา เช้าวันรุ่งขึ้นก็ยังคงไปเปิดร้าน หลังจากสั่งงานบางอย่างเสร็จ ก็บอกจั่งกุ้ยที่ดูแลร้านว่าตนมีธุระจะออกเดินทางไกลไปหลายวัน เรื่องในร้านต้องให้เขาคอยดูแลแล้ว
ร้านเครื่องหอมนี้เป็นสินเดิมเจ้าสาวของลู่ฮูหยินในตอนนั้น จึงถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของนาง หลายปีก่อนเครื่องหอมที่ใช้ในวังหลวงก็มีบางส่วนที่ซื้อจากร้านนี้ ทว่าช่วงนี้การค้าขายยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่ลง ตอนนี้แค่ประคับประคองไว้ได้เท่านั้น
เหลียนรุ่ยมอบหมายงานในร้านเสร็จก็ไม่ได้รีบออกจากเมืองหลวง ทว่ากลับไปโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ซ้ำยังเหมาห้องส่วนตัว บ่าวสองคนนี้ที่เหลียงฮูหยินสั่งให้คอยจับตามองเหลียนรุ่ยก็เข้าไปในโรงน้ำชา แล้วนั่งจิบชาอยู่ตรงข้ามห้องเหมาส่วนตัวนั้นเพื่อรอให้เหลียนรุ่ยออกมา ในระหว่างนี้ โรงน้ำชามีคนเข้าออกมากมาย ต่อให้ไม่ถึงร้อยก็คงหลายสิบคน หนึ่งในนั้นคือบุรุษที่แต่งกายจอมยุทธ์เจียงหู ทว่าคนของเหลียงฮูหยินกลับไม่ได้สนใจพวกเขา
เวลาของการกินอาหารหนึ่งมื้อผ่านไป เหลียนรุ่ยออกจากโรงน้ำชาด้วยทีท่าใจเย็นแล้วจูงม้าออกนอกเมือง ทั้งสองจึงแยกย้ายกัน หนึ่งคนลอบติดตามไป ส่วนอีกคนก็กลับไปรายงานเรื่องนี้ที่จวน
เพียงแต่ว่าพอถึงตอนค่ำ คนที่แอบตามเหลียนรุ่ยไปก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรกลับมา ส่วนคนที่กลับไปส่งสารที่จวนก็พยายามใช้ช่องทางติดต่อที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ ทว่ากลับหาสหายไม่เจอ เขาเลยรออีกหนึ่งคืน ก็ไม่เห็นว่าคนคนนั้นจะส่งสารกลับมา เหลียงฮูหยินเลยรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา
นี่ก็รอมาสองวัน ซูอวี้เหิงอดทนรอไม่ไหวอีกต่อไป จึงพาจั๋วอวี้ แม่นม และคนอื่นๆ นั่งรถม้าออกเมือง
เหลียงฮูหยินเกลี้ยกล่อมนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าประมาท ทว่าซูอวี้เหิงตัดสินใจไปแล้ว เหลียงฮูหยินทำได้เพียงเลือกทหารน่าเชื่อถือที่พามาจากเขตตอนใต้ยี่สิบนายไปส่งนาง
ซูอวี้เหิงเองก็กลัวว่าจะถูกคนอื่นลอบทำร้าย จึงสั่งให้คนส่งจดหมายไปให้เหยาเยี่ยนอวี่ว่าตนเองจะไปสุสานองค์หญิงต้าจั่ง หากภายในสองวันนางไม่กลับมา ก็ขอให้พี่เหยาส่งคนมาตามหานาง นางไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับหันหมิงชั่น เหตุเพราะนี่เป็นเพียงสิ่งที่นางคาดเดา จึงไม่อยากให้คนรู้มากมาย ดังนั้นทำได้เพียงบอกเหยาเยี่ยนอวี่แต่ผู้เดียว
ตอนนั้นเหยาเยี่ยนอวี่อยู่ในสำนักแพทย์ จึงรีบเขียนจดหมายซองหนึ่งให้เก๋อไห่ เพื่อให้เขาเอาจดหมายให้ถังเซียวอี้
เก๋อไห่ฉงนสงสัย แล้วยังหยอกล้อเหยาเยี่ยนอวี่ “ฮูหยินไม่กลัวว่าแม่ทัพรู้แล้ว จะให้พี่รองเป็นเป้าธนูที่คอยให้กองกำลังนกอินทรีซ้อมธนูหรือ” เก๋อไห่ที่เรียกถังเซียวอี้ว่าพี่รองเสมอมา ถึงแม้ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เก๋อไห่จะอายุเยอะกว่าถังเซียวอี้สามสี่ปีก็ตาม
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขครึ่งชีวิตที่เหลือของเซียวอี้ ดังนั้นอย่ามากความ เร็วเข้า ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้ “เก๋อไห่พลันหุบยิ้ม แล้วออกไปทันที
กลับเอ่ยถึงซูอวี้เหิงที่ออกเดินทางในวันนี้ ลู่ฮูหยินสั่งให้คนไปเชิญหมอทหารหลิวซั่งซิวมารักษาอาการให้ซูอวี้เสียงดั่งที่คาด
หมอทหารหลิวมั่นใจในยารักษาแผลภายนอกของเหยาเยี่ยนอวี่ที่เขาแอบขโมยผลงานมาในก่อนหน้านี้ เขาก็ถือว่าใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่เหมือนกัน ต่อให้จะถูกค่ายทหารทางฝั่งเหนือบีบคั้น ทว่าก็ยังคงทนรับกับแรงกดดันและไม่รู้จักถอย อีกอย่างยังถือโอกาสพลิกอ่านตำราแพทย์ หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนสูตรยาให้ดีขึ้น ซ้ำยังเพิ่มยาสมุนไพรอีกหลายชนิด จากนั้นก็ทำเป็นยาเม็ด
อีกอย่างสูตรยาที่เขาปรับปรุงเรียกว่ายาสูตรลับประจำตระกูลหลิว ทั้งยังแอบปรุงยาเม็ดชนิดนี้เป็นจำนวนมาก แล้วส่งไปจำหน่ายในร้านยาต่างๆ
ชาวบ้านที่ได้ข่าวว่ายาสมุนไพรสูตรนี้เป็นสูตรที่หมอทหารหลิวสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ หมอทหารท่านนี้ยังได้รับบำเหน็จอย่างงามเพราะสูตรยานี้ตอนอยู่ในเขตชายแดนตอนเหนือ ทุกคนจึงเชื่อสนิทใจอย่างไร้ข้อสงสัยใดๆ
มียาชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของเหมาตงชิง ป่านหลานเกิน และเหยี่ยนหูสั่ว ซึ่งที่มีชื่อยาว่า ‘ยาเม็ดสลายเลือดคั่งและช่วยให้เลือดหมุนเวียน’ ก็ถือว่าขายดี เพียงเวลาสั้นๆ สองเดือนก็ทำให้หมอหลวงหลิวทำเงินได้ไม่น้อย
ครั้งนี้หมอหลวงหลิวรู้สึกโชคดีที่ฮูหยินใหญ่แห่งจวนติ้งโหวเชิญมารักษาอาการของคุณชายสาม แน่นอนว่าพกยาเม็ดที่เขารู้สึกภาคภูมิใจมาด้วยอยู่แล้ว