หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 406 เฟิ่งเกอแกว่งมือ อวี้เหิงประสบภัย (4)
ตอนที่ 406 เฟิ่งเกอแกว่งมือ อวี้เหิงประสบภัย (4)
อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องพูด ซูอวี้เหิงแค่ดูจากสภาพของจือเซียวก็เข้าใจแล้ว
ที่ผ่านมา คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายองค์หญิงต้าจั่งใช้ชีวิตอะไรกัน อาหารการกินและที่พักอาศัยของอันหมัวมัวไม่ได้แย่ไปกว่าลู่ฮูหยินเลย ตอนนี้กลับถูกส่งมาอยู่ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังถูกคนอื่นทุกข์ทรมาน มีชีวิตรอดได้ปีกว่าก็ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์แล้ว
ซูอวี้เหิงเกลียดตัวเอง เหตุใดตอนนั้นตนถึงมัวแต่โศกเศร้าเสียใจแล้วนึกไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะเผชิญกับความยากลำบากเช่นนี้ ตอนนี้คนที่เสียไปก็เสียไปแล้ว เหลือเพียงสาวใช้คนนี้ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและน่าสงสาร!
ซูอวี้เหิงกุมมือจือเซียงแล้วร้องไห้ไม่หยุด ขณะเดียวกันก็นึกถึงภาพความจำตอนที่องค์หญิงต้าจั่งจากไป
จือเซียงอดถอนหายใจไม่ได้ “ตอนนั้นหมอหลวงบอกว่า อย่างไรองค์หญิงต้าจั่งก็มีชีวิตรอดอีกสิบกว่าวัน บ่าวยังอุตส่าห์ทำข้าวต้มนมโคสดที่องค์หญิงต้าจั่งโปรดปรานโดยเฉพาะ เพียงแต่น่าเสียดายที่ข้าวต้มหม้อนั้นยังต้มไม่เสร็จ องค์หญิงต้าจั่งก็ทรงสวรรคตแล้ว!”
ซูอวี้เหิงได้ยินคำพูดนี้ จึงเอ่ยถาม “เจ้าหมายความว่า ตอนนั้นองค์หญิงต้าจั่งยังบอกว่าอยากกินข้าวต้มหรือ”
“เจ้าค่ะ ดังนั้นบ่าวเลยไปทำที่โรงครัวเจ้าค่ะ” จือเซียงพยักหน้า
“ตอนนั้นมีใครอยู่บ้าง”
“มีท่านโหวและเหล่าคุณชายต่างก็อยู่เจ้าค่ะ แล้วยังมีอันหมัวมัวอยู่ด้วย”
ซูอวี้เหิงถอนหายใจเบาๆ “คนมากมายเช่นนั้น…ทว่าตอนองค์หญิงต้าจั่งสิ้นใจ ตรงหน้ากลับมีเพียงฮูหยินใหญ่”
ตอนที่พวกนางกำลังพูดคุยกัน ด้านนอกก็มีคนมารายงาน “บ่าวฮั่วเอ้อร์น้อมคำนับคุณหนู ก่อนพ่อบ้านเฉาจะจากไปก็ได้มอบหมายงานที่นี่ให้บ่าว บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูจะมาเยือน จึงไม่ได้เตรียมอะไรไว้ ทำให้คุณหนูลำบากแล้ว บ่าวสมควรตายจริงๆ ที่นี่อากาศเหน็บหนาว คุณหนูได้โปรดไปจิบชาที่เรือนหลักก่อนเถอะ”
ซูอวี้เหิงไม่อยากมากความอะไรกับฮั่วเอ้อร์ ทำได้เพียงดึงมือของจือเซียงไว้แล้วลุกขึ้น “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าติดตามข้าเถอะ”
จือเซียงตะลึงงันยังไม่ได้สติกลับมา ซูอวี้เหิงสั่งการจั๋วอวี้ “พาคนเก็บข้าวของของนาง พรุ่งนี้ตามข้ากลับเมืองหลวง” กล่าวจบก็กวาดสายตามองเรือนเก่าๆ แห่งนี้ แล้วถอนหายใจ “เก็บเฉพาะข้าวของจำเป็นก็พอ ส่วนที่ไม่จำเป็นก็ทิ้งไปเสีย”
จือเซียงคุกเข่าลง “ขอบคุณคุณหนูที่เมตตาเจ้าค่ะ”
องค์หญิงต้าจั่งเป็นถึงองค์หญิงเชื้อพระวงศ์ คนพวกนี้เฝ้าหลุมศพก็คงไม่ต้องมีชีวิตที่ลำบากเกินไปอยู่แล้ว ราชสำนักก็ได้ส่งเงินค่าซ่อมบำรุงสถานที่มา จวนติ้งโหวเองก็ต้องลงเงินลงแรงเป็นเรื่องธรรมดา ที่ดินเปล่าด้านข้างถูกสร้างเป็นบ้านสวนเล็กๆ ตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่านายท่านและนายหญิงจะมาพักผ่อนตอนทำพิธีกราบไหว้ ต่อให้พ่อบ้านไม่อยู่ คนพวกนี้ก็ไม่กล้าชักช้าอยู่แล้ว
อากาศเหน็บหนาว สิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่เทียบไม่ได้กับจวนอยู่แล้ว ซูอวี้เหิงก็ไม่มีจิตใจนอนหลับ แค่นั่งล้อมรอบเตาผิงพร้อมพูดคุยกับจือเซียงทั้งคืน เช้าวันถัดไป หลังจากจุดธูปไหว้ตรงหน้าหลุมฝังศพขององค์หญิงต้าจั่งเสร็จ ก็พาจือเซียงกลับ
ระหว่างทางกลับ ซูอวี้เหิงให้จือเซียงนั่งด้านในรถม้าที่อบอุ่นของตน จั๋วอวี้เห็นคุณหนูของตนร้องไห้เศร้าโศกทั้งคืนจนไม่หลับไม่นอน ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงยิ่งนักจึงเกลี้ยกล่อม “คุณหนูนอนพักหน่อยเถอะ พวกเราเร่งเดินทางมาครึ่งค่อนวันแล้ว เมื่อคืนท่านก็ไม่ได้นอน ร่างกายคงรับไม่ไหว”
รถม้าลำนี้ใหญ่พอสมควร จึงตั้งตั่งไม้ได้หนึ่งตัว บนตั่งไม้มีฟูกหนังหมาป่า หมอน และอื่นๆ ซูอวี้เหิงพิงอยู่บนตั่งไม้ จั๋วอวี้กางเสื้อคลุมขนคลุมบนเรือนร่างของนาง แล้วเอาเตาอุ่นมือมาเติมถ่าน จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้และวางบนตักของนาง คุณหนูซูจึงหลับใหลไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
รถม้าโยกเยกไปมาตลอดทาง สาวใช้ที่ติดตามมาก็นั่งในรถม้าคันใหญ่นี้ ด้านหน้าและด้านหลังมีทหารคอยคุ้มกันอยู่ยี่สิบนาย ตามหลักแล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าตอนที่เดินอยู่กลางทางและฝ่าผ่านพงไพรแห่งหนึ่ง จู่ๆ ภูเขาด้านข้างมีก้อนหินกลิ้งออกมาบนถนน แล้วขวางด้านหน้ารถม้าไว้
ทหารรักษาการณ์จึงสบถหยาบด้วยเสียงทุ้มต่ำ มีทหารสองสามนายที่อยู่ด้านหน้าลงไปขนย้ายก้อนหินเหล่านั้น จู่ๆ ก็ในป่าก็มีคนพุ่งทะยานออกมา
พวกเขามากันไม่มาก มีเพียงเจ็ดแปดคนเท่านั้น ทว่าแต่ละคนสวมชุดดำและบดบังใบหน้าด้วยผ้าสีดำ เผยให้เห็นแต่ดวงตาสองข้างเท่านั้น
“คุ้มกันคุณหนู!” ผู้บังคับบัญชาตะโกนเสียงสูง ทหารสิบกว่านายล้อมรอบรถม้าไว้
คนเหล่านี้แทนตนเองว่าโจรกลางทาง แล้วยังบอกว่าภูเขาแห่งนี้เป็นของเขา หากจะผ่างทางนี้จะต้องจ่ายค่าผ่านทาง มิเช่นนั้นใครก็อย่าหวังว่าจะผ่านไปได้
หากเป็นตระกูลมั่งมีทั่วไป ก็อาจจะค่าค่าผ่านทางแต่โดยดี ทว่านี่เป็นรถม้าของจวนติ้งโหว แล้วจะปล่อยให้โจรพวกนี้มารังแกไปเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร ดังนั้นเหล่าทหารรักษาการณ์ไม่พูดไม่จาแล้วเอาอาวุธออกมาทันที แม้กระทั่งยังคิดว่าจะจับโจรพวกนี้กลับไปเมืองหลวง ไม่แน่อาจจะได้รับรางวัลก็ได้
เริ่มแรกทหารรักษาการณ์ยังถือว่ากล้าหาญ ทว่าหลังจากต่อสู้กันไปสักพัก ถึงสังเกตเห็นว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ! วรยุทธ์ของพวกเขาไม่เพียงแต่เหนือกว่าพวกตนเท่าสองเท่า ดังนั้นเพียงต่อสู้กันไปสองสามท่า ทหารสิบสองนายก็ได้รับบาดเจ็บไม่หนักก็เบาแล้ว
ตอนนี้ หากเป็นทหารรักษาการณ์ที่ได้มีสติปัญญาก็จะสังเกตเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เจตนาสังหารคน หากอยากสังหาร เกรงว่าพวกเขาคงจะตายไปนานแล้ว
เพียงแต่ว่าผู้ที่ฝึกวรยุทธ์มาย่อมมีใจที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ให้ใคร แต่ละคนจึงยิ่งอยู่ยิ่งมีพลังมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามีฐานะเป็นทหารรักษาการณ์ของจวนติ้งโหว หากถูกโจรเจียงหูทำลาย แล้วปล่อยให้คุณหนูถูกลักพาตัว พวกเขาคงไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อ
ดังนั้น…จึงสู้ให้ตายกันไปข้าง!
ด้านนอกกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด จั๋วอวี้และเหล่าสาวใช้สี่ห้าคนที่อยู่ด้านในต่างโอบล้อมซูอวี้เหิงไว้อย่างระมัดระวังตัว กลัวว่าหากไม่ระวังตัวหน่อย อาวุธอยากพุ่งทะยานเข้ามาในรถม้าได้ และอาจทำให้คุณหนูของพวกเขาได้รับอันตราย
ซูอวี้เหิงถูกสาวใช้สองสามคนโอบล้อมไว้ ภายในใจกลับรู้สึกนิ่งสงบอย่างน่าแปลก…นางกลับโหดเหี้ยมอำมหิตดั่งที่คาด! เพียงแต่ไม่รู้ว่าความสามารถของเหล่าทหารรักษาการณ์เป็นเช่นไร หากต้องตายอยู่ที่นี่…ซูอวี้เหิงจึงยิ้มอย่างขมขื่น และค่อนข้างรู้สึกคับอกคับใจ
หลังจากพุ่งเข้าไปต่อสู้อย่างจริงจัง เหล่าทหารรักษาการณ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจรเหล่านี้จริงๆ
ไม่นานก็มีทหารสามนายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนล้มลงบนพื้น ส่วนทหารอีกเก้านายก็ได้รับบาดเจ็บ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งกินแรงมากขึ้น ขณะที่เหล่าทหารกำลังจะรับมือไม่ไหว จู่ๆ ก็มีโจรหนึ่งคนพุ่งทะยานเข้าไปตรงหน้ารถม้า
คนขับรถม้าตื่นตระหนกจนเผลอไปดึงบังเหียนม้า ม้าจึงหลบไปอยู่ด้านข้างและร้องด้วยเสียงตกใจ ทำให้รถม้าโคลงเคลงไปมา นัยน์ตาโจรผู้นั้นฉายแววโหดเหี้ยม พลางโบกดาบในมือหมายจะฟันคอของคนขับรถม้า
ภายใต้วิกฤตที่เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง ลูกศรหน้าไม้ดอกหนึ่งฝ่าผ่านอากาศยิงเข้าใส่คอของโจรผู้นั้น
“โอ๊ย…” คนขับรถม้าสะดุ้งตกใจจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง และเกือบจะตกลงมาจากรถม้า
จากนั้นมีลูกศรหน้าไม้ราวกับขนนก พุ่งเข้าใส่เหล่าโจร
เพียงแต่ว่านอกจากโจรคนแรกที่โดนยิงใส่คอจนตาย คนอื่นได้รับบาดเจ็บส่วนขาเท่านั้น และแผลที่ได้รับเหมือนกันหมด ลูกศรหน้าไม้ทำให้เส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บ ทว่ากลับไม่โดนกระดูกและเส้นเลือดใหญ่