หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 407 คุณชายสามซูป่วยหนัก คุณชายรองเหยาได้บุตรชาย (1)
ตอนที่ 407 คุณชายสามซูป่วยหนัก คุณชายรองเหยาได้บุตรชาย (1)
ดังนั้น เหล่าโจรต่างคุกเข่าลง
เวลาเพียงชั่วพริบตา สถานการณ์ที่เหมือนจะพ่ายแพ้ในตอนแรกกลับพลิกผันไปอย่างคาดคิดไม่ถึง
ปลอดภัยแล้ว! ซูอวี้เหิงที่อยู่ในรถม้าได้ยินเสียงร้องอย่างเศร้ารันทดของคนด้านนอก จึงถอนหายใจยาว
“คุณหนู ไม่เป็นเช่นไรใช่ไหม” จั๋วอวี้โอบซูอวี้เหิงไว้ แล้วยื่นมือไปนวดหน้าของนางที่บวมแดงเล็กน้อย เมื่อครู่รถม้าโคลงเคลงอย่างรุนแรง ทำให้หน้าผากของคุณหนูกระแทกผนัง ถึงแม้เพื่อรักษาความอบอุ่น ผนังรถม้าปูด้วยผ้าชั้นหนา ทว่า…คุณหนูจะเคยทุกข์ยากลำบากเช่นนี้ได้อย่างไร
ซูอวี้เหิงไม่สนใจหน้าผากที่บวมแดงของตน แค่ผลักจั๋วอวี้ออกทันที แล้วเลิกม่านรถม้ามองไปด้านนอก
ด้านนอกรถม้า ถังเซียวอี้ในชุดแม่ทัพกำลังแบ่งยาทาแผลด้านนอกให้กับเหล่าทหารจากจวนติ้งโหว
ยาถูกห่อด้วยกระดาษเกือบมัน ในกระดาษมีผ้าพันแผลและสำลีชุบเหล้าต้ม จึงเป็นสิ่งที่สะดวกในการทำแผลเบื้องต้น เพียงแต่ว่าของพวกนี้ไม่ได้พบเห็นบ่อยในกองกำลังทหาร ดังนั้นนี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าทหารจากจวนติ้งโหวได้พบเห็น
ถังเซียวอี้ราวกับสัมผัสว่ามีคนกำลังจับจ้องด้านหลังของเขา พลันหมุนตัวไป
ใบหน้าหล่อเหลาและโดดเด่น แววตาอ่อนโยนประดุจผืนน้ำ ริมฝีปากบางอมชมพูเม้มขึ้นเล็กน้อย ตอนที่มองตนมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เห็นรอยยิ้มจางๆ
สบตากันเพียงครู่เดียว ก็ทำให้หัวใจของซูอวี้เหิงเต้นแรงจนจะหลุดออกมา
ตอนนี้ราวกับเวลาหยุดเดิน ตรงหน้าราวกับมีดอกไม้เบ่งบานอย่างงดงาม
ถังเซียวอี้จึงมอบถุงกระดาษที่ใส่ยารักษาแผลภายนอกให้กับทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายตน จากนั้นก็สั่งให้เขาแจกให้ทุกคนช่วยกันทำแผล แล้วเขาเดินไปตรงหน้ารถม้า
“รองแม่ทัพถัง” จั๋วอวี้และสาวใช้สองสามคนรีบลงจากรถม้าแล้วน้อมคำนับทันที
ซูอวี้เหิงก็ลงจากรถม้า ประจวบกับเวลาที่ถังเซียวอี้เดินไปถึงพอดี จึงยื่นมือไปตรงหน้า นางกลับยื่นมือไปวางบนมือของเขาอย่างไม่ลังเล แล้วพยุงแขนของเขากระโดดลงจากรถม้าทันที
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ถังเซียวอี้มองแผลบวมแดงบนหน้าผากของซูอวี้เหิง จึงอดยื่นมือไปจับไม่ได้ แล้วเปรยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้ามาสายแล้ว”
“ไม่เป็นไร…ขอบคุณ” ซูอวี้เหิงได้กลิ่นคาวเลือด จึงรู้สึกคลื่นไส้ สีหน้าซีดเซียวทันที ปกตินางเป็นสตรีที่ตรงไปตรงมา ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ทว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้
ถังเซียวอี้แววตาหม่นหมอง ยื่นมือควักยาเม็ดสีเขียวอ่อนที่อยู่ในถุงบุหงาออกมายื่นให้นาง “อมนี่ไว้ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”
ซูอวี้เหิงยื่นมือรับไว้ทันทีแล้วป้อนเข้าปากตัวเองอย่างไม่ลังเล ทั้งปากของนางเต็มไปด้วยกลิ่นสะระแหน่อันสดชื่น และกลิ่นนี้ก็ลอยขึ้นมาถึงจมูก ทำให้กลิ่นคาวเลือดหายใจไม่น้อย
“เราไม่ควรอยู่ที่นี่นาน รีบกลับเมืองหลวงกันเถอะ” ถังเซียวอี้กล่าวจบ สายตาของเขากวาดผ่านสาวใช้สองสมคนที่อยู่ด้านข้าง แล้วแกะเชือกที่ผูกตรงเอวออก จากนั้นสะบัดเชือกออก แล้วสั่งให้ทหารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสให้เอามัดโจรพวกนั้นไว้ด้วยกัน
เหตุเพราะโจรพวกนั้นต่างได้รับบาดเจ็บตรงเส้นเอ็นขาจึงเดินไม่ได้ ส่วนทหารพวกที่เหลียงฮูหยินส่งมาต่างได้รับบาดเจ็บ ถังเซียวอี้ทำได้เพียงส่งสัญญาณให้ทหารของตน แล้วสั่งให้พวกเขารับผิดชอบจับกุมตัวเหล่าโจรกลับไปให้กรมอาญาลงโทษ ส่วนตนและทหารที่ได้รับบาดเจ็บก็ส่งซูอวี้เหิงกลับเมืองหลวงพร้อมกัน
ถึงแม้การลอบสังหารครั้งนี้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทว่ากลับทำให้เหล่าทหารสูญเสียกำลังเป็นอย่างมาก โชคดีที่ทำแผลได้ทันเวลา และได้รับยาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนที่บาดเจ็บหนักหนาสาหัสไม่ถึงขั้นที่สิ้นชีวิตกลางที่เกิดเหตุ
ทว่าพอเป็นเช่นนี้ เวลาเดินทางกลับไม่ได้เร็วเหมือนก่อนหน้านี้ รอให้กลับถึงประตูเมืองหลวงอวิ๋น ฟ้าก็มืดมัวลงแล้ว ถังเซียวอี้ไม่กล้าถ่วงเวลา จึงส่งซูอวี้เหิงกลับจวนติ้งโหว ซูอวี้เหิงกลับบอกให้คนหยุดรถม้าตอนที่จะเข้าไปในซอยทางเข้าจวนติ้งโหว
ถังเซียวอี้เห็นจึงกระโดดลงจากม้าทันที แล้วเดินไปตรงหน้ารถม้าพลางเอ่ยถาม “คุณหนูมีเรื่องอะไรหรือ”
ซูอวี้เหิงเลิกม่านรถม้าแล้วยื่นศีรษะออกแล้ว พลางพึ่งพาแสงไฟสลัวมองถังเซียวอี้ พร้อมพูดด้วยเสียงต่ำ “ตามความคิดเห็นของรองแม่ทัพ ท่านสรุปเรื่องวันนี้อย่างไร”
ถังเซียวอี้ครุ่นคิดแล้วเอ่ยถาม “ไม่รู้ว่าคุณหนูอยากได้ข้อสรุปอย่างไร”
ซูอวี้เสียงครุ่นคิดมาตลอดทาง รู้สึกว่าหากไม่ระวังก็อาจทำให้ทั้งตระกูลซูถูกทำลายได้ ในวันนี้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว กำลังของเหลียงฮูหยินก็มีขีดจำกัด บิดาของเขามีนิสัยย่ำแย่ ท่านลุงก็ไม่กล้าคาดหวังอะไรมาก นางทำได้เพียงพึ่งพาอาศัยสามีในอนาคต ดังนั้นจึงเปรยด้วยเสียงต่ำ “ข้ารู้สึกว่าเหล่าโจรพวกนั้นแปลกประหลาดเกินไป หวังว่ารองแม่ทัพจะสอนสวนพวกเขาด้วยตัวเอง ให้คนพวกนั้นคายความลับออกมาให้ได้”
ถังเซียวอี้ชะงักงันไปสักพัก แล้วพยักหน้า “ได้ คุณหนูวางใจเถอะ”
“รองแม่ทัพ ขอบคุณท่านจริงๆ” ซูอวี้เหิงยิ้มขมขื่น นางเป็นคนที่มีบิดามารดาและคนในครอบครัว ทว่ากลับพึ่งพาและไว้วางใจคนตรงหน้าได้เท่านั้น
“ไม่ต้องขอบคุณ” ถังเซียวอี้มองดวงหน้างดงามนี้ขาวซีดเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกเอ็นดูนางยิ่งนัก ต่อให้วันนี้จะไม่มีวาสนาได้กุมมือนาง ก็ไม่หวังว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง (รองแม่ทัพถังผู้น่าสงสาร จวบจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้าเป็นว่าที่ภรรยาตนเอง)
“หากรองแม่ทัพได้เรื่องอะไร ให้พี่หันมาหาข้าเถอะ” ค่ำคืนอันมืดมัวบดบังใบหน้าที่เก้อเขินของซูอวี้เหิงไว้
และพอถังเซียวอี้ได้ยินคำพูดนี้ กลับนึกว่าหนุ่มสาวต้องรักษาระยะห่าง พวกเขาทั้งสองไม่สะดวกที่จะพบปะกัน มีเรื่องอะไรก็ให้เหยาเยี่ยนอวี่เป็นคนส่งสาร ทว่าเช่นนี้ก็ดี อย่างไรสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน ชื่อเสียงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ดังนั้นถังเซียวอี้พยักหน้า แล้วขานรับ “ได้ ได้เรื่องอย่างไรข้าจะบอกกับฮูหยิน นางจะรีบไปบอกเจ้าทันที เจ้าก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ถึงจะมีอนาคตที่ดี”
ซูอวี้เหิงปล่อยม่านลงอย่างอาลัยอาวรณ์ รถม้ามุ่งไปด้านหน้า ถังเซียวอี้ส่งซูอวี้เหิงถึงจวนติ้งโหวก็จากไปทันที
เรื่องระหว่างทางที่คุณหนูสามไปไหว้หลุมศพขององค์หญิงต้าจั่งได้เจอเหตุโจรกรรมจึงทำให้ทั้งจวนติ้งโหวอกสั่นขวัญเสีย ไม่ว่าจะเป็นติ้งโหว ลู่ฮูหยิน หรือแม้กระทั่งผัวจื่อต่างรู้สึกตกใจ
“นี่ก็อยู่นอกเมืองหลวงเท่านั้น กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ได้! โจรพวกนี้สมควรตายจริงๆ! สมควรตายจริงๆ!” ซูกวงฉงตบโต๊ะพลางสบถหยาบด้วยเสียงต่ำ
“โชคดีที่รองแม่ทัพถังผ่านทางนั้นพอดี มิเช่นนั้นเหิงเอ๋อร์คงไม่อาจรอดชีวิตได้!” ซูกวงฉงเครียดจนสีหน้าเปลี่ยน
“โจรพวกนั้นถูกขังในกรมอาญาแล้ว ท่านพ่อและน้ารองวางใจเถอะ ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่นอน!” ซูอวี้อันกัดฟันกรอด
บุรุษทั้งหลายกำลังปรึกษาหารือกันว่าจะจัดการโจรเหล่านั้นอย่างไร ด้านนอกก็มีเสี่ยวซือวิ่งเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบ “เรียนท่านโหว นายท่านรอง เมื่อครู่คุณชายสามสลบไป ฮูหยินบอกให้เชิญท่านโหวไปที่นั่นด่วนขอรับ”
“อยู่ดีๆ เหตุใดถึงสลบไปได้” ท่านโหวทุบโต๊ะด้วยความคับข้องใจ “สั่งให้คนไปตามหมอหลวงหรือยัง!”
ซูอวี้อันรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวง ซูกวงฉงจึงเกลี้ยกล่อม “ได้ข่าวว่าน้องสาวหลานสะใภ้สามเป็นหมอเซียนมิใช่หรือ เหตุใดถึงไม่เชิญมาดูอาการให้เจ้าสามล่ะ”
“ไม่รู้เจ้าสามเป็นบ้าอะไร ต่อให้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ยอมให้นางมาดูอาการให้ อีกอย่าง ชายหญิงล้วนแตกต่าง เขาก็ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายอะไร ไม่ดูก็ไม่ดู ถึงแม้จะเป็นญาติกัน ทว่าชายหญิงควรรักษาระยะห่างกันจะดีกว่า” ท่านโหวถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นเดินไปดูอาการของบุตรชายตน