หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 408 คุณชายสามซูป่วยหนัก คุณชายรองเหยาได้บุตรชาย (2)
ตอนที่ 408 คุณชายสามซูป่วยหนัก คุณชายรองเหยาได้บุตรชาย (2)
ตั้งแต่สมัยโบราณ ทุกตระกูลย่อมรักใคร่ในบุตรคนโต และเลี้ยงดูบุตรคนสุดท้ายอย่างเอาอกเอาใจ ต่อให้ซูอวี้เสียงจะไม่เอาถ่านอย่างไร เขาก็คือบุตรทางสายเลือดของท่านโหวอยู่ดี
ตอนนี้เรือนฉีเสียงพังไม่เป็นท่า เหยาเฟิ่งเกอไม่อยู่ หู่พั่วและหลิวหลีก็กำลังตั้งครรภ์ จึงไม่สะดวกที่จะมาคอยปรนนิบัติ ทำได้เพียงดูแลครรภ์ในเรือนเล็ก ซานหูและเจินจูก็ติดตามเหยาเฟิ่งเกอกลับจวนเหยา ข้างกายซูอวี้เสียงมีเพียงสาวใช้ชั้นต่ำหลิงจือ เหมยเซียง และอีกสองสามคน
สองวันมานี้ ซูอวี้เสียงใช้ยาทาของหลิวซั่งซิว ทำให้ปวดเอวน้อยลง จึงรู้สึกว่ายาของหมอทหารคนนี้ไม่เลวจริงๆ เลยรีบกินยาเม็ดของเขาโดยไม่ลังเลใดๆ ยาทุกเม็ดก็กินตรงเวลา
ดั่งคาด เช้าตรู่นี้เขาก็รู้สึกเหมือนพละกำลังทั้งร่างกายถูกดูดออกจนหมด ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย ซ้ำยังท้องร่วง ไม่อยากอาหาร มื้อเช้าจึงดื่มข้าวต้มเปล่าไปสองสามคำ จากนั้นก็กินยาตรงเวลา
เมื่อถึงยามเม่าก็รู้สึกปวดท้อง ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปที่สุขา หลังออกจากสุขาและยังไม่ทันได้ผูกผ้าผูกเอว คุณชายสามซูก็เป็นลมหมดสติบนพื้น
ลู่ฮูหยินไปเยือนเรือนฉีเสียงเร็วกว่าติ้งโหว เวลานี้ ซูอวี้เสียงยังไม่ฟื้น ถูกเหล่าผัวจื่อสาวใช้ยกไปนอนบนตั่งไม้ หลิงจือและเหมยเซียงขานเรียกเขาไปด้วยและร่ำไห้อย่างโศกเศร้า ส่วนผัวจื่อและสาวใช้คนอื่นก็กระวนกระวายมาก ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตน บ้างก็ยกน้ำ บ้างก็ยื่นผ้าเช็ดหน้า ส่วนบางคนก็จิกร่องปากใต้จมูกของซูอวี้เสียงพลางตะโกนเรียกเขา และบางคนรีบวิ่งออกไปเรียกคนด้านนอก
“บุตรชายอาภัพของข้า! เจ้าไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้กันแน่!” ลู่ฮูหยินเดินเข้าเรือนด้วยน้ำตา หลิงจือและเหมยเซียงเห็นจึงรีบหลีกทาง ลู่ฮูหยินร้องไห้ไปด้วยและเดินเข้าไปจิกร่องปากใต้จมูกของซูอวี้เสียง
ผ่านไปสักพัก ซูอวี้เสียงค่อยๆ ลืมตามองลู่ฮูหยิน แล้วขานเรียกด้วยเสียงอ่อนแรง “ท่านแม่”
“บุตรชายอาภัพของข้า…” ลู่ฮูหยินเห็นบุตรชายฟื้นแล้ว จึงถอนหายใจลากยาว แล้วดึงเขาเข้าไปในอ้อมกอดด้วยน้ำตา
รอให้ท่านโหวและคนอื่นๆ มาถึง ลู่ฮูหยินก็กำลังกอดซูอวี้เสียงพร้อมพร่ำบ่นว่า ‘บุตรชายอาภัพ’ ด้วยความหมองเศร้า ซูกวงหลิงเห็นจึงหันไปเร่งเร้าพ่อบ้านด้านหลัง “เหตุใดหมอหลวงยังไม่มาอีก รีบไปตามอีกรอบ!”
พ่อบ้านขานรับแล้วหันหลังวิ่งออกไปด้านนอกจนเกือบจะชนเฟิงฮูหยินน้อยที่ได้ยินข่าวแล้วรีบตามมาด้วยความกังวลใจ เขาเลยรีบโค้งคำนับ “ฮูหยินน้อยใหญ่”
“เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาม เหตุใดท่านพ่อและท่านลุงถึงดูตื่นตระหนกเช่นนี้” เฟิงฮูหยินน้อยเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย
พ่อบ้านถอนหายใจด้วยความลำบากใจ “เมื่อครู่ อยู่ดีๆ คุณชายสามก็เป็นลม เหล่าข้ารับใช้ไปรายงานท่านโหว นายท่านรองก็อยู่พอดี จึงมาเยือนที่นี่พร้อมกัน ฮูหยินก็อยู่ด้านในขอรับ บ่าวจะรีบไปตามหมอหลวง”
“ไปเถอะ” เฟิงฮูหยินน้อยผายมือ แล้วให้พ่อบ้านออกไป
จากนั้นซุนฮูหยินน้อยก็มาเยือนพร้อมขมวดคิ้วถาม “เซวียนเอ๋อร์ล่ะ ตอนเช้าเจ้าไม่ใช่บอกว่าเขาก็ไม่สบายหรอกหรือ”
“เป็นเช่นนั้น เซวียนเอ๋อร์เพิ่งจะหลับไป ข้าได้ยินคนทางนี้ตะโกนเสียงดังจึงรีบมาดู เฮ้อ! ตั้งแต่องค์หญิงต้าจั่งทรงสวรรคต จวนเราก็ไม่มีวันใดที่ได้อยู่อย่างสงบสุขเลยจริงๆ”
เฟิงฮูหยินน้อยยิ้มจางๆ “คำพูดนี้อย่าเผลอพูดให้ท่านแม่ได้ยินเด็ดขาด”
ซุนฮูหยินน้อยเบะปากไม่พูดไม่จา หลังจากองค์หญิงต้าจั่งจากไป ทุกครั้งที่เอ่ยถึงองค์หญิงต้าจั่ง สีหน้าของฮูหยินก็ดูย่ำแย่มาก เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับของจวนติ้งโหวอีกต่อไป
สะใภ้ทั้งสองตามกันติดๆ เข้าไปในเรือนฉีเสียง กลับเพราะซูกวงหลิงอยู่ด้านในด้วย จึงไม่สะดวกเข้าไป เพียงแค่เอ่ยถามหลิงจือที่ถูกลู่ฮูหยินไล่ออกมาว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่นานหมอหลวงก็เร่งรีบมาถึง ซูกวงฉงรีบสั่งให้ไปจับชีพจรให้บุตรชาย
เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีก พ่อบ้านจวนโหวจึงเชิญหมอหลวงไป๋มา หมอหลวงไป๋ก็คือหมอหลวงขั้นสี่ในสำนักหมอหลวงนามว่าไป๋จิ้งหยาง
ตระกูลไป๋เป็นตระกูลสืบสานวิชาการแพทย์จากรุ่นสู่รุ่นมานาน จนถึงรุ่นของผู้เฒ่าไป๋ก็ถือว่ารุ่งเรืองแล้ว หลานคนโตของเขาไป๋จิ้งหยางได้รับการถ่ายทอดวิชาที่แท้จริงจากผู้เฒ่าไป๋ หากกล่าวถึงอายุรกรรม เกรงว่าคงไม่มีใครในสำนักหมอหลวงเทียบเทียมเขาได้
หลังจากไป๋จิ้งหยางจับชีพจรให้ซูอวี้เสียงเสร็จ จึงกล่าวด้วยคิ้วขมวด “ช่วงนี้คุณชายสามได้รับประทานอาหารหรือยาธาตุเย็นอะไรเป็นจำนวนมากหรือไม่”
ซูอวี้เสียงส่ายหัว “หลายวันมานี้ ข้าไม่ค่อยอยากอาหาร กินอะไรก็ไม่อร่อย ส่วนยาก็กินเพียงยาเม็ดสลายเลือดคั่งและช่วยให้เลือดหมุนเวียน ไม่ได้กินอย่างอื่นเลย”
ไป๋จิ้งหยางพลันเอ่ยถาม “‘ยาเม็ดสลายเลือดคั่งและช่วยให้เลือดหมุนเวียนที่คุณชายสามเอ่ยถึงคืออะไร ยังมีอีกหรือไม่ ช่วยเอามาให้ข้าน้อยดูที”
ลู่ฮูหยินรีบสั่งให้คนเอามา ไป๋จิ้งหยางดมกลิ่นของยาเม็ดพวกนั้น แล้วจิกยาบางส่วนมาแตะบนลิ้น จากนั้นก็เปรยว่า “ยาเม็ดนี้ใช้ดับร้อนแก้พิษและช่วยให้เลือดหมุนเวียน ทั้งยังใช้ส่วนผสมที่เกินขนาด ร่างกายของคุณชายสามเกิดภาวะเย็นพร่องอยู่แล้ว เมื่อกินยาดับร้อนนี้มากเกินไปก็ย่อมเป็นผลเสียต่อร่างกาย ช่วงนี้คุณชายสามไม่อยากอาหาร เกรงว่าคงต้องเป็นเพราะยาตัวนี้ขอรับ” กล่าวจบ จึงเอ่ยถามต่อ “นี่เป็นยาของใครกัน ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงร้ายแรงเช่นนี้ ไม่ควรกินเรื่อยเปื่อยนี่”
“ที่แท้ก็เพราะว่ายาตัวนี้!” ลู่ฮูหยินตวาดอย่างโมโห “คนต่างลือกันว่าฝีมือการแพทย์ของคนแซ่หลิวนี้เก่งกาจมากเพียงใด ที่แท้ก็เป็นหมอเถื่อนที่จ้องจะทำลายชีวิตคนนี่เอง! การกระทำเฉกเช่นนี้ เห็นชีวิตคนเสมือนต้นหญ้า ช่างอัปยศอดสูยิ่งนัก!”
“ผู้ที่ฮูหยินกล่าว หมายถึงหมอทหารที่ได้เลื่อนตำแหน่งสามขั้นหรือ”
ลู่ฮูหยินเครียดจนสีหน้าแปรเปลี่ยนไป “ก็เขานี่แหละ!”
“เฮ้อ!” ไป๋จิ้งหยางเปรยว่า “หากเอ่ยว่าใช้ยาตัวนี้รักษาก็ไม่ผิด เพียงแต่ว่าพวกคนที่ฝึกวิชาการต่อสู้ในค่ายทหารมาหลายปี ร่างกายย่อมแข็งแรงอยู่แล้ว ยาแรงเช่นนี้จึงเหมาะกับทหาร ทว่าคุณชายสามกลับเติบโตในตระกูลร่ำรวย ถึงแม้ร่างกายจะได้รับแผลภายนอก ทว่าก็ถือว่าหายดีแล้ว เหตุใดถึงกล้าใช้ยาธาตุเย็นที่ร้ายแรงเช่นนี้ด้วยเล่า” คำพูดต่อจากนี้ หมอหลวงไป๋ไม่ได้พูด คุณชายสามเสพติดสุราและหญิงมากเช่นนี้ ร่างกายก็เสื่อมโทรมไปนานแล้ว เวลานี้ต่อให้กินยาบำรุงอะไรก็คงไม่ทันการเสียแล้ว
ได้ยินคำพูดพวกนี้ แม้กระทั่งติ้งโหวก็ยังอดสบถหยาบไม่ได้ “หมอหลิวมีความรู้ด้านชีพจรหรือไม่ หรือเป็นเพราะยาเม็ดที่เขาปรุงได้รับบำเหน็จจากฮ่องเต้ จึงจ่ายยาให้ใครกินก็ได้กระนั้นหรือ คนเช่นนี้มาเป็นหมอรักษาผู้ป่วยได้อย่างไรกัน!”
ซูอวี้เสียงที่นอนอยู่บนเตียงยืดคอตรงพร้อมพึมพำ “ตอนแรกข้าก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาอยู่แล้ว ยังมารับประกันว่าแผลของข้าจะหายดีในอีกสิบวันข้างหน้า นี่ผ่านไปสองสามวันเท่านั้น ก็จะเอาชีวิตข้าไปแล้ว! หากให้รอถึงสิบวัน เกรงว่าข้าคงตายไปแล้ว!”
ลู่ฮูหยินสบถหยาบทันที “ไม่มีอะไรปิดปากเจ้าไว้อยู่จริงๆ! มาถึงขั้นนี้แล้วยังจะพูดจาเหลวไหลอีก!”
ซูกวงหลิงจึงเกลี้ยกล่อม “พอเถอะ โชคดีที่สังเกตเห็นอาการเร็ว อย่างไรก็รบกวนหมอหลวงไป๋จ่ายยาหน่อยเถอะ ร่างกายของเจ้าสามควรบำรุงให้มาก เขายังหนุ่มยังแน่น ขืนป่วยโรคอะไรแล้วไม่รักษาและปล่อยให้สะสมในร่างกายไปนานๆ ก็คงทำให้ทุกข์ทรมานไปชั่วชีวิต”
ซูอวี้เสียงพูดเสริม “ใครเป็นคนบอกให้เชิญไอ้สวะนั่นมารักษาโรคให้ข้า! สมควรโดนตีให้ตายเลยจริงๆ”
ลู่ฮูหยินขมวดคิ้ว แล้วพึมพำด้วยความไม่พอใจ “เจ้าพักฟื้นร่างกายของเจ้าไปเถอะ! มีเวลาก็สนใจเรื่องตัวเองก็พอ อย่าไปสนใจเรื่องคนอื่น เช่นนั้นแผลของเจ้าก็คงหายดีไปนานแล้ว!”
ตรงใต้ชายคาระเบียง ซุนฮูหยินน้อยได้ยินคำพูดนี้จึงหันไปถามเฟิงฮูหยินน้อย “นี่? หมอทหารหลิวคนนี้เหมือนจะเป็นพี่สะใภ้ที่เป็นคนแนะนำหรือเปล่า”
เฟิงฮูหยินน้อยที่กำลังไม่สบอารมณ์ในใจ จึงเหลือบตามองซุนฮูหยินด้วยความเย็นชา ไม่พูดไม่จาและเดินจากไป
ทางฝั่งไป๋จิ้งหยางก็จ่ายยาต้มแล้วกล่าวว่า “ช่วงนี้หมอหลวงเหยาวิจัยยาสูตรใหม่ออกมาหนึ่งสูตร เรียกว่าแผ่นแปะบรรเทาอาการปวด กลับเหมาะกับอาการของคุณชายสามอย่างยิ่ง หากแผลเก่าของคุณชายกำเริบจนทนไม่ไหว ก็ใช้แผ่นยาแปะตรงจุดนั้น และกินยาอุ่นบำรุงควบคู่ไปด้วย ผ่านไปสักระยะ อาการของท่านจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง”