หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 410 คุณชายสามซูป่วยหนัก คุณชายรองเหยาได้บุตรชาย (4)
ตอนที่ 410 คุณชายสามซูป่วยหนัก คุณชายรองเหยาได้บุตรชาย (4)
เหยาเหยียนอี้เข้าใจในความคิดของเหยาเฟิ่งเกอ ลอบถอนหายใจแล้วเกลี้ยกล่อม “ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักและเอ็นดูเจ้า ทว่าขืนเจ้าทำเช่นนี้ต่อไป ก็คงไม่ใช่แผนการที่ดี อย่างไรพวกเจ้าก็คือสามีภรรยากัน มีอะไรก็คุยกันตรงไปตรงมาไม่ได้หรือ”
“เขาโลภมากไม่รู้จักพอ กินในถ้วยแต่มองในกระทะก็ช่างปะไรไป ทว่ากลับไม่ควรเห็นข้าเป็นที่ระบายอารมณ์” เหยเฟิ่งเกอพูดไป ก็เอาผ้าซับน้ำตาไป “เขาเอาแต่ตวาดใส่ข้าให้ ‘ไสหัวไป’ ตอนนี้พอป่วยขึ้นมาก็บอกให้ข้ากลับจวนไปรับใช้ ข้าเกิดมาเพื่อปรนนิบัติเขาหรือ”
หนิงฮูหยินน้อยได้ยินเรื่องแย่ๆ เช่นนั้น ภายในใจรู้สึกขุ่นเคืองมาก แล้วบอกเหยาเหยียนอี้ว่า “ร่างกายของน้องใหญ่ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว กล่าวได้ว่าชีวิตของนางถือว่าถูกเก็บกลับมาอีกครั้ง พวกเขาสองสามีภรรยามีปมในใจ จึงได้ส่งน้องสาวกลับมาเช่นนี้ ต่างฝ่ายต่างเกลียดชัง ต่างฝ่ายต่างไม่ชอบขี้หน้ากัน นี่คงไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองคนหรอก สู้ให้ท่านพี่บอกคนของจวนติ้งโหวว่าช่วงนี้ข้าใกล้คลอดบุตร ไม่มีคนรู้ใจคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ให้น้องสาวอยู่ที่นี่ต่ออีกสามสี่วันเถอะ ถึงแม้บุตรีที่ออกเรือนแล้ว ไม่ควรสนใจแต่เพียงเรื่องของต้นตระกูล ทว่าเวลานี้ นางกลับมาช่วยงานสักระยะก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”
“เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่!” เหยาเหยียนอี้เปรยว่า “คำสอนของนักปราชญ์ ออกเรือนต้องเชื่อฟังสามี เจ้าเป็นเช่นนี้ คนของจวนติ้งโหวคงหาว่าพวกเราไร้เหตุผล เพื่อกิจธุระของจวนตนเอง กลับให้บุตรีที่ออกเรือนไม่สนใจว่าสามีที่จะเป็นหรือจะตาย และให้สนใจเพียงเรื่องของต้นตระกูลเท่านั้น”
ถึงแม้คำพูดนี้จะดูมีความโมโห ทว่าก็มีเหตุผล หนิงฮูหยินน้อยได้ยินจึงได้แต่ถอนหายใจ
เหยาเฟิ่งเกอร้องห่มร้องไห้ทันที “ช่างเถอะ นี่เป็นเวรกรรมของข้า ข้าต้องชดใช้เอง” ขณะที่กล่าวก็หันไปสั่งซานหู “เก็บของ เตรียมตัวกลับจวน”
เหยาเหยียนอี้มองน้องสาวร้องไห้อย่างโศกเศร้า ภายในใจพลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย จึงเกลี้ยกล่อมว่า “เจ้ากลับไปอดทนอยู่ที่นั่นอีกเสียสองสามวัน ไม่นานท่านพ่อก็คงมาเมืองหลวง รอให้ท่านพ่อมา ข้าจะช่วยเจ้าคุยเรื่องนี้เอง”
หนิงฮูหยินน้อยกุมมือเหยาเฟิ่งเกอพร้อมเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “เจ้ากลับไปอยู่ที่นั่นสองวัน รอให้ข้าคลอดบุตรจะส่งคนไปรับเจ้า ไม่แน่อาจจะแค่สองสามวันเท่านั้น เจ้าก็ต้องกลับมาอีกแล้ว”
เหยาเฟิ่งเกอทำได้เพียงพยักหน้าด้วยน้ำตา แล้วรีบเก็บของพาบุตรีนั่งรถม้ากลับจวนติ้งโหวทันที
เหตุเพราะถูกบิดาสั่งสอนไป หลายวันมานี้ซูอวี้เสียงจึงดูหมองเศร้าเกินจริง อนุภรรยาต่อให้รับใช้ได้ดีมากเพียงใดจะเทียบกับภรรยาเอกได้อย่างไร ตอนที่เหยาเฟิ่งเกออยู่จวน งานเรือนก็สะสางอย่างเป็นระเบียบ หลายวันนี้ที่นางไม่อยู่ ถึงแม้มีเหล่าเมียบ่าวคอยดูแลอยู่ข้างๆ ก็ไม่เหมือนกัน
หลังจากเหยาเฟิ่งเกอกลับมา ก็ต้องรวบรวมแรงทั้งหมดไปตั้งใจสะสางงานทุกอย่างในเรือนตนเองให้เรียบร้อย หลิงจือ เหมยเซียง และยังมีสาวใช้ชั้นล่างอีกสองสามคนต่างก็เกร็งไปหมด และพวกนางก็ไม่กล้ายุให้สองสามีภรรยาโกรธเคืองกันอีก หู่พั่วและหลิวหลีที่กำลังตั้งครรภ์ก็คอยปรนนิบัติซูอวี้เสียง
ซูอวี้เสียงเห็นเมียบ่าวสองคนที่กำลังอุ้มท้องโต ภายในใจจึงรู้สึกผิดต่อเหยาเฟิ่งเกออยู่บ้าง น้ำเสียงจึงอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง
เพียงแต่ว่าเหยาเฟิ่งเกอกลับมีจิตใจที่เยือกเย็นไปแล้ว ไม่ว่าซูอวี้เสียงจะฝืนใจประจบก็ดี หรือเขาจะทำตัวเป็นคุณชายเอาแต่ใจก็ดี นางก็ทำตัวนิ่งเฉยเช่นเคย ไม่ดีใจไม่โกรธเคือง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ปล่อยให้คนอื่นหาเรื่องนาง และแน่นอนว่าคงไม่ยอมหาโอกาส ‘คืนดี’ กับซูอวี้เสียงอยู่แล้ว
เดิมทีลู่ฮูหยินเห็นเหยาเฟิ่งเกอก็กังวลอย่างยิ่งและไม่พอใจอย่างมาก เพียงแต่ว่าทุกวันนี้นางมีเรื่องให้เครียดมากพอแล้ว จึงไม่สนใจเหยาเฟิ่งเกอ
ในเรือนสงบ ลู่ฮูหยินคุกเข่าตรงหน้าพระพักตร์พระโพธิสัตว์ ในมือถือลูกประคำไว้และหลับตาสวดมนต์เงียบๆ เหลียนหมัวมัวเฝ้ามองอยู่ด้านข้างด้วยน้ำตา
วันนั้นที่เหลียนรุ่ยออกเดินทาง ทีแรกตกลงกันไว้แล้วว่าอีกสามวันจะกลับมา ทว่านี่ผ่านไปหลายวัน และก็ครบเจ็ดวันแล้วด้วย กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคน
และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องที่ซูอวี้เหิงเจอเหตุโจรกรรมนอกเมือง ทำให้จิตใจของลู่ฮูหยินไม่สงบอย่างมาก เหลียนหมัวหมัวก็ยิ่งกระวนกระวาย…โจรพวกนั้นถูกถังเซียวอี้จับตัวไปขังไว้ในคุกหลวงของกรมอาญาแล้ว!
คุกหลวงกรมอาญามีบทลงโทษอย่างทรมานสิบประเภทที่โด่งดังเป็นอย่างมาก หากคนของกรมอาญาสอบสวนคนพวกนั้นจริงๆ ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็ช่วยไม่ไหว! ถึงเวลาคนของกรมอาญารู้ความจริงเข้า เช่นนั้นก็สาวไปถึงบุตรชายของตนแล้วสิ!
พอนึกถึงบุตรชายจะถูกคนของกรมอาญาจับกุมตัวและกำลังถูกลงโทษอย่างทุกข์ทรมาน เหลียนหมัวมัวก็รู้สึกว่าเจ็บปวดไปทั้งตัว นั่นเป็นบุตรชายของตนเชียวนะ!
หลังจากยืนไปครึ่งชั่วยาม เหลียนหมัวมัวก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้จริงๆ “ฮูหยินเจ้าคะ…ท่านมองว่าเรื่อง เรื่องนี้…”
“วางใจเถอะ ข้าลอบส่งคนไปสอดแนมแล้ว โจรพวกนั้นเป็นเพียงโจรที่หวังปล้นทรัพย์เท่านั้น ตอนนี้กรมอาญาพิพากษาแล้ว ไม่มีทางสาวไปถึงบุตรชายเจ้าแน่นอน” ภายในใจของลู่ฮูหยินเคร่งเครียดอย่างมาก ทว่าก็ไม่ปลอบโยนเหลียนหมัวมัวไม่ได้
“ทว่า เจ็ดวันแล้ว จะเกิดเรื่องอะไรอย่างอื่นขึ้นหรือเปล่า” ภายในใจของเหลียนหมัวมัวกำลังครุ่นคิดว่าเหล่าโจรที่เข้าคุกหลวงพวกนั้น พวกเขาต้องยังมีสหายหรือญาติพี่น้องแน่นอน ขืนคนพวกนั้นมาล้างแค้นบุตรชายของตนเองขึ้นมาจะทำอย่างไร อย่างไรเรื่องนี้บุตรชายของตนก็เป็นคนออกหน้าจัดการเอง
หากถูกจับกุมตัวไว้ในวังหลวงกรมอาญาก็อาจจะมีชีวิตรอดได้ ทว่าหากตกอยู่ในกำมือของคนเหลียงหูเหล่านั้น คงจะจบเห่!
“พรุ่งนี้ส่งคนไปตามหาเพิ่มอีกสองสามคน” ลู่ฮูหยินก็กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เหลียนรุ่ยช่วยงานนางมาเยอะขนาดนั้น หากถูกคนเหลียงหูจับตัวไปก็ยังดี แต่ถ้าถูกคนของกรมอาญาจับไป เรื่องนี้ตนก็คงควบคุมไม่อยู่แน่นอน
“เจ้าค่ะ” เหลียนหมัวมัวตอบตกลงอย่างจนปัญญา คำมั่นสัญญานี้ของลู่ฮูหยินกลับไม่ได้ทำให้นางอุ่นใจเลย ทว่านอกจากส่งคนไปตามหาเพิ่มแล้ว นางก็คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เรื่องเหมือนใกล้จะจบลง คุณหนูซูเจอเหตุโจรกรรมจึงกลายเป็นประเด็นพูดคุยสดใหม่ที่สุดในเมืองหลวงอวิ๋น จึงเป็นที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ดังนั้นญาติมิตรของตระกูลซู และตระกูลที่มักจะไปมาหาสู้กันบ่อยๆ ก็ส่งคนมาเยี่ยมเยียน หลายวันมานี้ เหลียงฮูหยินจึงยุ่งเป็นพิเศษ
ทางฝั่งนี้กำลังยุ่งวุ่นวาย ส่วนจวนเหยาเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างเช่นกัน บุตรในครรภ์ของหนิงฮูหยินน้อยมาช้ากว่าวันกำหนดคลอดไปสิบวัน
เหยาเยี่ยนอวี่ได้รับข่าวคราวหลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ เว่ยจางกำลังเดินย่อยอยู่ในสวนเป็นเพื่อนนางอยู่ ช่วงเวลานี้ชีวิตของเหยาเยี่ยนอวี่เป็นระบบระเบียบ หลังมื้อค่ำทุกวันก็จะเดินย่อยเป็นเวลาหนึ่งเค่อ หลังจากนั้นค่อยกลับไปออกกำลังกายแปดท่าเพื่อปรับชี่ของตน ถึงแม้นางไม่คาดหวังว่าประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ ทว่าเพื่อร่างกายของตนเองก็จำเป็นต้องทำเช่นนี้
เหยาเหยียนอี้ส่งคนไปบอกว่าหนิงฮูหยินน้อยคลอดบุตรแล้ว และเชิญคุณหนูรองไปที่จวน เหยาเยี่ยนอวี่ปลาบปลื้มใจมาก จึงรีบเก็บข้าวของออกจวน เว่ยจางไม่วางใจ จึงส่งนางไปด้วยตัวเอง
ตอนที่สองสามีภรรยาถึงจวนเหยา เหยาเฟิ่งเกอก็พาบุตรีมาถึงแล้ว นางมาตั้งแต่ตอนบ่าย ตอนนั้นหนิงฮูหยินน้อยเพิ่งจะรู้สึกปวดท้อง จึงส่งคนไปตามรับเหยาเฟิ่งเกอมา ถึงแม้เหยาเยี่ยนอวี่รู้ทักษะการแพทย์ ทว่าเหยาเฟิ่งเกอก็มีประสบการณ์คลอดบุตรมากกว่า
เหตุเพราะเป็นครรภ์ที่สองของหนิงฮูหยิน นางกลับไม่ได้กังวลใจอะไร เพียงแค่กลัวว่าแม่นมจะดูแลบุตรที่เพิ่งคลอดออกมาได้ไม่ดีพอ เหยาเหยียนอี้เองก็เป็นบุรุษ คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นส่งคนไปรับเหยาเฟิ่งเกอมาตั้งแต่เนิ่นๆ