หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 411 คดีลับถูกเปิดโปง ติ้งโหวโมโหดั่งเพลิงกาล (1)
ตอนที่ 411 คดีลับถูกเปิดโปง ติ้งโหวโมโหดั่งเพลิงกาล (1)
ว่าไปแล้วก็ถือว่าสวรรค์คุ้มครองตระกูลเหยา ครรภ์นี้ของหนิงฮูหยินก็ลุล่วงไปอย่างราบรื่น ทารกน้อยออกจากครรภ์ด้วยเสียงร้องไห้ หมอตำแยออกมาแจ้งข่าวดีอย่างรื่นเริงยินดี “ยินดีด้วยกับใต้เท้า ยินดีด้วยกับคุณหนูรองเจ้าค่ะ ได้บุตรชาย! ทั้งมารดาและบุตรปลอดภัยเจ้าค่ะ”
เหยาเฟิ่งเกออดพนมมือกราบไหว้สวรรค์ไม่ได้ “อมิตาภพุทธ! พระพุทธเจ้าทรงปกปักรักษาจริงๆ!”
หลังจากต้นตระกูลมีทายาทสืบทอดแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่ย่อมรู้สึกดีใจอย่างยิ่งอยู่แล้ว จึงสั่งการชุ่ยเวยซ้ำแล้วซ้ำเล่า “รีบส่งน้ำแกงบำรุงให้พี่สะใภ้ที ให้นางดื่มแล้วนอนพัก”
ชุ่ยเวยพลันรับคำแล้วจากไป เหยาเฟิ่งเกอสั่งให้คนไปอุ้มทารกน้อยมา แล้วสังเกตมองอย่างละเอียด เหยาเยี่ยนอวี่มองทารกที่กำลังทำหน้ายับ จึงพูดยิ้มๆ “พี่สาวว่าเหมือนใคร”
เหยาเฟิ่งเกออุ้มเด็กน้อยแล้วพูดอย่างปลาบปลื้ม “เหมือนพี่รอง”
เหยาเหยียนอี้ที่ไปดูอาการหนิงฮูหยินน้อยเสร็จและเดินมาฝั่งนี้ จึงได้ยินคำพูดของเหยาเฟิ่งเกอ แล้วพูดยิ้มๆ “ให้ข้ามองบุตรชายของข้าหน่อยสิ”
เหยาเฟิ่งเกอพลันอุ้มทารกให้เหยาเหยียนอี้ทันที เว่ยจางเข้ามาทีหลัง มองทารกที่ห่อหุ้มด้วยผ้าสีแดง นัยน์ตาเป็นประกายทันที จากนั้นก็หันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่ได้สนใจ นางมัวแต่คิดถึงแต่ทารกน้อยเท่านั้น แม่ทัพเว่ยจึงอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ แล้วละสายตาไปทางอื่น
เหตุเพราะเวลาล่วงเลยไปแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อยากเดินทางไปกลับ นางกับเว่ยจางเลยค้างแรมในเรือนที่เคยอาศัยก่อนออกเรือน อย่างไรเครื่องใช้ทุกอย่างก็ครบครัน หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ สองสามีภรรยาก็ขึ้นเตียง พอนอนลงเหยาเยี่ยนอวี่ไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย เว่ยจางมองนางลืมตามองเพดานมุ้งจึงเอ่ยถาม “เจ้ายังไม่เหนื่อยหรือ”
“อืม ก็เหนื่อยอยู่ แต่กลับนอนไม่หลับ” พี่ชายและพี่สาวต่างมีบุตรของตนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุตรชายหรือบุตรีก็ดี อย่างไรก็ถือว่ามีที่พึ่งพิงแล้ว ทว่าตนเอง…
ร่างกายของตนเป็นอย่างไร ตนรู้ดีแก่ใจ ตอนนี้ดูจากที่นางกระโดดโลดเต้น และเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ ทั้งยังเที่ยวรักษาผู้ป่วยไปทั่ว และได้รับการเรียกขานเป็นหมอเซียนที่รักษาได้ทุกโรค ทว่าหลังจากที่มดลูกของนางได้รับบาดเจ็บก็ไม่เหมือนเดิม สำหรับสตรีคนหนึ่งมันมีความหมายโดยนัยอะไรแอบแฝง นางที่เป็นหมอจะไม่รู้ได้อย่างไร
“เป็นอะไรไป” เว่ยจางหันไปมองนาง
“เฮ้อ! พี่รองของข้ามีบุตรชายเสียที” เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจเบาๆ
“เช่นนั้น” เว่ยจางก็ยิ้มและถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าข้าจะมีบุตรชายได้เมื่อไหร่”
คำพูดนี้กล่าวออกมา เหยาเยี่ยนอวี่ที่เบิกตากว้างในตอนแรกกลับค่อยๆ หรี่ตาลง สีหน้าค่อยๆ หม่นหมองไป ดูไร้ชีวิตชีวาทันที “เหนื่อยแล้ว หลับเถอะ” นางพลิกตัวหันไปอีกด้านแล้วดึงผ้าห่มคลุมตนเอง
นี่ทำให้เห็นชัดเจนว่ากำลังโกรธเคือง หากเว่ยจางหลับไปอย่างเชื่อฟังนาง ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ยังจะกล้าตื่นนอนไหม “ฮูหยิน อย่าเพิ่งหลับสิ” เว่ยจางยื่นมือมาจับไหล่นาง
“ข้าง่วงแล้ว มีอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้เถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อยากหันกลับไป นางไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนี้อย่างไร จะบอกเขาตรงๆ ว่าตอนนี้นางไม่ควรมีบุตร? หรือจะหาเหตุผลอื่นมาปฏิเสธกลับไปก่อน? นางไม่ใช่คนที่มีหัวใจใหญ่โตมีเจ็ดห้อง และไม่อาจคิดข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบได้ ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่ด้านหลังเป็นคนที่ตนสนใจที่สุดในชีวิตนี้ นางสาบานแล้วว่าจะมอบความจริงใจให้คนผู้นี้
“ขอโทษ” เว่ยจางขยับไปใกล้นาง แล้วยกมือจับศีรษะเพื่อให้นางเข้ามาซบตรงไหล่ของตน “ข้าเองที่ไม่ดี”
“ไม่ใช่” เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยเสียงอู้อี้ เหตุเพราะหน้าของตนถูกปกคลุมด้วยผ้าห่ม
“ข้าเคยถามหมอหลวงหลี่ เขาก็บอกว่าร่างกายของเจ้าตอนนี้ไม่เหมาะแก่การตั้งครรภ์ นี่ล้วนเป็นเพราะข้า…” น้ำเสียงของเว่ยจางแหบพร่า ทั้งยังเคล้าด้วยความรู้สึกผิด “ข้าต้องขอโทษเจ้าต่างหาก เกิดเป็นบุรุษ ข้าปกป้องภรรยาให้ดีไม่ได้ กลับให้เจ้ามาบังลูกไม้แทนข้า…”
เหยาเยี่ยนอวี่อดหันไปหาเขาไม่ได้ เปรยด้วยเสียงต่ำ “ข้าเองที่ไม่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์มากพอ ปกติรักษาคนโน้นคนนี้ได้ กลับรักษาโรคตนเองไม่ได้”
เว่ยจางจับใบหน้าของนางเบาๆ “ไม่ ไม่ใช่ว่าเจ้ารักษาไม่ได้ ร่างกายของเจ้ายังต้องการเวลาเลี้ยงชี่ หมอหลวงหลี่บอกแล้ว หากมดลูกได้รับบาดเจ็บ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาปีสองปีถึงจะมีบุตรได้ พวกเรายังอายุไม่มาก ไม่ต้องรีบร้อนอะไร คำพูดเมื่อครู่ของข้า ก็แค่หยอกล้อเจ้าเท่านั้น ดูเจ้าสิ กลายเป็นคนน้อยใจเก่ง เจ้ามีอารมณ์เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
เขาพูดเช่นนี้ กลับเป็นพลังปลอบโยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเหยาเยี่ยนอวี่อย่างไร้ข้อสงสัยใด ร่างกายของตน ตนต้องบำรุงรักษาเอง ไม่ว่าอย่างไร ปีสองปีก็ยังเพียงพอ พวกเรายังอายุไม่มาก อย่างไรก็มีบุตรได้อยู่แล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าพลางขยับเข้าไปในอ้อมกอดของเขาพร้อมหลับตาหลับไปด้วยความสุขใจ
วันที่สองคือเทศกาลฤดูหนาว เซียวหลินรับราชครูเซียวกลับจวนไปฉลองเทศกาล เหยาเยี่ยนอวี่ก็ถือโอกาสนี้พักผ่อนไปหนึ่งวัน
นางเพียงไม่มีกะจิตกะใจฉลองเทศกาล นางล้างหน้าแปรงฟันและแต่งกายเรียบร้อยตั้งแต่เช้าตรู่ นั่งรถไปจวนติ้งโหวเพื่อเยี่ยมเยียนซูอวี้เหิง
ถังเซียวอี้เอาสิ่งที่ได้จากการสอบสวนใส่ในซองจดหมายแล้วส่งให้เหยาเยี่ยนอวี่
ด้านในมีอะไร เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่รู้ ทว่านางกลับเข้าใจว่าจดหมายนี้สำคัญต่อซูอวี้เหิง แม้กระทั่งกล่าวได้ว่าสำคัญต่อจวนติ้งโหว
การจากไปขององค์หญิงต้าจั่ง นางเป็นคนแรกที่สงสัย ในวันที่สองที่องค์หญิงต้าจั่งจากไป นางก็สงสัยเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่าเรื่องเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ นางเลยไม่กล้าพูดจาเรื่อยเปื่อยแม้แต่คำเดียว
เรื่องโจรกรรมช่วงก่อนทำให้ซูอวี้เหิงรู้สึกหวาดผวาจนขวัญเสีย ทุกวันนี้ไม่กล้าออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว เพียงเฝ้ารอข่าวคราวจากเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความสงบใจเท่านั้น
และวันนี้ เหยาเยี่ยนอวี่ใช้ข้ออ้างว่าเป็นห่วงเป็นใยสุขภาพร่างกายของสหายคนสนิท เลยไปเยี่ยมเยียนถึงจวน ในสายตาของผู้อื่นก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ตอนที่ข้ารับใช้เข้ามารายงานว่า ‘ฮูหยินแม่ทัพฝู่กั๋วมาเยี่ยม’ เหลียงฮูหยินกำลังตรวจบัญชีสิ้นปีของเรือนตนเอง ดังนั้นพลันบอกให้พ่อบ้านที่มารายงานตรงหน้าออกไป แล้วสั่งให้คนมาเก็บสมุดบัญชี ตนจัดระเบียบเสื้อผ้าเสร็จก็ออกไปต้อนรับ
เหลียงฮูหยินมีฐานันดรศักดิ์ไม่ต่ำต้อย แม้ซูกวงหลิงจะไม่มีตำแหน่งเจวี๋ย ทว่าก็ถือเป็นขุนนางขั้นสอง ตำแหน่งของเหลียงฮูหยินที่ตามสามี ก็นับได้ว่าเป็นฮูหยินขั้นที่สองเช่นกัน ทว่านอกจากที่เว่ยจางจะเป็นแม่ทัพใหญ่ขั้นที่สองแล้ว ก็ยังมีตำแหน่งเป็นจวิ้นปั๋ว เหยาเยี่ยนอวี่ที่มีฐานะเป็นหมอหลวงขั้นสามอยู่แล้ว เวลานี้ยังได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ เหลียงฮูหยินก็ไม่อาจอวดดีกับนางได้
“คนร่ำลือกันว่าพวกเจ้าเป็นสหายที่มีความสัมพันธ์ดียิ่ง ก่อนหน้านี้ข้าไม่เชื่อ วันนี้พอเห็นฮูหยินเป็นเช่นนี้ วันข้างหน้าเหิงเอ๋อร์ออกเรือน ข้าก็รู้สึกวางใจที่มีเจ้าคอยดูแลแล้ว” เหลียงฮูหยินพูดยิ้มๆ
เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินวางใจเถอะ รองแม่ทัพถังหมายดองเหิงเอ๋อร์จากใจจริง พวกเขาสองคนต่างชื่นชอบดนตรี ว่าไปแล้วก็ถือเป็นคู่สร้างคู่สม”
เหลียงฮูหยินกล่าวว่าใช่อย่างต่อเนื่อง แล้วสั่งให้สาวใช้คนสนิทของตนส่งเหยาเยี่ยนอวี่ไปเรือนของซูอวี้เหิง พลางกุมมือเหยาเเยี่ยนอวี่พูดว่า “ฮูหยินไปที่เรือนเหิงเอ๋อร์ก่อนเถอะ ข้าสะสางงานเสร็จจะรีบตามไป”
เหยาเยี่ยนอวี่ตอบกลับด้วยอมยิ้ม แล้วสาวใช้ก็นำทางนางไปที่เรือนของซูอวี้เหิง
ซูอวี้เหิงห่มผ้าพิงอยู่บนตั่งไม้ กำลังเย็บถุงบุหงาอยู่ ได้ยินเสียงจั๋วอวี้กำลังน้อมคำนับอยู่ด้านนอก “บ่าวน้อมคำนับฮูหยินเจ้าค่ะ” นางยังนึกว่าเหลียงฮูหยินมาเยือนเสียอีก จึงวางเข็มและด้ายในมือลง แล้วลงจากตั่งไม้พลางสวมรองเท้าเดินไปด้านนอก