หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 412 คดีลับถูกเปิดโปง ติ้งโหวโมโหดั่งเพลิงกาล (2)
ตอนที่ 412 คดีลับถูกเปิดโปง ติ้งโหวโมโหดั่งเพลิงกาล (2)
ม่านประตูเลิกขึ้น เหยาเยี่ยนอวี่ในชุดกระโปรงสีม่วงและทับด้วยเสื้อคลุมขนนกยูงเข้ามาด้วยรอยยิ้มจางๆ ทำให้คุณหนูสามซูตื่นตะลึงด้วยความดีใจ
“พี่เหยา!” ซูอวี้เหิงตื่นตะลึงเสร็จก็เดินหน้าไป แล้วยื่นมือไปโอบไหล่ของเหยาเยี่ยนอวี่ “พี่เหยามาเสียที!”
“เฝ้าคะนึงถึงข้าจวนจะขาดใจแล้วใช่ไหม” เหยาเยี่ยนอวี่บีบแก้มของซูอวี้เหิงแล้วพร่ำบ่น “ผอมไปมากเช่นนี้ ระวังรองแม่ทัพของพวกเราจะไม่ปลื้มเอาล่ะ”
“พี่เหยาพูดจาขบขันอีกแล้ว” ซูอวี้เหิงเขินจนแก้มแดง
จั๋วอวี้พลันสั่งให้เหล่าสาวใช้ชั้นล่างเอาผลไม้มา ตนไปเอาน้ำชาให้เหยาเยี่ยนอวี่ ซูอวี้เหิงดึงเหยาเยี่ยนอวี่เข้าไปในเรือน ทั้งสองนั่งบนตั่งไม้อุ่น ไม่นานก็มีน้ำชา ของว่างหลากหลายชนิด ผลไม้แช่อิ่มและผลไม้สดค่อยๆ จัดวางบนโต๊ะ
เหยาเยี่ยนอวี่สั่งจั๋วอวี้ด้วยรอยยิ้ม “วันนั้นตอนเจ้าอาศัยอยู่ในจวนของข้า ข้าชมว่าเจ้าถักเชือกได้เก่งมาก วันนี้จึงพาเซียงหรูมาฝึกโดยเฉพาะ รบกวนเจ้าสอนนางที ที่นี่ก็ไม่ต้องการคนคอยปรนนิบัติแล้ว ข้ากับคุณหนูของพวกเจ้าจะพูดคุยเล่นกัน พวกเจ้าออกไปข้างนอกเถอะ”
จั๋วอวี้ตอบตกลงพลางถอยออกไป พร้อมทั้งปิดประตูให้เรียบร้อย นางจึงเอาเชือกไปนั่งถักเปียกับเซียงหรูที่หน้าประตู
ซูอวี้เหิงรอให้ประตูปิดสนิท รอยยิ้มบนใบหน้าก็จืดจางไป เร่งจับมือของเหยาเยี่ยนอวี่พร้อมเอ่ยถามเสียงเบาทันที “พี่เหยา ท่านรองแม่ทัพถังมีคำพูดอะไรฝากมาให้ข้าหรือไม่”
เหยาเยี่ยนอวี่หยิบจดหมายในแขนเสื้อออกมายื่นให้ซูอวี้เหิง “เจ้าดูเองเถอะ”
ซูอวี้เหิงรับจดหมายแล้วเปิดออกอย่างร้อนใจ จากนั้นคลี่กระดาษที่พับไว้หลายแผ่นพร้อมอ่านอย่างเร่งรีบไปหนึ่งรอบ ยังไม่ทันอ่านจบก็กัดฟันกรอดพลางเปรย “กลับเป็นเหลียนรุ่ย! บุตรชายของเหลียหมัวมัว!”
“เหลียนรุ่ย? สั่งให้โจรพวกนั้นมาสังหารเจ้าหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่คุ้นชื่อเหลียนรุ่ย ทว่านางรู้ว่าเหลียนหมัวมัวคือใคร
“ใช่” ซูอวี้เหิงเครียดจนสีหน้าเปลี่ยนไป “เหลียนรุ่ยให้เงินสองพันตำลึงกับคนพวกนั้น! นางทำลงคอจริงๆ!”
“ใช้เงินสองพันตำลึงซื้อชีวิตเจ้า?” เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินคำพูดนี้ก็เครียดไม่เบา ในสายตาของคนพวกนี้ ชีวิตคนถือว่าเป็นอะไรกันแน่ สตรีเฉกเช่นซูอวี้เหิงถือว่าเป็นลูกผู้ลากมากดี ในสายตาของพวกเขามีค่าเพียงแค่สองพันตำลึงเท่านั้นหรือ
“ไม่ใช่สังหารข้า” ความโกรธบนใบหน้าของซูอวี้เหิงยังไม่ลดลง แล้วยกมือยื่นจดหมายสองสามแผ่นให้เหยาเยี่ยนอวี่ พร้อมพูดด้วยเสียงต่ำ “จะสังหารจือเซียง”
เหยาเยี่ยนอวี่รับจดหมายมาอ่านคร่าวๆ ดั่งคาด เป้าหมายของโจรเหล่านั้นคือสาวใช้ชั้นล่างคนนั้น ถึงแม้ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่จะไม่แบ่งแยกชีวิตคนว่าสูงส่งหรือต่ำต้อย ทว่าจือเซียงเพียงคนเดียวจะทำให้พวกเขายอมทุ่มเทเช่นนี้เลยหรือ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “จือเซียงรู้เรื่องวงในอะไรหรือ”
ซูอวี้เหิงยิ้มอย่างขมขื่น “นางไม่รู้อะไรเลย ตอนนั้นก่อนองค์หญิงต้าจั่งจะจากไป นางไปทำข้าวต้มอยู่ในโรงครัว”
“เช่นนั้นพวกเขาไม่ใช่ว่ายิ่งปิดยิ่งฉาวโฉ่หรือ”
“แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีหลักฐานอยู่ดี” ซูอวี้เหิงเปรยอย่างจนปัญญา
ดังนั้น ถังเซียวอี้สอบสวนโจรพวกนี้จนจบ ก็ตามหาตัวเขาจนเจอจากคำสารภาพของโจรพวกนั้นล้วลอบจับกุมตัวเหลียนรุ่ยเอาไว้
ทว่าเหลียนรุ่ยเชื่อมไปถึงจวนองค์หญิงต้าจั่งไม่ได้อยู่แล้ว มากสุดเขาก็เป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งที่ช่วยดูแลร้านค้าด้านนอกแทนลู่ฮูหยิน ต่อให้เป็นสามลัทธิเก้าอาชีพ เขาก็ไม่มีทางไม่คบหาอยู่แล้ว อีกอย่างนี่ก็ห่างไกลจากเรื่องขององค์หญิงต้าจั่งมาก
สืบเรื่องทุจริตที่ลู่ฮูหยินทำจากเหลียนรุ่ยได้ ทว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับการจากไปขององค์หญิงต้าจั่ง
เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดอย่างละเอียดสักพัก จู่ๆ ก็ยิ้มเย็นชา “อันที่จริง ถ้าอยากทำให้เรื่องนี้โจ่งแจ้งก็ไม่ยาก พวกเราใช้เหลียนรุ่ยตามตัวเหลียนหมัวมัวมา ข้าคิดว่าคนอื่นอาจไม่รู้เรื่องเลวทรามพวกนั้น ทว่าเหลียนหมัวมัวต้องรู้แน่นอน”
“ใช่!” แววตาของซูอวี้เหิงเป็นประกายขึ้นมาทันที
เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือตบมือของนาง แล้วเกลี้ยกล่อม “อีกอย่าง ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้เจ้าทำคนเดียวไม่ได้ เจ้าต้องปรึกษาหารือกับบิดาเจ้าด้วย”
“ข้ารู้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะเอ่ยอย่างไรดี” ซูอวี้เหิงเปรยด้วยความลำบากใจ “ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อข้า แล้วต่อว่าข้าไม่เห็นผู้ใหญ่ในสายตา นี่ค่อยยังดี ข้ายิ่งกลัวว่าบิดาจะเชื่อข้าแล้วทำเรื่องไม่คาดคิด ต้องรู้ว่า นี่เป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นทำลายตระกูลได้”
“แม้กระทั่งเจ้ายังนึกถึงเรื่องล้างตระกูล แล้วบิดาของเจ้ายังนึกไม่ถึงได้อย่างไร” เหยาเยี่ยนอวี่เกลี้ยกล่อมด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเองก็สืบเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว จะเอาอย่างำรต่อ เจ้าคิดจะทำอะไร ฐานะของเจ้าในที่นี่ จะเอาผิดนางเพียงคำพูดประโยคเดียวได้หรือ เจ้าไม่ใช่ว่าต้องพึ่งพาอาศัยบิดาเจ้าและท่านโหวหรือ”
ซูอวี้เหิงพยักหน้า “พี่เหยากล่าวได้ไม่ผิด ข้าเพียงไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากพูดกับบิดาอย่างไรดี”
เหยาเยี่ยนอวี่ขบคิด แล้วเอ่ยถาม “ฮูหยินรองรู้หรือยัง”
“อืม ข้าบอกความคิดของตนเองให้นางแล้ว ทว่านางกลัวมากจนลนลานไปหมด”
“เช่นนั้นถึงตอนนี้นางคงยังไม่บอกบิดาเจ้าใช่ไหม เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ลนลานอย่างแท้จริง”
ซูอวี้เหิงพยักหน้าอีกครั้ง “พี่เหยากล่าวถูก”
“ดังนั้น เรื่องนี้เจ้าอย่าแบกรับคนเดียวต่อไปอีก องค์หญิงต้าจั่งคือเสด็จย่าของเจ้า และเป็นมารดาของท่านโหวและบิดาเจ้า พวกเขาสองคนจะนั่งนิ่งดูดายกับเรื่องนี้ได้อย่างไร!”
“ข้าจะทำตามพี่เหยาพูด”
“เจ้าต้องจำไว้ ใต้หล้านี้มีเรื่องให้คอยเคร่งเครียดอยู่มากมาย และเจ้าไม่จำเป็นต้องแบกรับไว้ตามลำพัง ตรงไปตรงมาน่ะเป็นเรื่องดี ทว่าเจ้าก็ต้องฝึกให้คนข้างกายเจ้ามาเข้าข้างเจ้า ช่วยเหลือเจ้า ร่วมมือกับเจ้า เจ้าไม่ควรปล่อยให้ตัวเองยืนด้วยลำแข้งตนโดยไร้ความช่วยเหลือ นั่นไม่ใช่วิธีที่ชาญฉลาด ห้ามทำเช่นนั้นเด็ดขาด เข้าใจไหม”
ซูอวี้เหิงได้ยินคำพูดของเหยาเยี่ยนอวี่แล้วก็นิ่งงันไปสักพัก จากนั้นลุกขึ้นเดินออกจากตั่งไม้ แล้วโค้งลำนับเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความจริงใจ “คำพูดของพี่เหยา เหิงเอ๋อร์จดจำไว้ในใจแล้ว”
“เอาละ! ข้าก็แค่พูดไปตามเนื้อเรื่องเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้าคนเดียวอยู่แล้ว เจ้ากลับดื้อดึงที่จะแบกรับไว้คนเดียว นี่ไม่โง่เขลาไปหน่อยหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ยกมือหยิบส้มเช้งมาหนึ่งลูก แล้วยื่นมือไปหามีด
ซูอวี้เหิงหันไปเอามีดใบเล็กอยู่ในตู้ด้านหลัง แล้วพูดว่า “เดี๋ยวข้าปอกเอง”
“ให้ข้าปอกเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือขอมีดมาด้วยรอยยิ้มจางๆ
ซูอวี้เหิงพูดยิ้มๆ “มือของพี่เหยาเอาไว้รักษาคน เรื่องเล็กน้อยนี้ให้น้องสาวทำเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่เพียงยิ้มแล้วยื่นส้มเช้งให้นาง ซูอวี้เหิงเอาผ้าเช็ดมีด แล้วหั่นส้มเช้งเป็นชิ้นๆ วางบนจานแก้วผลไม้ จากนั้นก็ยื่นให้ด้วยรอยยิ้ม “จานที่พี่เหยาให้คนทำ สวยมากจริงๆ” เรื่องที่กังวลใจที่สุดในใจของซูอวี้เหิงถูกเหยาเยี่ยนอวี่แก้ไขไปแล้ว เวลานี้นางจึงร่าเริงขึ้นมาทันที อารมณ์พลอยดีตามไปด้วย
“อืม ประเดี๋ยวพวกเขาจะทำจานแบบใหม่ ทำเสร็จจะให้เป็นสินเดิมเจ้าสาวเจ้าหนึ่งชุด”
“ข้าได้ยินว่าพี่เหยาสร้างจวนใหม่ข้างจวนรองแม่ทัพเฮ่อหรือ”
“เป็นเช่นนั้น พวกเขาเอาภาพวาดโครงร่างจวนให้เจ้าดูหรือยัง ข้าจำได้ว่าเคยสั่งไปแล้ว ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเชื่อฟังคำสั่งหรือไม่”
“พ่อบ้านเอกฉังเหมาให้คนเอามาให้ข้าดูแล้ว อีกทั้งยังบอกว่า จวนนั่นสร้างด้วยเงินส่วนตัวของพี่เหยา น้องสาวไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรจริงๆ” ซูอวี้เหิงเขินอายจนหน้าแดงทันที