หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 413 คดีลับถูกเปิดโปง ติ้งโหวโมโหดั่งเพลิงกาล (3)
ตอนที่ 413 คดีลับถูกเปิดโปง ติ้งโหวโมโหดั่งเพลิงกาล (3)
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รอคอยเวลาที่ได้เป็นเจ้าสาวอย่างสบายใจก็พอ”
ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตาแล้วหัวเราะใส่กัน เสียงหัวเราะร่าเริงลอดผ่านม่านประตูหนาไปด้านนอก เสียงของเหลียงฮูหยินดังมาจากนอกประตู “พวกเจ้าสองคนนั่งถักเชือกอยู่ที่นี่ทำไม อากาศหนาวเช่นนี้ ไม่กลัวมือแตกหรือ”
ซูอวี้เหิงและเหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้นจากตั่งไม้ เหลียงฮูหยินก็เดินเข้าประตูแล้ว เพราะเหตุนี้จึงพูดขึ้นยิ้มๆ “พวกเจ้าสองคนคุยอะไรกัน ถึงได้สนุกสนานเช่นนี้ เหิงเอ๋อร์ไม่ได้ยิ้มมาหลายวันแล้ว”
“ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร คนพวกนั้นติดกับดักแล้ว ว่ากันว่ากรมอาญาได้ตัดสินคดีไปแล้ว เพียงรอพระราชโองการของฝ่าบาทเท่านั้น” เหยาเยี่ยนอวี่ปลอบโยน “น้องสาววางใจได้เลย”
เหลียงฮูหยินพยักหน้า “คำพูดนี้ของฮูหยินกล่าวถูกอย่างมาก อย่างไรเหิงเอ๋อร์ยังเด็ก ไม่ได้พิจารณาปัญหาต่างๆ ได้เหมาะสมเท่าฮูหยิน”
พวกนางจึงพูดคุยเรื่องมีสาระและไร้สาระไปสักพัก เหตุเพราะเหลียงฮูหยินถามว่าพี่สะใภ้รองของนางจะคลอดบุตรเมื่อไหร่ เหยาเยี่ยนอวี่จึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่าคลอดแล้ว
เหลียงฮูหยินพลันแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้มชื่นบาน แล้วถามว่าได้บุตรชายหรือบุตรี พอได้ยินว่าได้บุตรชายจึงพูดด้วยความดีใจ “รอให้คุณชายน้อยครบหนึ่งร้อยวัน ข้าต้องไปดื่มสุราแสดงความยินดีแน่นอน”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “แน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องส่งเทียบเชิญให้ทางจวนตั้งแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว”
“เช่นนั้นข้าต้องเตรียมของขวัญรับคุณชายน้อยให้พร้อมแล้วละ”
ทั้งสามต่างคลี่ยิ้ม พอเห็นว่านี่ก็ใกล้เวลามื้อเที่ยง เหลียงฮูหยินจึงสั่งให้ข้ารับใช้ส่งอาหารมาให้ในเรือนของซูอวี้เหิง นางก็นั่งเป็นเพื่อนสักพัก ก็มีผัวจื่อเข้ามารายงาน ดังนั้นนางเลยจากเรือนไปก่อน ก่อนจะจากไปยังบอกให้พวกนางสองคนกินอาหารและพูดคุยกันไปช้าๆ
เหยาเยี่ยนอวี่และซูอวี้เหิงลุกขึ้นส่งเหลียงฮูหยินไปที่ประตูพร้อมกัน จากนั้นก็กลับลงไปนั่งต่อ
หลังจากกินอาหารมื้อหนึ่งเสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่ก็กล่าวอำลากับซูอวี้เหิงแล้วกลับจวนเหยาไปดูทารกน้อยของหนิงฮูหยินน้อย หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จถึงจะกลับจวนแม่ทัพ
กลับกล่าวถึงถังเซียวอี้ที่ยุ่งกับราชกิจและงานส่วนตัวเสร็จ ตอนนี้ก็กลับจากด้านนอก บังเอิญผ่านจวนหลังใหม่ที่เหยาเยี่ยนอวี่สร้างให้ตนเองพอดี
เดิมทีที่นี่เป็นเรือนเก่าชำรุดของชาวบ้าน ก่อนหน้านี้นอกจากมีแม่หม้ายอายุมากอาศัยอยู่แล้ว ของสิ่งอื่นก็ถูกขนออกจากที่นี่จนเกลี้ยง เหยาเยี่ยนอวี่ให้ฉังเหมาซื้อที่ดินผืนนี้ แล้วจะรื้อเรือนเก่าชำรุดนี้ทิ้งให้กลายเป็นพื้นที่ราบ จากนั้นค่อยปรับฐานที่ดิน แล้วเริ่มสร้างจวนขุนนางใหญ่ที่มีประตูเข้าและออกสามชั้น
ฉังเหมายุ่งมาถึงตอนนี้ และสั่งให้คนไปรื้อเรือนเก่า เรือนเก่าแต่ละหลังถูกรื้อออก สภาพตอนนี้ไม่เป็นระเบียบ ถังเซียวอี้ดึงบังเหียนม้าจนตึงแล้วมองสักพัก ประจวบเหมาะกับฉังเหมาเดินมาจากฝั่งโน้นพอดี ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยขึ้น “ทำงานหนักจริงๆ”
“แหม คุณชายรองพูดอะไรอยู่ ฮูหยินเอาเงินมาให้บ่าวแล้ว บ่าวไม่รีบดำเนินการได้อย่างไร หรือว่าบ่าวจะกล้าโกงเงินของนายหญิง?”
ถังเซียวอี้ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “จะทำงานหนักไปไยกัน ไม่แน่สร้างมาก็อาจไม่ได้ใช้งานเลยก็ได้”
“อย่าพูดเช่นนี้สิ!” ฉังเหมาพูดขึ้นยิ้มๆ “บ่าวได้ยินว่าฮูหยินกำหนดวันสมรสให้คุณชายรองไปแล้ว ดังนั้นบ่าวถึงได้รีบมาปลูกจวนให้คุณชายรอง คุณชายรองวางใจเถอะ บ่าวจะทำงานอย่างหนัก ไม่มีทางทำให้งานปลูกจวนของท่านล่าช้าไปแน่นอน”
ถังเซียวอี้ยกยิ้มจางๆ แล้วถามกลับ “ฟังจากคำพูดเจ้า เจ้ารู้หรือว่าข้าได้สมรสกับสตรีจวนใด”
“แหม คุณชายรองไม่รู้หรือ” ฉังเหมาส่ายหัว แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มซื่อตรง
ถังเซียวอี้แค่นเสียงไม่พอใจ “ข้ารู้แล้วจะถามเจ้าไปไยกัน”
“แม้แต่ใครท่านยังไม่รู้ บ่าวก็ยิ่งไม่รู้น่ะสิ เหอะๆ…” พ่อบ้านเอกฉังเหมายิ้มซื่อ
ถังเซียวอี้ยกแส้ม้าตีท้ายทอยของฉังเหมาหนึ่งที กล่าวต่อว่า “แล้วเจ้ายังจะพูดจาเหลวไหวอีก! แม้แต่สตรีจากตระกูลใดเจ้าก็ยังไม่รู้ แล้วจะรู้ว่าวันกำหนดงานสมรสได้อย่างไร?”
“ข้าได้ยินลุงเฝิงพูด คำพูดของผู้เฒ่าคนนั้นคงน่าเชื่อถือหรือเปล่า” ฉังเหมาอธิบายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาจะไปรู้ว่าสตรีจากตระกูลใดได้อย่างไร แม้กระทั่งคุณชายรองยังไม่รู้เลย ใต้หล้ามีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ งานสมรสก็กำหนดไว้แล้ว เจ้าบ่าวกลับไม่รู้ว่าเจ้าสาวคือใครกระนั้นหรือ
“พอเถอะ ไสหัวไปได้แล้ว” ถังเซียวอี้ไม่มีกะจิตกะใจฟังอะไรอีกต่อไป จึงเร่งม้ามุ่งหน้าไปที่จวนแม่ทัพ
และกล่าวถึงซูอวี้เหิงที่ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเหยาเยี่ยนอวี่ ตอนกลางคืนจึงปรึกษาหารือกับเหลียงฮูหยินอย่างละเอียด ทั้งยังเอาจดหมายที่ถังเซียวอี้ฝากมาให้เหลียงฮูหยินเอาไปให้ซูกวงหลิง
ซูกวงหลิงได้ยินคำพูดของเหลียงฮูหยิน ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ เขาชักดาบที่แขวนบนผนังจะไปสังหารลู่ฮูหยินเดี๋ยวนี้ เหลียงฮูหยินห้ามปรามไว้ด้วยความลำบาก จากนั้นก็บอกว่าหากทำเช่นนี้ คนหลายร้อยชีวิตของตระกูลซูต้องถูกสังหารจนหมด ซูกวงหลิงถึงจะใจเย็นลง ภายใต้คำพูดห้ามปรามของเหลียงฮูหยิน ซูกวงหลิงจึงพยายามอดกลั้นความโมโหในใจไปชั่วครู่ แล้วสั่งให้ซูอวี้เหิงมาพบ จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างละเอียด
ซูอวี้เหิงก็ปรึกษาหารือกับเหยาเยี่ยนอวี่แล้ว หลังจากคิดใคร่ครวญคำพูดที่จะเอ่ยภายในใจไปร้อยครั้ง ก็ค่อยๆ พูดออกมา เล่าตั้งแต่โจรจนถึงเหลียนรุ่ย เหลียนรุ่ยจวบจนถึงเหลียนหมัวมัว สุดท้าย สองพ่อลูกจึงปรึกษาและวางแผนการ
วันที่สอง ซูอวี้เหิงอ้างว่าจะไปน้อมคำนับลู่ฮูหยิน จึงไปเยือนเรือนของลู่ฮูหยิน จากนั้นก็ ‘บังเอิญ’ เจอกับเหลียนหมัวมัว เลยพูดคุยกับนางไปสองสามคำ จู่ๆ ก็เห็นผ้าเช็ดหน้าในมือของเหลียนหมัวมัว ด้วยเหตุนี้จึงพูดยิ้มๆ ว่า “หมัวมัว ผ้าผืนนี้ของเจ้าเย็บปักลวดลายได้น่าสนใจยิ่งนัก ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่”
เหลียนมัวมัวเป็นคนที่ไม่มากเรื่องอยู่แล้ว จึงยื่นผ้าตนเองไปให้ซูอวี้เหิง
ซูอวี้เหิงเอาไปดูแล้วพูดขึ้นต่อ “ผ้าสองด้านเย็บได้ประณีตยิ่งนัก ข้าอยากนำกลับไปปักตามดู ไม่รู้ว่าหมัวมัวจะยอมให้ผ้าผืนนี้หรือไม่”
เหลียนหมัวมัวพลันพูด “คุณหนูทำให้บ่าวลำบากใจจริงๆ นี่เป็นเพียงผ้าผืนเก่าที่บ่าวใช้บ่อยๆ หากคุณหนูชอบลวดลายเย็บปักของมัน บ่าวยังมีผืนใหม่ บ่าวจะไปเอาให้คุณหนูประเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ผืนนี้ก็ได้” ซูอวี้เหิงยื่นผ้าไปให้จั๋วอวี้ด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดต่อ “หากหมัวมัวเสียดาย เดี๋ยวข้าจะส่งผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ให้เจ้าหนึ่งโหล”
“คุณหนูพูดอะไรอยู่ ทุกอย่างที่บ่าวมีล้วนได้มาจากนายหญิง คุณหนูโปรดปราน ก็คือลาภอันประเสริฐของบ่าวแล้ว” เหลียนหมัวมัวพูดไปก็ค้อมลำตัวลง ตอนที่ยืดตัวตรง ซูอวี้เหิงก็พาจั๋วอวี้เดินไปไกลแล้ว
ซูอวี้เหิงเอาผ้าเช็ดหน้าที่เหลียนหมัวมัวใช้บ่อยๆ กลับไปให้ซูกวงหลิง
ซูกวงหลิงไม่รู้ว่าไปได้นิ้วมือหนึ่งมื้อที่ยังมีเลือดไหลมาจากไหน จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้ แล้วให้ซินฟู่ส่งไปให้ถังเซียวอี้
ถังเซียวอี้เป็นคนที่ฉลาดเช่นนั้น จึงจัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม เขาตัดนิ้วนางของเหลียนรุ่ยพร้อมกับแหวนบนนิ้วมือ แล้วสั่งให้คนส่งมาให้ซูกวงหลิง
ซูกวงหลิงได้รับนิ้วที่สวมแหวนของเหลียนรุ่ย แล้วสั่งให้เหลียงฮูหยินแอบตามเหลียนหมัวมัวมา
ตอนเหลียนหมัวมัวมา ภายในใจก็วิตกกังวลมาก ตลอดทางก็กำลังคิดว่าที่ฮูหยินรองตามตนเองไปนั้นมีเรื่องอะไร หลังจากเข้าไปถึงเรือนของเหลียงฮูหยิน กลับสังเกตเห็นว่านายท่านรองก็อยู่ มองจากใบหน้าดำคล้ำประดุจก้นหม้อของเขา เหลียนหมัวมัวจึงน้อมคำนับด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ซูกวงหลิงทำเสียงฮึดฮัด แล้วเอ่ยถามตรงไปตรงมา “ไม่เจอบุตรชายเจ้ามาหลายวันแล้ว ได้ข่าวว่าเขาไปส่งสินค้าร้านเครื่องหอมให้พี่สะใภ้ใหญ่หรือ เมื่อใดถึงจะกลับมาล่ะ”