หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 414 จวนติ้งโหวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (1)
ตอนที่ 414 จวนติ้งโหวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (1)
เหลียนหมัวมัวสั่นงันงกไปทั้งตับไตไส้พุง ทว่ากลับพยายามรักษาความสงบอย่างสุดกำลังที่มีแล้วตอบกลับว่า “เรียน…นายท่านรอง นี่บ่าวก็ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ”
“วันนี้มีคนส่งสิ่งนี้มาให้ข้า” ซูกวงหลิงพูดไป ก็ยกมือโยนผ้าเช็ดหน้าสีขาวเปื้อนเลือดไปให้ตรงปลายเท้าของเหลียนหมัวมัว
เหลียนหมัวมัวก้มตัวลงไปเก็บขึ้นมา ดูจากผ้าลวดลายเย็บปักของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น จึงรู้ว่าเป็นของบุตรชายตน หลังจากนั้นก็เปิดผ้าเช็ดหน้าออกด้วยมือสั่นเทา พอเห็นว่าด้านหลังเป็นนิ้วมือที่สวมแหวนพลอยสีเขียวก็หน้ามืดไปทันที จากนั้นก็ร้อง ‘บุตรชายของข้า’ แล้วล้มลงบนพื้น
ซูกวงหลิงมองเหลียงฮูหยินเพียงปราดเดียว เหลียงฮูหยินสาดชาที่เย็นแล้วใส่หน้าของเหลียนหมัวมัวไปหนึ่งถ้วย เหลียนหมัวมัวค่อยๆ ฟื้นขึ้นแล้วได้สติกลับมาทันที จากนั้นก็จับนิ้วที่ขาดนั้นพลางร้องไห้เสียงดัง
“เจ้าไม่ต้องร้องหรอก บุตรชายของเจ้ายังมีชีวิตอยู่” ซูกวงหลิงพูดอย่างเลือดเย็น “ทว่า หากวันนี้เจ้ากล้าพูดความเท็จแม้แต่คำเดียว ข้าย่อมมีวิธีสับเนื้อบุตรชายเจ้าไปป้อนสุนัข”
“นายท่านรองได้โปรดเมตตา!” เหลียนหมัวมัวพลันคุกเข่าลงบนพื้นแล้วคลานไปตรงหน้าซูกวงหลิงพร้อมทั้งน้อมก้มกราบลง “นายท่านรองให้บ่าวทำอะไร บ่าวจะทำเช่นนั้น ขอเพียงนายท่านรองปล่อยบุตรชายของบ่าว…บ่าวมีบุตรชายคนนี้เพียงคนเดียว! ฮือๆ…”
ซูกวงหลิงยกเท้าถีบนางหนึ่งที แล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “บุตรชายของเจ้าช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ทำเรื่องชั่วร้ายไปมากเพียงใด เจ้าเองก็รู้ดีแก่ใจ เพียงเรื่องที่เขาจ้างโจรไปสังหารเหิงเอ๋อร์ ข้าก็ทำให้เขาตายโดยไม่มีหลุมฝังศพได้แล้ว”
เรือนร่างเหลียนหมัวมัวสั่นเทา แล้วเสียงร้องไห้หยุดชะงักลง กลับไม่กล้าโต้แย้งกลับแม้แต่คำเดียว แค่ร้องขอให้อภัย “นายท่านรองได้โปรดยกโทษให้ชีวิตอันไร้ค่าของบุตรชายบ่าวเถอะ…บ่าวจะขอบพระคุณอย่างยิ่ง บ่าวยอมทำตามทุกอย่างที่นายท่านรองสั่งการทั้งหมด!”
“เจ้าพูดว่าเจ้ายอมทำทุกอย่างให้ข้าใช่ไหม! ซูกวงหลิงเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา “เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามา องค์หญิงต้าจั่งทรงสวรรคตได้อย่างไร!”
เหลียนหมัวมัวเกร็งไปทั้งตัว ดวงหน้าที่เคล้าด้วยความเจ็บปวดค่อยๆ หายไป กลับเป็นสีหน้าตกตะลึงแทน
ซูกวงหลิงมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์มาก เขามีใบหน้าที่โหดเหี้ยม ดวงตาประดุจนกเหยี่ยวคู่นั้นจับจ้องเหลียนหมัวมัวไว้ ยิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม ยิ่งทำให้คนหวาดผวายิ่งกว่าเดิม “อย่ามาบอกข้าว่า เจ้า ไม่ รู้”
“บ่าวสมควรตาย! บ่าวสมควรตาย!” เหลียนหมัวมัวตกใจจนเรือนร่างสั่นเทาเป็นลูกนก
“เจ้าสมควรตายอยู่แล้ว! ทว่าข้ายังเห็นว่าเจ้าเป็นเพียงบ่าว แล้วยังอายุมาก ต่อให้ทำเรื่องอะไรเลวทราม นั่นก็ทำตามคำสั่งของนายเท่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่กระทำไม่ได้ ดังนั้นเพียงแค่เจ้าพูดความจริง ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ มิเช่นนั้น…ข้าคงไม่ถือสาหากว่าเจ้ากับบุตรชายของตายในท้องสุนัขไปพร้อมๆ กัน”
“บะ…บ่าว…บ่าว…” เหลียนหมัวมัวโขกศีรษะบนพื้นไม่หยุด อยากพูดอะไรออกมา กลับไม่กล้าพูด ทว่ากลับไม่พูดไม่ได้ ทำให้รู้สึกลำบากใจจริงๆ
ซูกวงหลิงพูดขึ้นอีกครั้ง “ข้าพูดใหม่อีกครั้ง วันนี้เจ้าพูดความจริง ข้าไว้ชีวิตเจ้าได้ ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด เจ้าอย่าทำให้ข้าหมดความอดทน ถึงเวลาเจ้าอยากพูด ข้าก็ไม่อยากฟัง”
“เจ้าค่ะ! เจ้าค่ะ!” เหลียหมัวมัวโขกศีรษะอีกหลายที แล้วตอบกลับเต็มปากเต็มคำ “บ่าวรู้ บ่าวรู้เรื่องทั้งหมด…”
“องค์หญิงต้าจั่งทรงสวรรคตได้อย่างไร!” ซูกวงหลิงยกมือทุบโต๊ะหนึ่งทีอย่างแรง
“คือ…ถูกฮูหยินใช้ผ้าปิดปากและจมูก…จนขาดอากาศหายใจเจ้าค่ะ” เหลียนหมัวมัวตื่นตกใจจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง คำพูดนี้กล่าวออกมาเสร็จ ก็นอนร้องห่มร้องไห้บนพื้น
“พลั่ก!” เสียงๆ นี้ดังสนั่นอีกครั้ง
กลับเห็นฉากกั้นหยกขาวสลักลายม้าหมื่นตัวที่อยู่ด้านข้างถูกคนด้านในถีบออก ฝีเท้าของติ้งโหวพุ่งทะยานออกมาเร็วประดุจธนู เร่งเดินหน้ามาจับคอเสื้อของเหลียนหมัวมัวไว้ พร้อมสบถหยาบด้วยความโมโห “ไอ้สุนัขรับใช้ พูดใหม่อีกรอบ!”
“คือ…คือ…” จู่ๆ เหลียนหมัวมัวก็มองซูกวงหลิงด้วยความหวาดผวา สุดท้ายนางถูกทำให้ตกใจจนขวัญเสีย ยังไม่ทันได้พูดออกมาก็สลบไปอีกครั้ง
ท่านติ้งโหวโมโหเป็นฟืนเป็นไฟจนสบถหยาบออกมา แล้วยกมือโยนนางทิ้งบนพื้น ศีรษะของนางไปกระแทกกับอิฐบนพื้น หลังจากรู้สึกเจ็บปวดมาก นางถึงจะค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
“ข้าจะไปฆ่านางอสรพิษคนนั้น!” ซูกวงฉงหันหลังเดินออกไปด้านนอก
ซูกวงหลิงรีบเดินเข้าไปขวางทางไว้ “พี่ใหญ่! ท่านอย่าได้ใจร้อน! ใจเย็นๆ ก่อน! ใจเย็นก่อน!”
“เจ้าจะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไร!” ซูกวงฉงแทบอยากจะจุดเพลิงเผาทั้งจวนติ้งโหวให้สิ้นซาก เพื่อชดใช้ให้กับองค์หญิงต้าจั่งที่ทรงสวรรคต
องค์หญิงต้าจั่งแม้จะเป็นคนที่เข้มงวดในกฎระเบียบ ทว่าบุตรชายสองคนล้วนเป็นบุตรในไส้ ปกติจึงรักใคร่เอ็นดูมาก ติ้งกั๋วกงจากไปไว กล่าวได้ว่าซูกวงฉงและน้องชายถูกมารดาเลี้ยงมาจนโต พระคุณของมารดาจึงใหญ่เหมือนมหาสมุทร หากมารดาทรงสวรรคตไปเพราะอายุมาก ผู้ที่เป็นบุตรชายก็ย่อมเสียใจอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเหตุการณ์เช่นนี้!
ซูกวงหลิงจึงดึงพี่ชายที่กำลังโมโหมากอดทันที แล้วเกลี้ยกล่อมด้วยความเศร้าโศกอย่างจนหนทาง “พี่ใหญ่! หากท่านไปฆ่านางโดยตรง เช่นนั้นคนในตระกูลหลายร้อยคนคงต้องถูกสังหารแน่นอน! นี่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เสด็จแม่อยากเห็น!”
ซูกวงฉงมองใบหน้าของน้องชายที่มีอายุราวๆ ห้าสิบปีนั้น มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับมารดาอย่างมาก ทันใดนั้นก็เหมือนมีมีดปาดหัวใจ
“เรื่องนี้ต้องวางแผนให้รอบคอบเสียก่อน” ซูกวงหลิงก็อยากจะใช้มีดสับลู่ฮูหยินให้ละเอียดจวนใจจะขาด ทว่าเขาเดินออกจากความโมโหนั้นแล้ว และรู้ว่าต่อให้ฆ่านางอสรพิษคนนั้นให้ตาย มารดาก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาไม่ได้ และตลอดทั้งชีวิตนี้ของมารดาก็คอยกังวลเกี่ยวกับบุตรชายทั้งสองของตนมาตลอด ย่อมไม่หวังว่าจะเห็นทั้งตระกูลไปอยู่บนสวรรค์กับนางแน่นอน
ซูกวงหลิงจึงดึงพี่ชายกลับไปนั่งบนที่นั่ง จากนั้นก็สั่งให้ซินฟู่เข้ามาเฝ้าเหลียนหมัวมัว ส่วนข้ารับใช้ที่ไม่มีหน้าที่สำคัญอะไร ต่างก็ถูกสั่งให้เฝ้าเวรด้านนอกเรือน ไม่เหลือใครไว้ในห้องอักษรและเรือนหลังแม้แต่คนเดียว สองพี่น้องถึงจะนั่งลง แล้วอดทนกับความโกรธเคือง ความทุกข์ระทมและความเจ็บปวดไว้ จากนั้นก็เริ่มปรึกษาหารือกัน
“ก่อนอื่นพูดถึงกรมอาญาที่ยุติคดีนี้แล้ว ข้าได้ข่าวว่าฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยในผลสรุปการสอบสวนของกรมอาญา และให้เว่ยจางไปสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดแล้ว” ซูกวงหลิงพูดขึ้น
ซูกวงฉงพยักหน้า แล้วเปรยด้วยความโกรธและหมองเศร้า “หากฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ ตระกูลซูต้องถูกทำลายแน่นอน นางอสรพิษน่ารังเกียจนั่นกล้าทำเรื่องแหกกฏฟ้าเช่นนี้ พวกเรากลับยังช่วยนางปกปิด! อนาคตหากเจ้าและข้าสิ้นชีวิตไป แล้วจะให้เสด็จแม่อภัยได้อย่างไร”
“ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ เป็นเรื่องนี้จำเป็นต้องช่วยปกปิด ทว่านางอสรพิษนั่น พวกเราห้ามให้อภัยง่ายๆ เด็ดขาด นางอสรพิษนี่เทียบไม่ได้กับหมูหมา อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรให้ลูกหลานพลอยโดนรับโทษไปด้วย เจ้าและข้าก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใต้ล่างพวกเขาก็ล้วนเป็นสายเลือดขององค์หญิงต้าจั่งทั้งนั้นมิใช่หรือ”
ซูกวงฉงถอนหายใจอย่างหนัก แล้วพยักหน้าอย่างจนหนทาง
ในห้องอักษรของเว่ยจาง ณ จวนแม่ทัพฝู่กั๋ว เว่ยจางอ่านสาส์นที่ถังเซียวอี้ส่งมาอย่างละเอียดแล้วครุ่นคิดไปสักพัก จากนั้นมองถังเซียวอี้พร้อมถามว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะส่งสาส์นกราบทูลเช่นนี้ไปให้ฝ่าบาท”
“เรื่องมันสืบมาถึงขั้นนี้ ก็น่าจะพอประมาณแล้ว ถึงแม้เหลียนรุ่ยเป็นเพียงบ่าว ทว่าหากเขายอมเสี่ยงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ยอมจ้างคนร้ายสังหารคนอื่น ก็ค่อยว่าไปอย่าง อย่างไรนี่ก็ถือว่าได้รับเงินจำนวนไม่น้อย ก็คุ้มค่าสำหรับบ่าวที่เป็นสุนัขจนตรอก สำหรับเรื่องที่กระทำชั่วร้ายไปกว่านั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” ถังเซียวอี้พูดถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างประหม่า
คำพูดหลังๆ เขากลับไม่ได้พูด เว่ยจางก็ย่อมรู้ จวนติ้งโหวและจวนเหยาเป็นญาติที่เกี่ยวดองทางวิวาห์ ก็ถือเป็นญาติของตนเองอยู่เหมือนกัน หากจวนติ้งโหวได้รับลงโทษทั้งตระกูล เหยาเฟิ่งเกอต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน เช่นนั้นจวนเหยาและตนเองก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย