หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 422 ข้าหลวงเหยาเลื่อนตำแหน่ง ตระกูลลู่ถูกตรงหน้า (1)
ตอนที่ 422 ข้าหลวงเหยาเลื่อนตำแหน่ง ตระกูลลู่ถูกตรงหน้า (1)
เว่ยจางเพียงแค่เป่าน้ำชาแล้วรอให้หายร้อนถึงจะจิบไปหนึ่งคำ แล้วกำลังฟังคำพูดที่กล่าวเกินจริงของพวกเขาอยู่ ภายในใจของเขากลับพร่ำบ่นว่า ชาตงชาเพี่ยนอะไรกันเล่า ทั้งขมทั้งฝาด ยังเทียบกับน้ำเปล่าไม่ได้เลย
ทว่า แม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วควบคุมอำนาจทางการทหาร มีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง ทั้งยังเป็นแม่ทัพหนุ่มที่ได้รับการไว้วางใจจากฮ่องเต้มากที่สุด ต่อให้เขาไม่พูดขัดอะไร คนอื่นก็ไม่กล้าทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ ด้วยเหตุนี้ จิ่งจวิ้นอ๋องเตี้ยนเซี่ยจึงหันไปส่งยิ้มจางๆ ให้เขา “ท่านแม่ทัพคิดว่าชาชนิดนี้เป็นเช่นไรบ้าง”
เว่ยจางทำท่าทางเหมือนกำลังเหม่อลอย พอได้ยินจึงยิ้ม เอ่ยตอบเสียงทุ้ม “เอ่อ เมื่อครู่กระหม่อมค่อนข้างหิวกระหายจึงลืมลิ้มรสไป มิเช่นนั้นกระหม่อมขอลองดูอีกเสียถ้วยเถอะ?”
เหยาเยี่ยนอวี่รินน้ำชาให้เขา อวิ๋นจั๋วและอวิ๋นหังสบตาพลางหัวเราะกันใหญ่ อวิ๋นหังจึงเอ่ยถาม “ดูท่านแม่ทัพครุ่นคิดอย่างเงียบๆ เมื่อครู่นี้ กำลังกังวลถึงงานทางการทหารอยู่หรือ”
เว่ยจางส่ายหัวพลางยิ้มจางๆ “ไม่พ่ะย่ะค่ะ เรื่องทางการทหารล้วนมีฝ่าบาทและขุนนางใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุดคอยกังวลใจ กระหม่อมเพียงแค่ทำตามคำบัญชาเท่านั้น”
อวิ๋นจั๋วยกยิ้มแล้วเอ่ยถาม “ท่านแม่ทัพ วันก่อนข้าได้ยินว่าแม่ทัพที่คอยรักษาการณ์ทางเขตชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือถูกเปลี่ยนไปประจำการที่อื่น มิทราบว่านี่คือความจริงหรือไม่”
เว่ยจางมองอวิ๋นจั๋วเพียงชั่วพริบตาอย่างนิ่งสงบ “เรื่องนี้หรือ แท้จริงแล้วเรื่องทหารรักษาการณ์ทางเขตชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือนั้นมีท่านกั๋วกงคอยดูแล และกระหม่อมก็ไม่ได้ยินข่าวคราวเช่นนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ฟังพวกเขาพูดคุยถึงงานทางทหารอีกแล้ว นางจึงฟังอย่างตั้งใจ แล้วชงชาไปอย่างเงียบๆ
อวิ๋นจั๋วลองเชิงไปหลายครั้ง เว่ยจางกลับนิ่งเฉยและตอบเพียงว่าไม่รู้ อวิ๋นจั๋วเหมือนจะไม่พอใจ แค่เพียงมองอวิ๋นหังอย่างเงียบๆ อวิ๋นหังก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “กองกำลังนกอินทรีของแม่ทัพเว่ยฝึกวิชาไปถึงไหนแล้ว”
เว่ยจางยิ้มจางๆ อีกครั้ง “ตอนนี้กองกำลังนกอินทรีกำลังฝึกวิชาที่เมืองเฟิ่ง ส่วนสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นไร กระหม่อมก็ไม่ได้เจอพวกเขามาครึ่งค่อนเดือนแล้ว จึงไม่แน่ว่าพวกเขาเป็นเช่นไรบ้าง”
“เตี้ยนเซี่ยสี่ ท่านซื่อจื่อ ชาเย็นหมดแล้วเพคะ” เหยาเยี่ยนอวี่ทนฟังต่อไม่ไหวจริงๆ จึงยกมือไปเทชาของพวกเขาทิ้งพลางพูด “หม่อมฉันจะรินถ้วยใหม่ให้ทุกท่านเพคะ”
“อ้อ ไม่ต้องแล้ว พวกเรามานานแล้ว ได้เวลากลับเสียที” อวิ๋นจั๋วยกยิ้มจางๆ พลางลุกขึ้น พร้อมพูดอย่างเป็นมิตร “วันนี้รบกวนพวกเจ้าแล้วจริงๆ ชาตงเพี่ยนนี้เลิศรสยิ่งนัก ฝีมือการชงชาของหมอหลวงเหยาก็ยิ่งดีกว่า ขอบคุณมาก!”
เหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้นไปส่ง รอยยิ้มบนใบหน้าก็สื่อว่านางพลอยได้ดื่มชาชั้นดีกับพวกเขาไปด้วย “เตี้ยนเซี่ยเกรงใจเกินไปแล้วเพคะ เตี้ยนเซี่ยและท่านซื่อจื่อมาเยือนถึงที่นี่ ก็ถือเป็นเกียรติของเหยาเยี่ยนอวี่แล้วเพคะ”
หลังจากอวิ๋นจั๋วและอวิ๋นหังออกจากประตูก็ให้นางส่งเท่านี้ก็พอ ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่กลับยืนหยัดที่จะส่งพวกเขาสองคนไปถึงประตูใหญ่
พอเห็นทั้งสองคนขึ้นม้าจากไป เว่ยจางก็เอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ “พวกเขามาประจำเลยหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้า “เปล่า ว่าไปวันนี้ช่างบังเอิญจริงๆ ก่อนหน้านี้เยี่ยนอ๋องก็ส่งคนของสำนักจงเจิ้งมา วันนี้จู่ๆ กลับส่งท่านซื่อจื่อมา ทำให้ถึงกับเดาไม่ออกว่าต้องการอะไรกันแน่”
เว่ยจางมองท้องฟ้ามืดครึ้มเพียงปราดเดียวพร้อมพูดเสียงแผ่วเบา “เขามาเวลาเดียวกับจิ่งจวิ้นอ๋อง ปากบอกว่าบังเอิญ จริงๆ พวกเขาคงแอบนัดกันแต่เนิ่นๆ แล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดอะไรออกทันที นางกวาดสายตามองไปรอบๆ ในเรือนไม่มีใครเลยจริงๆ ดังนั้นเอ่ยถามเสียงเบา “หากพูดเช่นนี้ จวนเยี่ยนอ๋องและจวนจิ่งจวิ้นอ๋องคงมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก”
“พวกเขาเป็นญาติกันอยู่แล้ว มีความสัมพันธ์ที่ดีก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว” เว่ยจางยิ้มจางๆ แล้วยกมือตบหน้าผากของเหยาเยี่ยนอวี่เบาๆ ทันที “อย่าคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รีบกลับไปเถอะ หิมะใกล้ตกแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่แค่นเสียงไม่พอใจ “เจ้ากำลังปิดบังความลับอะไรกับข้าอยู่”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น” เว่ยจางดึงมือของนางเดินกลับไปพลางเอ่ยเสียงต่ำ “จะมาคุยเรื่องพวกนี้ในตอนนี้ก็เร็วเกินไปหน่อย ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกกำหนดอย่างแน่ชัด เจ้าน่ะ แค่ทำหน้าที่ปรุงยาของเจ้าไปก็พอแล้ว ทุกอย่างก็ให้ทำตามคำบัญชาของฝ่าบาทก็พอ หากรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรที่ผิดปกติไปก็ขอให้บอกข้า จะได้ไม่เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น”
เหยาเยี่ยนอวี่ทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วไม่พูดไม่จา
เว่ยจางรู้ว่าภายในใจของนางไม่พอใจอย่างมาก ทว่าเรื่องราชกิจ เขาเองก็ต้องรักษาผลประโยชน์ตัวเอง แน่นอนว่าต้องไม่หวังให้เหยาเยี่ยนอวี่คิดมาก ดังนั้นจึงเปลี่ยนประเด็นคุย แล้วเอ่ยถาม “ใช่แล้ว พ่อตาจะมาเร็วๆ นี้ใช่หรือไม่ ข้าต้องเตรียมอะไรหน่อยไหม หลังจากจัดงานสมรส นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับพ่อตา รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย”
เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะพรวด “ที่แท้แม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วก็มีเรื่องที่ตื่นเต้นอยู่หรือ”
เว่ยจางพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “นี่มีอะไรน่าแปลกล่ะ ลองคิดดูสิ หากใครที่สู่ขอหัวแก้วหัวแหวนแล้วยังแย่งความรักของบุตรีไป ใครเขาจะไม่ตื่นเต้นกันเล่า”
“อืม กล่าวได้มีเหตุผล” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า แล้วพูดยิ้มๆ “ทว่าเจ้าไม่ต้องตื่นเต้นหรอก ข้าไม่ใช่หัวแก้วหัวแหวนของตระกูล และยิ่งไม่ใช่บุตรีที่ท่านพ่อรักที่สุด ดังนั้นเขาไม่มีทางทำอะไรเจ้าอยู่แล้ว”
เว่ยจางได้ยินก็นิ่งงันไป จู่ๆ ดึงนางเข้าไปใกล้ พร้อมเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ก่อนหน้านี้เจ้าอาศัยอยู่ในจวน มีชีวิตไม่ดีหรือไร”
“เอ่อ ก็ยังดี” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างนิ่งสงบ แล้วยกมือจัดคอเสื้อของเขา “สิ่งที่ควรมีก็มีหมดแล้ว อีกอย่างทางตระกูลยังเลี้ยงดูมาจนข้าโตขนาดนี้ ทั้งยังมีเจ้าที่จัดงานมงคลสู่ขอข้าอย่างโอ่อ่าอลังการเช่นนั้น ข้าก็รู้สึกพอใจมากแล้ว”
เจ้าสู่ขอข้า ข้าก็รู้สึกพอใจมากแล้ว แม่ทัพเว่ยไม่ได้สนใจคำพูดก่อนหน้านี้ แค่เพียงสนใจแต่คำพูดด้านหลัง นี่สำหรับเขาเป็นการหนุนใจที่ดีที่สุด หากไม่ใช่เพราะว่าอยู่ในสำนักแพทย์ เขาต้องเข้าไปกอดและจุมพิตนางแรงๆ หนึ่งที
เพียงแต่ว่าแผนการที่จะจุมพิตนางยังไม่ทันสำเร็จ ก็มีคนของจวนแม่ทัพวิ่งเข้ามารายงาน “ท่านแม่ทัพ ฮูหยิน ฮูหยินรองแม่ทัพเฮ่อใกล้จะคลอดบุตรแล้ว! รองแม่ทัพเฮ่อไม่อยู่จวน ทางฝั่งโน้นมีเพียงน้าของฮูหยินอยู่เท่านั้น พ่อบ้านบอกว่า…”
“พวกเรากลับกันเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่รอให้กล่าวจ ก็พูดแทรกเขาทันที
เหยาเยี่ยนอวี่ยังไม่ทันได้บอกแม้กระทั่งพวกชุ่ยเวย ก็สั่งให้คนจูงเถาเถาเยาออกมาแล้วขึ้นม้าทันที เว่ยจางมองนางที่เร่งรีบ ภายในใจได้รับการปลอบโยนอย่างมาก…สมกับเป็นผู้หญิงของเขาจริงๆ ท่าทีที่รีบขึ้นม้านั้นเหมือนตนเองมากจริงๆ
ตอนนี้ หร่วนฮูหยินได้รับการตั้งแต่งให้เป็นภรรยาขั้นเก้ามิ่งของเฮ่อซีแล้ว ทว่าตระกูลหย่วนกลับตกอับไร้ที่ยืนในสังคม บิดาและมารดาของนางจากไปนานแล้ว ต้นตระกูลมีเพียงน้าที่เป็นหม้าย และยังมีมีป้าอีกหนึ่งคนที่ติดตามสามีไปที่ชวนส่าน เพราะว่าเฮ่อซีพาทหารกองทัพนกอินทรีไปฝึกวิชาที่เมืองเฟิ่ง จึงดูแลภรรยาที่ใกล้จะคลอดไม่ได้ ดังนั้นน้าของฮูหยินหร่วนจึงมารับหน้าที่ดูแลแทน
เหยาเยี่ยนอวี่เร่งม้ากลับตามทางเดิมที่มา ทว่ากลับไม่ได้กลับจวนตนเอง แต่มุ่งหน้าไปยังจวนเฮ่อ พ่อบ้านจวนเฮ่อเห็นฮูหยินเหยาประดุจเห็นพระโพธิ์สัตว์กวนอิม จึงเดินหน้าไปน้อมคำนับ “บ่าวขอน้อมคำนับฮูหยินขอรับ!”
“ฮูหยินเจ้าเป็นเช่นไรบ้างแล้ว”
“เรียนฮูหยิน ด้านในส่งสารมาว่า ถึงแม้จะยังไม่คลอด ทว่าเวลาก็ใกล้เข้ามาแล้ว” พ่อบ้านเป็นบุรุษคนหนึ่ง จึงไม่ค่อยรู้เรื่องคลอดบุตร ทว่าฮูหยินเหยาเอ่ยถาม เขาก็ไม่กล้าไม่ตอบกลับ
เหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้สึกว่าตนเองตื่นเต้นเกินไป ทว่าก็โทษนางไม่ได้ เฮ่อซีถูกเว่ยจางสั่งให้ไปรักษาการณ์ที่เมืองเฟิ่ง หากฮูหยินของเขาเกิดอะไรขึ้นมาตอนคลอดบุตร ไม่รู้ว่าเว่ยจางจะต้องเผชิญอะไรวันข้างหน้า อีกอย่างพวกเขาเป็นสหายสนิทสนมกันแต่เด็ก เพียงแต่พูดถึงความสัมพันธ์ที่เป็นแม่ทัพใหญ่และรองแม่ทัพแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่จะไม่ปล่อยให้หร่วนฮูหยินเป็นอะไรเด็ดขาด