หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 427 คนถ่อยร้องทุกข์ ท่านโหวคาดการณ์อนาคต (2)
ตอนที่ 427 คนถ่อยร้องทุกข์ ท่านโหวคาดการณ์อนาคต (2)
“ฮูหยิน!” ถังเซียวอี้รีบเดินหน้าไปขวางทางเหยาเยี่ยนอวี่ไว้
“อั๊ยยา พอเถอะ อย่ามากความอีกเลย อยู่จวนรอคอยนางปักมาวัดตัวเจ้าก็พอ ถือโอกาสนั่งเฝ้าห้องโถงหน้าไปสักพัก หากมีคนมาเยี่ยมเยียนและส่งของขวัญอะไรมา เจ้าจะได้ต้อนรับแขกแทนแม่ทัพหน่อย รองแม่ทัพเฮ่อเพิ่งจะกลับมา ฮูหยินยังไม่ครบเดือน เจ้ามีเวลาก็ไปช่วยฝั่งโน้นด้วย” เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวจบ ก็ดึงแม่ทัพเว่ยของนางจากไป
“พี่สะใภ้…” ถังเซียวอี้มองสองสามีภรรยาจากไปอย่างเร่งรีบ จึงเงยหน้าถอนหายใจแรงๆ ท่านหมั้นหมายสตรีจากจวนใดให้ข้ากันแน่!
เหยาเยี่ยนอวี่และเว่ยจางไปเยือนที่จวนเจิ้นกั๋วกง หันซังเกอดีใจอย่างยิ่ง จึงต้องการเชิญเว่ยจางอยู่กินข้าวด้วยกันแล้วค่อยกลับ
เฟิ่งเซ่าอิ่งเพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียงสองเดือนกว่า จึงมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก อีกอย่างหมอหลวงบอกว่าทารกในครรภ์ยังไม่แข็งแรง ดังนั้นนางจึงต้องพิงอยู่บนตั่งไม้ทุกวัน ไม่กล้าเดินไปไหนมาไหน ประจวบเหมาะกับเวลาสิ้นปีพอดี ที่ผ่านมา จวนกั๋วกงก็ไม่ได้เคร่งครัดในมารยาทของการไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว องค์หญิงใหญ่หนิงหวาสั่งให้ฮูหยินรองเหลียงซื่อมาช่วยเฟิงเซ่าอิ่งดูแลงานเรือน ฮูหยินรองของตระกูลหันกับฮูหยินรองของจวนติ้งโหวเป็นพี่น้องทางสายเลือดกัน เหตุเพราะซูอวี้เหิงและหันหมิงชั่น ฮูหยินรองท่านนี้จึงสนิทสนมกับเหยาเยี่ยนอวี่มาก
เหตุเพราะกล่าวถึงงานมงคลของซูอวี้เหิง เหลียงฮูหยินเอ่ยถามไม่หยุด “ท่านรองแม่ทัพถังเป็นบุรุษมากความสามารถ อนาคตไร้ขีดสิ้นสุด ต้องขอบคุณฮูหยินเหยาที่คำนึงถึงเหิงเอ๋อร์ ถึงได้ทำให้งานมงคลนี้เกิดขึ้น”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “พี่หันเป็นคนจัดการเรื่องนี้ต่างหาก ข้าเพียงแค่พูดสองสามคำ จริงๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเจ้าค่ะ”
“รองแม่ทัพถังคือคนของจวนแม่ทัพเว่ย เหิงเอ๋อร์คอยจัดการเรื่องของเหิงเอ๋อร์ เรื่องของรองแม่ทัพถัง ก็ไม่ใช่ว่าฮูหยินที่เป็นคนคอยกลุ้มใจหรือไร” เหลียงฮูหยินพูดไป ก็มองบุตรีอนุภรรยาที่นั่งอยู่ด้านล่าง นั่นก็คือหันหมิงเจวี๋ยและหันหมิงหลัง
สตรีสองคนนี้ก็ได้อายุออกเรือนแล้ว อันที่จริงหันหมิงเจวี๋ยยังโตกว่าซูอวี้เหิงหนึ่งปี เพียงแต่ว่าไม่เจอบุรุษที่เหมาะสมมาตลอด ดังนั้นถึงได้ทำให้นางอาศัยอยู่ในจวน ตระกูลหันเป็นตระกูลชั้นสูง ต่อให้เป็นบุตรีอนุภรรยา งานมงคลก็ไม่ควรจัดขึ้นเรื่อยเปื่อย
เหยาเยี่ยนอวี่มองเพียงพริบตาก็เข้าใจในความหมายของเหลียงฮูหยิน เพียงแค่ว่านางไม่อยากเป็นแม่สื่อ ดังนั้นก็ก้มหน้าจิบชา แกล้งทำเป็นมองไม่ออก เหลียงฮูหยินมักรู้สึกว่าจวนเจิ้นกั๋วกงเจริญรุ่งเรืองดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า คงไม่กลัวว่าบุตรีของตระกูลหันจะหาคู่ครองไม่ได้ ไม่เหมือนพี่สาวของนาง ฮูหยินรองแห่งจวนติ้งโหวที่เอาแต่รีบร้อนให้บุตรีออกเรือน
ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่จิบชาพลางขบคิด ฮูหยินผู้นี้โปรดปรานใครในจวนแม่ทัพหรือ จ้าวต้าเฟิง? เก๋อไห่? รองแม่ทัพสองคนนี้ คนหนึ่งไม่ทำการทำงาน ส่วนอีกคนก็เป็นอันธพาล เกรงว่าคงไม่เข้าตาฮูหยินรองแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงหรือเปล่า
ทางฝั่งนี้ยังไม่ทันสั่งให้ยกโต๊ะอาหาร องค์หญิงใหญ่หนิงหวาก็ส่งคนมารับเหยาเยี่ยนอวี่แล้ว เฟิงเซ่าอิ่งจึงส่งเหยาเยี่ยนอวี่ไปด้วยตัวเอง เหยาเยี่ยนอวี่กุมมือนางแล้วปลอบโยน “ตอนนี้ฮูหยินยังไม่ควรเดินไปไหนมาไหน อยู่พักผ่อนอย่างเงียบๆ จะดีกว่า”
เหลียงฮูหยินพูดยิ้มๆ “มิเช่นนั้นก็ให้ข้าส่งฮูหยินเว่ยไปเถอะ”
เฟิงเซ่าอิ่งพลันพูด “เช่นนั้นก็รบกวนท่านน้าช่วยบอกองค์หญิงใหญ่แทนสะใภ้หน่อยเถอะ”
“ได้ เจ้าพักผ่อนอย่างสบายใจได้เลย เรื่องอะไรก็มีข้าอยู่” เหลียงฮูหยินอพูดด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
พอถึงตำหนักหนิงซินในจวนองค์หญิงใหญ่ ก็มีฮูหยินสองสามคนที่ดูสูงสง่านั่งอยู่ด้านซ้ายและด้านขวาขององค์หญิงใหญ่หนิงหวา เหยาเยี่ยนอวี่กวาดสายตามองเงียบๆ ล้วนเป็นคนที่ไม่รู้จัก ทำได้เพียงถวายบังคมองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่หนิงหวายื่นมือดึงเหยาเยี่ยนอวี่ไปอยู่ข้างกายแล้วตรัสว่า “พวกเรากำลังเอ่ยถึงเจ้าอยู่ รีบมานั่งเถอะ”
เหลียงฮูหยินจึงเดินหน้าไปถวายบังคมให้ฮูหยินสองสามคนที่อยู่ด้านข้าง “ถวายบังคมองค์หญิงชิ่งหวา องค์หญิงคังผิง และองค์ชางผิงเพคะ”
“ฮูหยินรองเชิญลุกขึ้นเถอะ” องค์หญิงชิ่งหวาที่นั่งด้านข้างองค์หญิงใหญ่หนิงหวายกมือขึ้น ท่าทีดูเกรงอกเกรงใจมาก
เหยาเยี่ยนอวี่จึงเพิ่งจะรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่คือองค์หญิงใหญ่ชิ่งหวา ส่วนองค์หญิงสององค์ที่นั่งต่างระดับลงไป ก็คือองค์หญิงของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นเพื่อถวายบังคม
องค์หญิงใหญ่ชิ่งหวาคลี่ยิ้มทันที “ไม่ต้องมากพิธีอะไรหรอก วันนี้ข้ายังมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันทูลกลับ “มิบังอาจเพคะ องค์หญิงใหญ่ทรงรับสั่งมาได้เลยเพคะ”
องค์หญิงใหญ่ชิ่งหวายิ้มบาง “ช่วงนี้ข้าเร่งรีบในการเดินทาง อาจจะเกิดอาการร้อนใจ และวิงเวียนศีรษะ มองอะไรก็รู้สึกพร่ามัวเล็กน้อย เมื่อครู่ยังคุยกับหนิงหวาอยู่เลย นางบอกว่าตอนนี้สำนักหมอหลวงในเมืองหลวงต้าอวิ๋นยังเทียบไม่ได้กับสำนักแพทย์ บอกว่าสักพักจะให้เจ้ามาจับชีพจรให้ข้า บังเอิญนัก พวกเขาบอกว่าเจ้าอยู่จวนกั๋วกง ข้าเลยเชิญเจ้ามาเดี๋ยวนี้เลย”
เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าขององค์หญิงใหญ่ชิ่งหวา แล้วตรัสด้วยรอยยิ้มจางๆ “องค์หญิงใหญ่ได้โปรดยกพระหัตถ์ขึ้นเพคะ ให้หม่อมฉันจับชีพจรดู”
องค์หญิงใหญ่ชิ่งหวายื่นมือออกมา เหยาเยี่ยนอวี่จับชีพจรให้นางอย่างใจเย็น แล้วคลี่ยิ้มจางๆ “องค์หญิงใหญ่ไม่ต้องกังวลพระทัยเลยเพคะ นี่เป็นเพียงอาการทั่วไป เหตุเพราะอากาศเหน็บหนาว ทำให้โลหิตข้นเหนียว รวมไปถึงองค์หญิงใหญ่รีบเดินทางมาเมืองหลวงจึงเหน็ดเหนื่อยเกินไป ดังนั้นร่างกายถึงปรับสมดุลไม่ทันเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะให้คนส่งยาเม็ดแปะก๊วยมาให้ องค์หญิงใหญ่เพียงละลายในน้ำอุ่น แล้วดื่มครั้งละเม็ดทุกเช้าเย็น ห้าถึงเจ็ดวันหลังจากนี้ อาการก็คงจะดีขึ้นเพคะ”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณเจ้าแล้ว” องค์หญิงใหญ่ชิ่งหวายิ้มพูด
“องค์หญิงใหญ่เกรงใจไปแล้ว นี่เป็นหน้าที่ที่พึงกระทำของหม่อมฉันเพคะ” เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
องค์หญิงคังผิงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม “ข้าได้ยินว่า อาการของราชครูเซียวก็เป็นเจ้าที่รักษา จนทุกวันนี้ค่อยๆ หายดีแล้วหรือ”
“เป็นเช่นนั้นเพคะ ได้ยินมาว่าราชครูเซียวที่ได้รับการรักษาจากหมอหลวงเหยา ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วเพคะ” เหลียงฮูหยินที่อยู่ด้านข้างยกยิ้มตาม
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างถ่อมตน แล้วส่ายหน้า “นี่ก็ไม่ใช่ผลงานของข้าแต่เพียงคนเดียวเพคะ”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวากวักมือเรียกเหยาเยี่ยนอวี่ให้นางเดินไปด้านหน้าแล้วถามว่า “ข้าได้ยินว่ามีคนไปร้องทุกข์ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทว่ายาของเจ้าเลี้ยงไข้ ฤทธิ์ยาไม่ออกผลอะไรเลยหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงัน แล้วขมวดคิ้ว “จริงหรือ”
“ดูเจ้าสิ!” องค์หญิงใหญ่หนิงหวาเปรยขึ้น “เอาแต่รักษาผู้ป่วยทั้งวัน ตนเองสร้างเรื่องผิดใจใครมา ก็ยังไม่รู้อีกหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเรื่องนี้ฮ่องเต้ต้องไม่หมายหัวตัวเองก็เพราะว่าองค์หญิงใหญ่หนิงหวาช่วยไว้แน่นอน ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นถวายบังคม “เยี่ยนอวี่ขอบพระทัยในพระกรุณาธิคุณเพคะ”
“เจ้ายังต้องพูดเช่นนี้กับข้าอีกหรือ!” องค์หญิงใหญ่หนิงหวารีบดึงเหยาเยี่ยนอวี่ไปนั่งข้างกาย แล้วเปรยว่า “เจ้ากับชั่นเอ๋อร์เป็นสหายสนิทฉันพี่น้อง แล้วยังจะเกรงใจไปไยกัน”
องค์หญิงใหญ่ชิ่งหวาพูดยิ้มๆ “พูดถึงชั่นเอ๋อร์ ช่วงนี้นางเป็นเช่นไรบ้างแล้ว”
องค์หญิงชางผิงพูดอย่างรื่นเริง “ได้ข่าวว่านางตั้งครรภ์แล้ว จวนจิ้งไห่โหวจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ยอมให้นางออกจากจวนเลย”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาแย้มยิ้ม “ว่าไปแล้วก็น่ากังวลใจนัก นางกับสะใภ้ใหญ่เหมือนกัน ทารกในครรภ์ไม่ค่อยแข็งแรง หมอหลวงแนะนำให้ดูแลครรภ์ในจวนดีๆ ระยะห้าเดือนแรกห้ามไปไหนมาไหนเด็ดขาด”
“ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้พวกนางบำรุงครรภ์ในจวนดีๆ เถอะ อีกอย่าง ไม่ใช่ว่ายังมีหมอหลวงเหยาอยู่หรือ” องค์หญิงใหญ่ชิ่งหวาแย้มยิ้ม
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “หม่อมฉันพอรักษาแผลภายนอกและโรคเลือดได้บ้าง ทว่าโรคทางนรีเวช…ไม่เชี่ยวชาญจริงๆ เพคะ”
องค์หญิงใหญ่ชิ่งหวาพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่ใช่ว่าเป็นหมอเซียนหรือไร แล้วยังจะแบ่งโรคที่ช่ำชองอีกหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงันในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าก็จืดจางไป