หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 430 เฟิ่งเกอสร้างสถานการณ์ สองพ่อลูกพูดคุยเรื่องในใจ (2)
ตอนที่ 430 เฟิ่งเกอสร้างสถานการณ์ สองพ่อลูกพูดคุยเรื่องในใจ (2)
“ผู้เฒ่าไป๋หมั่นสร้างกุศล ย่อมมีสุขอายุยืนแน่นอน” เหยาเฟิ่งเกอยิ้มอย่างเกรงใจ แล้วหันไปทางฝั่งตั่งไม้ของซูอวี้เสียงพร้อมผายมือ “ท่านผู้เฒ่า เชิญด้านในเถอะ”
ผู้เฒ่าไป๋พยักหน้า แล้วเดินหน้าไปนั่งข้างตั่งไม้พลางวัดชีพจรให้ซูอวี้เสียง
ผ่านไปสักพัก ผู้เฒ่าไป๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ พร้อมพูดกับซูอวี้เสียง “คุณชายสามพักฟื้นตัวอย่างสบายใจเถอะ กินยาตามเวลากำหนดก็เพียงพอแล้ว” ขณะที่เอ่ย ก็หันไปมองเหยาเฟิ่งเกอเพียงชั่วพริบตา
เหยาเฟิ่งเกอพลันยิ้มจางๆ “ผู้เฒ่าไป๋เชิญมาจ่ายยาทางฝั่งนี้เถอะ”
“ได้” ผู้เฒ่าไป๋พยักหน้าให้ซูอวี้เสียง แล้วหันหลังเดินออกมา
หลิงจือและตงเหมยเพิ่งจะออกจากตรงมุมห้อง เดินมาใกล้ซูอวี้เสียงแล้วปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยน “คุณชายเจ้าคะ ไม่เป็นเช่นไรแล้ว ผู้เฒ่าไป๋มากความสามารถในวิชาการแพทย์ ท่านเพียงกินยาตามที่เขากำหนด อาการต้องดีขึ้นแน่นอน”
“เป็นเช่นนั้น วิชาการแพทย์ของตระกูลไป๋สืบทอดมาหลายรุ่นแล้ว แม้กระทั่งฝ่าบาทยังให้ความสำคัญกับพวกเขาเลย”
ซูอวี้เสียงกลับทำเสียงฮึดฮัดเอ่ยว่า “อาการของข้าล่าช้ามาถึงตอนนี้ ก็เพราะหมอแซ่ว่าหลิวที่คอยทำลายข้าแท้ๆ!”
“ใครว่าไม่ใช่เช่นนั้นล่ะเจ้าคะ!” หลิงจือเกลียดจนกัดฟันกรอด พร้อมพึมพำด้วยเสียงต่ำ “ไอ้สุนัขสมควรตายนั่นกลับกล้าให้คุณชายกินออกฤทธิ์แรงเช่นนั้น! คุณชายสูงส่งเช่นนี้ จะทนไหวได้อย่างไร”
“เอ๊ะ?” ตงเหมยพูดด้วยเสียงต่ำ “ข้าได้ยินมาว่า สูตรยาของหมอทหารนั่นเป็นสูตรที่หมอหลวงเหยาคิดค้นออกมาหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าหมอหลวงเหยาเป็นหมอเซียนหรือไร เหตุใดสูตรยาของนาง พอมาตกอยู่ในมือของหมอแซ่หลิวแล้ว กลับเป็นยาที่ทำร้ายคนล่ะ”
“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ” ซูอวี้เสียงพลันถลึงตา ตอนนี้เขากีดกันหมอหลวงเหยายิ่งกว่ากีดกันโจรร้าย พอได้ยินคำว่า ‘หมอหลวงเหยา’ เขาก็รู้สึกหวาดผวาอย่างมาก
“มีคนลือกันเช่นนี้เจ้าค่ะ” ตงเหมยพึมพำด้วยเสียงต่ำ
“ให้ตายเถอะ! แค่กๆ…” ซูอวี้เสียงกำหมัดแน่น และรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก จากนั้นก็ไออย่างแรงจนอวัยวะภายในแทบจะหลุดออกจากปาก
เหยาเฟิ่งเกอที่กำลังอยู่ดูผู้เฒ่าจ่ายยาได้ยินซูอวี้เสียงไออย่างรุนแรงอีกครั้ง จึงหันไปสั่งซานหู “รีบเข้าไปดูอาการเขาที”
ซานหูขานรับแล้วเข้าไป พอเข้าไปก็ได้ยินซูอวี้เสียงหายใจหอบพูดอย่างขุ่นเคือง “ข้าทนไม่ไหวแล้ว วันนี้พี่ใหญ่กลับมาแล้วมิใช่หรือ หลิงจือ เจ้าไปเรือนชิงผิง หากว่าพี่ใหญ่มีเวลาว่าง ก็เชิญเขามาที่นี่ที”
หลิงจือพลันตอบกลับ “เจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าตอนนี้คุณชายใหญ่เพิ่งจะกลับมา บ่าวไม่กล้าไปรบกวน รุ่งเช้าบ่าวจะรีบไปเชิญคุณชายใหญ่มานะเจ้าคะ”
ซานหูเกลี้ยกล่อม “คุณชายกำลังป่วยอยู่ ควรดูแลรักษาสุขภาพให้ดี อย่ามัวแต่ขุ่นเคืองใจไปเลย พวกเจ้าทั้งสองที่เป็นเมียบ่าวก็ควรเกลี้ยกล่อมคุณชายบ้าง เหตุใดจู่ๆ ถึงหาเรื่องให้คุณชายรู้สึกรำคาญใจล่ะ”
หลิงจือกลัวซานหูมาโดยตลอด พอได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก ตงเหมยกลับมองซานหูอย่างไม่พอใจแล้วพูดยิ้มๆ “แหม เรือนแห่งนี้ตกเป็นของเจ้าแล้วหรือ วันข้างหน้า พวกที่เป็นบ่าวคงถูกเจ้าสั่งสอนแล้วสิ”
ซานหูแสยะยิ้ม “หากเจ้ามีปัญญาก็ปรนนิบัติคุณชายให้หายดี เอาแต่กุเรื่องยุยงให้คนอื่นทะเลาะกัน มีความหมายอะไร” พูดจบก็หันหลังจากไป
ตงเหมยชี้หลังซานหู “ดูนางสิ! กลับกล้าเหยียบหัวคนอื่นแล้ว…”
ซานหูที่ออกไปแล้ว จู่ๆ ก็หันกลับมาแสยะยิ้มใส่ตงเหมย ตงเหมยสะดุ้งตกใจ จึงอดถอยไปด้านหลังสองก้าวไม่ได้
“ผู้เฒ่าไป๋ยังอยู่ ข้าขอเตือนเจ้าหน่อยว่าควรรักษาหน้าตาของจวนไว้ให้ดี” อย่างไรเจ้าก็คือคนที่ติดตามฮูหยิน” ซานหูพูดจบก็กลอกตามองบนใส่ตงเหมยด้วยความดูหมิ่น จากนั้นปล่อยม่านเดินจากไป
“เจ้า…” ตงเหมยเครียดจนชี้ม่านประตู ผ่านไปสักพักก็พูดอะไรไม่ออก จึงหันไปคร่ำครวญใส่ซูอวี้เสียง
ซูอวี้เสียงกลับหันหลังหลับไป
เหยาเฟิ่งเกอรอให้ผู้เฒ่าไป๋จ่ายยาเสร็จก็เอาหีบยื่นไปให้เขาพร้อมพูดยิ้มๆ “ได้ข่าวว่าช่วงก่อนผู้เฒ่าไป๋เพิ่งจะมีหลานที่อ้วนจ้ำม่ำคนหนึ่ง เหตุเพราะข้ายังอยู่ในช่วงไว้อาลัยองค์หญิงต้าจั่ง ซ้ำในจวนยังเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ จึงไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าไป๋ ของสิ่งนี้ถือเป็นสินน้ำใจเล็กๆ ของข้า ผู้เฒ่าไป๋ได้โปรดอย่ารังเกียจเลย”
สองมือของผู้เฒ่าไป๋พลันรับหีบเล็กนั้นไว้ พอเปิดดูก็เห็นว่าด้านในเป็นหยกเหอเถียน เนื้อหยกโปร่งใสงดงาม แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่หยกทั่วไป ดังนั้นจึงรีบยื่นกลับไปด้วยสองมือ พร้อมพูดยิ้มๆ “ฮูหยินน้อยสามเกรงใจเกินไปแล้ว! หยกนี่ล้ำค่าเกินไปสำหรับรับขวัญเด็ก ข้าคงรับไว้ไม่ได้หรอก”
เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “ผู้เฒ่าไป๋กำลังรังเกียจพวกเราอยู่หรือ หรือว่าไม่อยากให้พวกเราไปรบกวนท่านถึงจวนอีก”
“มิบังอาจ” ไป๋นั่วจิ้งพลันยิ้มและดึงหีบกลับไป “เช่นนั้นก็ขอบคุณฮูหยินน้อยสามแล้ว”
“ผู้เฒ่าไป๋อย่าได้เกรงใจไปเลย” เหยาเฟิ่งเกอพูดไป ก็สั่งหลีหมัวมัวที่อยู่ข้างๆ “ไปส่งผู้เฒ่าไป๋แทนข้าที สั่งให้คนเฝ้าประตู ใช้รถม้าส่งผู้เฒ่าไป๋กลับจวนด้วย”
หลีหมัวมัวขานรับ แล้วหันไปน้อมคำนับให้ไป๋นั่วจิ้งอย่างเกรงใจ “ผู้เฒ่าไป๋เชิญตามบ่าวมาเจ้าค่ะ”
ไป๋นั่วจิ้งคารวะเหยาเฟิ่งเกอ “ฮูหยินน้อยสาม ข้าขออำลา”
“ผู้เฒ่าไป๋กลับดีๆ เถอะ” หลังจากไป๋นั่วจิ้งออกจากประตู รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเหยาเฟิ่งเกอค่อยๆ หายไปแล้วหันไปมองซานหู
ซานหูเดินหน้าไปเลิกม่านประตูเรือนตะวันตกขึ้น พร้อมกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ฮูหยินเจ้าคะ เวลาก็ล่วงเลยไปแล้ว บ่าวจะปรนนิบัติท่านล้างหน้าแปรงฟันนะเจ้าคะ”
เหยาเฟิ่งเกอพยักหน้า กลับไม่พูดไม่จา แค่เพียงหันหลังเดินเข้าไปในเรือนตะวันตก
หลี่หมัวมัวส่งไป๋นั่วจิ้งกลับไปเสร็จ จึงมารายงานให้เหยาเฟิ่งเกอฟัง เหยาเฟิ่งเกอได้ยินซานหูบอกคำพูดเหล่านั้นตอนนางเข้าไปในเรือนตะวันออก ด้วยเหตุนี้จึงถามหลี่หมัวมัวด้วยสีหน้าเย็นชา “เหล่าสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติลู่ฮูหยินก่อนหน้านี้ ตอนนี้ไปอยู่ไหนกันหมดแล้ว”
“เรื่องนี้ฮูหยินน้อยรองเป็นคนจัดการเจ้าค่ะ สาวใช้ที่ได้อายุออกเรือน ต่างก็ออกเรือนไปหมดแล้ว ส่วนสาวใช้ที่ยังอายุน้อยก็กระจายไปรับใช้ในแต่ละเรือน” หลี่หมัวมัวตอบกลับ
เหยาเฟิ่งเกอพึมพำอย่างเย็นชาแล้วสั่งการว่า “ช่วงนี้เจ้าไปช่วยข้าสืบหาทีว่าใครที่ปากพล่อย กลับบังอาจมาทำลายชื่อเสียงเยี่ยนอวี่!”
“เจ้าค่ะ” หลี่หมัวมัวพลันค้อมตัวตอบกลับแล้วแอบมองซานหู ซานหูมีสีหน้าจนปัญญา แล้วกวาดสายตามองไปที่เรือนตะวันออก หลี่หมัวมัวจึงเข้าใจทันที
วันที่สอง ตอนเหยาเฟิ่งเกอกินอาหารเช้า ก็พร่ำบ่นว่ามีสิ่งที่เป็นมลทินอยู่ในเรือน จึงสั่งให้หลี่หมัวมัวไปเชิญแม่หมอมาขับไล่สิ่งมลทินดังกล่าวออกจากเรือน สุดท้าย แม่หมอคนนั้นก็บอกว่า เหตุเพราะปีนี้เป็นท้ายปีมะโรง ปีหน้าคือปีมะเส็ง มังกรใหญ่และมังกรเล็กเชื่อมต่อกัน เดิมทีก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ทว่าเหตุเพราะในเรือนมีคนเกิดปีกุน ซึ่งชงกับปีมะเส็ง ฉะนั้น ถึงได้ทำให้ชีวิตคนในเรือนไม่สันติสุข
หากอยากจะแก้ชง ก็ต้องให้คนเกิดปีกุนไปอยู่ในที่สงบ และอันเชิญเทพฉีเทียนและเทวนารีแห่งเขาไท่ซานมายังโลกมนุษย์ ต้องกราบไหว้บูชาเทพเจ้าตอนยามอิ๋นในทุกๆ วัน จวบจนถึงเทศกาลเพ็ญแรกของปีมะเส็งผ่านไป ถึงจะหลุดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้
เหยาเฟิ่งเกอขมวดคิ้วถามว่าใครที่เกิดปีกุนบ้าง หลี่หมัวมัวค้อมตัวลงพลางรายงานว่ามีตงเหมยที่เกิดปีกุนคนเดียว เหยาเฟิ่งเกอจึงเปรยว่า “มิน่าล่ะคุณชายสามถึงไม่ยอมหายป่วยเสียที ช่วงนี้นางไม่ใช่ว่าคอยปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดอยู่หรือ นี่มันชงกันชัดๆ!”
หลี่หมัวมัวพยักหน้า “เจ้าค่ะ! แม่หมอคนนี้แม่นยำในเรื่องพวกนี้ที่สุด”
“เอาเถอะ จ่ายค่าธูปเทียนให้แม่หมอคนนี้เพิ่มขึ้นเสียหน่อย แล้วเชิญนางไปทำพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่อารามเต๋า” เหยาเฟิ่งเกอพูดไปก็เหยียดกายลุกขึ้น จากนั้นเดินไปข้างนอกพลางสั่งการไปด้วย “บอกให้คนไปเก็บข้าวของตงเหมย ให้นางไปอารามนอกเมืองวันนี้ได้เลย แล้วให้นางคุกเข่าขอพรให้คุณชายสาม สั่งให้นางต้องทำจากใจจริง เจ้าไปบอกนางว่าอาการของคุณชายสามจะหายดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่านางจะสวดมนต์ขอพรจากใจจริงหรือไม่!”