หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 431 เฟิ่งเกอสร้างสถานการณ์ สองพ่อลูกพูดคุยเรื่องในใจ (3)
ตอนที่ 431 เฟิ่งเกอสร้างสถานการณ์ สองพ่อลูกพูดคุยเรื่องในใจ (3)
“เจ้าค่ะ” หลี่หมัวมัวขานรับแล้วหันไปมองหน้าต่างเรือนตะวันออก มุมปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เหยาเฟิ่งเกอออกจากเรือนตนเอง แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนชิงผิงโดยตรง
ตลอดทาง เหยาเฟิ่งเกอแสยะยิ้มในใจ ตงเหมยเป็นเพียงสาวใช้หัวรั้นเท่านั้น ไม่คุ้มแก่การโมโหแม้แต่น้อย กลับมีคนบางประเภทที่เจ้ายิ่งไม่สนใจนาง นางก็ยิ่งนึกว่าทุกคนต่างกลัวนาง ยังนึกว่าตนเองเป็นฮูหยินตัวจริงอีกหรือ! ต่อให้ทั้งตระกูลติ้งโหวถูกทำลาย นางก็ไม่มีสิทธิ์มาสร้างปัญหาและบ่อนทำลายเช่นนี้!
เฟิงฮูหยินน้อยได้ยินว่าเหยาเฟิ่งเกอมาเยือนจึงลุกขึ้นนั่ง “น้องสาวรีบนั่งเถอะ ลำบากเจ้าที่ต้องมาเยี่ยมข้าบ่อยๆ ” พูดไปก็ยิ้มอย่างขมขื่น “วันนี้ในจวนเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ข้าไม่เพียงแต่ช่วยอะไรไม่ได้ ทั้งยังทำให้พวกเจ้าเหน็ดเหนื่อยกว่าเดิม”
เหยาเฟิ่งเกอเอ่ยปลอบสองสามคำแล้วหันไปมองสาวใช้ที่รับใช้อยู่ในเรือน ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “น้องซิ่วอวิ๋นไม่ได้มานี่หรือ”
เฟิงฮูหยินน้อยยิ้มจางๆ พร้อมพูดว่า “ช่วงนี้ท่านพี่กลับมา ก็ให้ไปพักที่เรือนนาง นางเพียงดูแลท่านพี่ก็เหนื่อยมากพอแล้ว ข้าเลยสั่งให้นางไปพักผ่อนในเรือน ที่ข้ามีสาวใช้คอยรับใช้อยู่แล้ว นางมาก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
เหยาเฟิ่งเกอพยักหน้าพร้อมพูด “พี่สะใภ้ใหญ่มีจิตเมตตามาตลอด ไม่เหมือนข้าที่ทำตัวเย่อหยิ่งมาตลอด”
“ดูเจ้าพูดสิ” เฟิงฮูหยินน้อยมองสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้ม ทุกคนค้อมตัวถอยออกจากเรือน
ในเรือนเหลือเพียงเฟิงฮูหยินน้อยและเหยาเฟิ่งเกอเพียงสองคนเท่านั้น เฟิงฮูหยินน้อยมองดวงตาอันงดงามของเหยาเฟิ่งเกอ จึงพูดด้วยยิ้มจางๆ “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ ตอนนี้ ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องพูดจาอ้อมค้อมอะไรอีก”
เหยาเฟิ่งเกอถอนหายใจแผ่วเบา “ก็ไม่มีอะไรหรอก มีเพียงเรื่องสาวใช้ในเรือน ทำให้ข้าอัดอั้นใจอย่างมาก”
“เช่นนั้นเจ้าก็ว่ามาเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเอง” เฟิงฮูหยินน้อยพูดไป ก็ตบมือเหยาเฟิ่งเกอเบาๆ
เหยาเฟิ่งเกอพูดว่า “ช่วงก่อนคุณชายสามไม่ใช่ว่ากินยาที่หมอทหารหลิวจ่ายให้จนเกือบจะสิ้นใจไปหรือ เรื่องนี้ตามหลักแล้ว มันคือความผิดของหมอทหารหลิว ทว่าตอนนี้กลับมีคนร่ำลือกันว่า เหยาเยี่ยนอวี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ บอกว่าหมอหลิวใช้สูตรยาของเยี่ยนอวี่ ดังนั้นถึงได้ทำให้คุณชายสามป่วยหนัก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า เยี่ยนอวี่ทำร้ายคุณชายสาม พี่สะใภ้ว่า ข้าสมควรปวดหัวกับเรื่องพวกนี้หรือไม่”
เฟิงฮูหยินน้อยต่อว่าทันที “เหลวไหลไปกันใหญ่ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ! ใครเป็นคนปล่อยเรื่องนี้ออกมา น้องสะใภ้สามสั่งให้พ่อบ้านลากตัวไปเฆี่ยนให้ตายไปเลย! ตอนนี้น้องเหยาเป็นถึงหมอหลวงขั้นสามของฝ่าบาท จะยอมปล่อยให้พวกสาวใช้ปากพล่อยมาทำลายชื่อเสียงได้อย่างไร”
เหยาเฟิ่งเกอยิ้มจางๆ “นี่ก็ใกล้ตรุษจีนแล้ว และในจวนก็เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ข้าก็ยิ่งไม่กล้าเฆี่ยนตีหรือจับกุมตัวใครทั้งนั้น แค่นี้ข้าก็รู้สึกกระวนกระวายใจแล้ว หากจะให้เฆี่ยนหรือจับกุมตัวอีก เกรงว่าคงเกิดเรื่องเศร้าระทมอีก เช่นนั้นก็คงไม่ได้เฉลิมฉลองตรุษจีนแล้ว”
“แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้สาวใช้ปลูกปั่นเรื่องราวนี่!” เฟิงฮูหยินน้อยพูดไปก็รู้สึกโกรธเคือง
“เอาเถอะ!” เหยาเฟิ่งเกอตบมือเฟิงฮูหยินน้อยปลอบโยน “หากพี่สะใภ้อยากจะลงโทษพวกไพร่ต่ำทราม ท่านก็รีบพักฟื้นตัวให้หายดีในเร็ววันเถอะ จะได้มาสะสางงานเรือนให้เป็นระเบียบ พึ่งพาอำนาจและความน่าเกรงขามที่เป็นสะใภ้ท่านซื่อจื่อมาข่มพวกบ่าวที่อวดดี”
เฟิงฮูหยินน้อยเปรย “ที่เจ้าพูดก็ถูก ข้าป่วยได้ไม่ใช่เวลาจริงๆ”
“พี่สะใภ้พูดเช่นนี้อีกแล้ว” เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “ข้ามาเพื่อให้ท่านไม่สบอารมณ์หรือ”
เฟิงฮูหยินน้อยยกยิ้มแล้วถอนหายใจ เหยาเฟิ่งเกอถือโอกาสเบี่ยงประเด็นพูดคุย “อันที่จริง ข้ามาหาพี่สะใภ้ในวันนี้ ไม่ได้คิดจะมาร้องทุกข์อะไรหรอก แค่อยากจะมาเตือนสติท่านจากใจจริง”
“อ้อ?” เฟิงฮูหยินน้อยทำตัวระมัดระวังทันที “เรื่องอะไรหรือ”
“พี่สะใภ้ครุ่นคิดดู วันนี้สภาพของคุณชายสามเป็นเช่นนี้ ข้าไม่มีทางมีบุตรชายให้เขาได้แน่นอน ข้าจึงวางแผนมานานว่าจะให้หู่พั่วมีบุตรชายให้เขา ถึงเวลาเด็กที่คลอดออกมาจะอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของข้า ตอนโตก็ยังเป็นเพื่อนกับเย่ว์เอ๋อร์ได้ ข้าก็ไม่คาดหวังสิ่งอื่น เพียงหวังว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนข้ากับเยี่ยนอวี่”
เฟิงฮูหยินน้อยพยักหน้า แล้วถอนหายใจพลางบอกว่าใช่
เหยาเฟิ่งเกอพูดขึ้นต่อ “ทว่ากลับบังเอิญนัก หลิวหลีก็ตั้งครรภ์ด้วย ตอนนั้นข้ายังคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย ขืนหู่พั่วและหลิวหลีแก่งแย่งชิงดีกันเพราะบุตร ข้าที่เป็นนายหญิงก็ไม่รู้จะไกล่เกลี่ยอย่างไร! ทว่าตอนนี้ข้ากลับค่อนข้างรื่นเริงยินดีที่พวกนางสองคนต่างก็ตั้งครรภ์”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ล่ะ” เฟิงฮูหยินน้อยกำลังคิดว่า มีอนุภรรยาเพียงหนึ่งคน ยังรู้สึกอัดอั้นใจไม่พออีกหรือ ทว่ากลับมาดีใจที่มีสองคน?
“เพราะว่าข้าเคยให้หมอตำแยที่มากประสบการณ์มาดูครรภ์ของพวกนาง หมอตำแยบอกว่า หู่พั่วได้บุตรี ส่วนหลิวหลีได้บุตรชาย”
เฟิงฮูหยินตะลึงงัน จึงอดยืดคอมองเหยาเฟิ่งเกอไม่ได้ จากนั้นก็เอ่ยถาม “จริงหรือ”
เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “ข้าจะโกหกท่านไปเพื่ออะไรกัน”
เฟิงฮูหยินน้อยเม้มปาก แล้วถอนหายใจเบาๆ จากนั้นพิงครุ่นคิดอะไรบางอย่างบนตั่งไม้ เหยาเฟิ่งเกอมองสีหน้าของนาง ก็ไม่ได้มากความอะไร แค่ยกน้ำอุ่นบนโต๊ะด้านข้างยื่นไปให้นาง “พี่สะใภ้ ดื่มน้ำเถอะ”
“เฮ้อ! คำพูดเช่นนี้ของเจ้ากลับเตือนสติข้า” เฟิงฮูหยินรับถ้วยชาไว้ แล้วจิบน้ำไปหนึ่งคำ พร้อมยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนนี้อย่าพูดถึงซิ่วอวิ๋นที่ยังไม่ได้ตั้งครรภ์เลย ต่อให้นางตั้งครรภ์ ก็ยังไม่รู้ว่าได้บุตรชายหรือไม่ อีกอย่าง…” หลังจากตั้งครรภ์ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะคลอดบุตรออกมาอย่างราบรื่นหรือไม่
เหยาเฟิ่งเกอถอนหายใจเสียงเบา “สถานการณ์เช่นนี้ของจวนในตอนนี้ เรื่องบางอย่างก็ช่วยไม่ได้ ข้าขอเอ่ยคำพูดที่ไม่เข้าหูหน่อยเถอะ ใครก็มีเหาเยอะก็คงไม่รู้จักคันอีกแล้ว ไหนๆ พี่สะใภ้ก็ยอมให้น้องสาวเป็นอนุภรรยาไปหนึ่งคนแล้ว เหตุใดยังต้องสนใจคนที่สองสามอีกเล่า อีกอย่าง ดูจากสภาพของคนที่อยู่ในพระอุโบสถ พี่สะใภ้คิดว่านางจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
“เจ้ากล่าวถูก” แววตาของเฟิงฮูหยินดูแน่วแน่ขึ้นมา และได้ตัดสินอะไรบางอย่างในใจแล้ว
เหยาเฟิ่งเกอรับจอกชาในมือของเฟิงฮูหยินน้อย แล้วยิ้มด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ฟังข้าพูดมาเยอะเช่นนี้ พี่สะใภ้คงเหนื่อยแย่แล้ว ข้าขอตัวก่อน พี่สะใภ้พักผ่อนดีๆ เถอะ”
เฟิงฮูหยินน้อยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ “มีเวลาว่างก็มาเยือนอีกล่ะ ข้านอนอยู่บนเตียงทั้งวันก็รู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก หวังว่าเจ้าจะมาพูดคุยเล่นกับข้า”
เหยาเฟิ่งเกอพยักหน้าตอบกลับแล้วลุกขึ้นจากไป เฟิงฮูหยินน้อยพิงครุ่นคิดอะไรบางอย่างบนตั่งไม้อย่างเงียบๆ สุดท้ายก็เย้ยหยันตัวเอง แล้วสั่งให้ซินฟู่และเฉินซินเข้ามา “เจ้าไปช่วยข้าจัดการเรื่องหนึ่ง ต้องทำอย่างเงียบๆ และให้ว่องไวล่ะ”
เฉินซินจึงเงี่ยหูฟัง เฟิงฮูหยินน้อยสั่งการด้วยเสียงเบา
“ฮูหยิน! เรื่องนี้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเลยเจ้าค่ะ!” เฉินซินทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
เฟิงฮูหยินน้อยพูดยิ้มๆ “ฟังข้าเถอะ ทำตามที่ข้าบอก”
เหยาเฟิ่งเกอออกจากเรือนชิงผิงก็ไม่ได้รีบกลับเรือนฉีเสียง แค่เดินไปสวนด้านหลัง
หลังสวนจวนติ้งโหวในเหมันตฤดูในปีนี้ซบเซากว่าที่ผ่านมา ถึงแม้พืชพันธุ์ดอกไม้ยังคงเบ่งบานเหมือนเดิม ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเหมือนก่อนหน้านี้ เหยาเฟิ่งเกอเดินบนถนนหิน ริมทางทั้งสองมีต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน ขณะเดียวกันก็ทำให้ใจของนางไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หลังจากเดินอ้อมดงไม้ไผ่ หลี่หมัวมัวก็เดินมาจากถนนฝั่งตรงกันข้าม พร้อมเดินมาใกล้เหยาเฟิ่งเกอ จากนั้นน้อมคำนับ “ฮูหยินเจ้าคะ ตงเหมยถูกส่งตัวไปแล้ว”
เหยาเฟิ่งเกอสั่งการด้วยเสียงต่ำ “อืม เจ้าคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ของเฉินซิน หากข้าเดาไม่ผิด นางต้องซื้อสาวใช้รูปงามเข้าจวนแน่นอน เจ้าไปเลือกแม่นางรูปงามและน่าไว้วางใจไปให้นางเสียสองสามคน เรื่องนี้ห้ามทิ้งร่องรอยใดๆ เด็ดขาด”