หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 434 งานเลี้ยงครอบครัวสุขสันต์ ความรักหวานซึ้ง (2)
ตอนที่ 434 งานเลี้ยงครอบครัวสุขสันต์ ความรักหวานซึ้ง (2)
เหยาหย่วนจือส่ายหัวไม่พูดไม่จา เหยาเยี่ยนอวี่จึงเอ่ยว่า “ไม่ว่าเชวี่ยหวาจะเป็นเช่นไร เรื่องของโรงงานกระจก ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนาง ความปรารถนาเดิมของข้าคือแค่ต้องการคิดเผื่อชีวิตวันข้างหน้าของพี่สาว และอยากให้พี่ใหญ่เป็นคนดูแล เชวี่ยหวา…นางเหมือนไม่ชอบขี้หน้าข้า ข้าก็ไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับนางมากมาย”
เหยาหย่วนจืออดขมวดคิ้วไม่ได้ ไม่รู้ว่าเหตุใดเหยาเยี่ยนอวี่ถึงจะมีมุมมองแง่ลบต่อเชวี่ยหวาเสมอ
“เอาเถอะ อย่างไรนางก็ยังเด็ก” เหยาเหยียนอี้มีคำตอบในใจ ดังนั้นจึงเบี่ยงประเด็นพูดคุยทันที “หากอนาคตนางยังทำตัวเป็นเด็กๆ และไม่รู้กฎระเบียบและมารยาท พวกเราค่อยหาหนทางอื่นให้นางเถอะ เรื่องผลิตกระจกเป็นเรื่องของน้องรอง ดังนั้นเรื่องโรงงานกระจก นางพูดอย่างไรก็ว่าตามนั้น”
ถึงแม้เหยาเฟิ่งเกอไม่รู้ว่าเหตุใดเหยาเยี่ยนอวี่ถึงได้เกลียดชังเชวี่ยหวามากเช่นนี้ ทว่ากลับพยักหน้าเห็นด้วยกับเหยาเหยียนอี้ “ต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนนี้น้องรองไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง นางอยากดึงพวกเราไปร่วมลงทุนด้วย แน่นอนว่าเพียงต้องการช่วยเหลือพวกเราเท่านั้น”
“เรื่องเล็กๆ พวกนี้ พวกเจ้าไปปรึกษากันเองเถอะ” ทีแรกเหยาหย่วนจือก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเช่นนี้อยู่แล้ว เขาในฐานะหัวหน้าครอบครัว ก็ควรกังวลถึงเรื่องใหญ่ของทั้งตระกูลเท่านั้น สำหรับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ขอเพียงบุตรของเขาไม่ทำเกินความเหมาะสม พวกเขาอยากทำอย่างไรก็ล้วนตามใจพวกเขา อีกอย่างเหยาเหยียนอี้ที่สั่งสมประสบการณ์มาในสองปีนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งชำนาญแล้ว ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็มักจะระมัดระวังเป็นพิเศษ มีเขาคอยควบคุมดูแล คงไม่เกิดข้อผิดพลาดแน่นอน
จากนั้น เหยาหย่วนจือก็พูดคุยเล่นกับบุตรของตนไปสักพัก เหตุเพราะเป็นฤดูหนาว ท้องฟ้าเลยมืดเร็วกว่าปกติ
เหยาเหยียนอี้สั่งให้สาวใช้เข้ามาจุดไฟ ยัยหนูน้อยเหยาชุ่ยฮั่นที่สวมชุดคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีแดงสดกำลังเดินโงนเงนมา พอเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ก็วิ่งเข้าไปกลางอ้อมกอดด้วยความดีใจ
“เหตุใดถึงไม่น้อมคำนับให้ท่านปู่ล่ะ” เหยาเหยียนอี้พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ยัยหนูน้อยรีบกระโดดลงจากตักของเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วโค้งคำนับให้เหยาหย่วนจืออย่างมีระเบียบ พร้อมพูดด้วยเสียงอู้อี้ “ฮั่นเอ๋อร์น้อมคำนับให้ท่านปู่เจ้าค่ะ ขอให้ท่านปู่สุขภาพแข็งแรง อายุยืนนาน”
เหยาหย่วนจือหัวเราะอย่างชื่นใจ “อืม ดี ดี ลุกขึ้นเถอะ”
เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “ฮั่นเอ๋อร์ของพวกเรายิ่งอยู่ยิ่งงดงามแล้ว นัยน์ตาแววใสราวกับหยดน้ำเลย”
“น้อมคำนับท่านอาหญิงใหญ่เจ้าค่ะ” เหยาชุ่ยฮั่นหันไปโค้งคำนับให้เหยาเฟิ่งเกอ จากนั้นก็หันไปทางเหยาเยี่ยนอวี่ “น้อมคำนับท่านอาหญิงรองเจ้าค่ะ” สุดท้ายก็น้อมทักทายเหยาเหยียนอี้ “น้อมคำนับท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“พอได้แล้ว มาหาอาเร็ว” เหยาเฟิ่งเกอกวักมือเรียกยัยหนูน้อยด้วยรอยยิ้ม
เหยาชุ่ยฮั่นเข้าไปในอ้อมกอดของเหยาเฟิ่งเกอ พร้อมเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านอาหญิงใหญ่เจ้าคะ น้องเย่ว์เอ๋อร์ล่ะ”
“เย่ว์เอ๋อร์อยู่ที่จวน เพราะอากาศหนาวเกินไป น้องยังเด็ก ท่านอากลัวว่าน้องจะป่วยไข้ เลยไม่ได้พามาด้วย” เหยาเฟิ่งเกออุ้มหลานสาวไว้ แล้วพูดยิ้มๆ แผ่วเบา
เหยาชุ่ยฮั่นจึงถอนหายใจอย่างเสียดาย “เฮ้อ! ข้ายังเก็บลูกอมถั่วลิสงที่นางชอบกินไว้ให้นางแน่ะ” นางถอนหายใจเช่นนี้ ทุกคนต่างหัวเราะ เหยาเฟิ่งเกอถามด้วยรอยยิ้ม “ฮั่นเอ๋อร์ชอบน้องสาวหรือ”
“ชอบสิ” เหยาชุ่ยฮั่นพยักหน้า แล้วพูดเพิ่มเติม “และชอบหยวนเอ๋อร์ด้วย”
“เช่นนั้นวันข้างหน้าฮั่นเอ๋อร์พาน้องๆ ไปเล่น ดีไหม”
“ดีเจ้าค่ะ” ยัยหนูน้อยมองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความจริงจัง พร้อมพูดขึ้นต่อ “แล้วยังมีน้องๆ ของท่านอาหญิงรองด้วย พวกเราจะไปเล่นด้วยกัน”
“…” เหยาเฟิ่งเกอพลันมองเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วกวาดสายตามองท้องน้อยของนาง หรือว่าน้องสาวตั้งครรภ์แล้ว เหตุใดถึงไม่ได้ข่าวเลย
เหยาเยี่ยนอวี่สีหน้าเขินอาย พอจิบชาก็สำลักทันที “แค่ก! ฮั่นเอ๋อร์ ท่านอาหญิงรองมีน้องๆ ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
ยัยหนูน้อยยิ้มอย่างร่าเริง แล้วพูด “ท่านแม่บอกว่า วันข้างหน้าจะมีเอง!”
ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้ เหยาเยี่ยนอวี่ทั้งเขินอายทั้งเจ็บปวดใจ ไม่รู้ว่าอธิบายความรู้สึกภายในใจออกมาอย่างไร ยังดีที่ข้างนอกมีคนเข้ามารายงาน “เรียนนายท่าน แม่ทัพเว่ย แม่ทัพเว่ยมาแล้วขอรับ”
“แหม เสี่ยนจวินมาแล้วหรือ รีบเชิญเข้ามาเถอะ” เหยาเหยียนอี้ลุกขึ้นไปต้อนรับด้วยสีหน้าเบิกบาน
เว่ยจางก็ได้เข้ามาจากด้านใน เขาอยู่ในชุดคลุมสีม่วงลายเมฆาที่มีเกล็ดหิมะติดอยู่เล็กน้อย เหยาเยี่ยนอวี่จึงรีบยื่นมือไปช่วยเขาปัดออก ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “หิมะตกหรือ!”
“เพิ่งจะเริ่มตก” เว่ยจางยกมือถอดชุดคลุมขนมิงค์พลางยื่นไปให้สาวใช้ด้านข้าง พร้อมทั้งสังเกตมองสีหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ ด้วยเหตุนี้จึงถามยิ้มๆ “ถ่านในเรือนเพียงพอจริงๆ ดูหน้าเจ้าร้อนจนแดงระเรื่อเลย”
เหยาเยี่ยนอวี่ถลึงตามองเขาและไม่พูดไม่จา แล้วหันหลังเดินไปอยู่ข้างกายเหยาเฟิ่งเกอ เว่ยจางจึงเดินตามไป หลังจากเดินผ่านฉากกั้นก็น้อมคำนับให้เหยาหย่วนจือก่อน
ในสายตาของเหยาหย่วนจือ แม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วคือบุตรเขยดีเด่น จึงได้รับการให้สำคัญอยู่แล้ว ดังนั้นเขาเลยพูดว่า ‘ลุกขึ้น’ ด้วยสีหน้ารื่นเริง แล้วสั่งการเหยาเยี่ยนอวี่ “รินน้ำชาให้ท่านแม่ทัพเถอะ”
ต่อหน้าบิดาของตน เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่กล้าดื้อดึง จึงรินน้ำชาให้เว่ยจางกับมือ เว่ยจางรับน้ำชาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ พร้อมทั้งพูดอย่างเกรงใจ “ขอบคุณฮูหยิน”
เหยาเยี่ยนอวี่กลอกตามองบนใส่เขา พร้อมพูดว่า “ยินดีเจ้าค่ะ”
เหยาเฟิ่งเกอพูดขึ้นยิ้มๆ “ดูพวกเจ้าให้เกียรติซึ่งกันและกันจริงๆ”
เหยาเหยียนอี้พูดยิ้มๆ “อันที่จริงเยี่ยนอวี่กำลังดื้อดึงต่างหาก แต่ท่านแม่ทัพไม่เรียกร้องอะไรเท่านั้น”
เว่ยจางยิ้มพลางมองเหยาเยี่ยนอวี่อีกครั้ง พร้อมพูดอย่างรื่นเริงว่า “ยังดี ไม่ได้ดื้อดึงเกินไป”
เหยาเยี่ยนอวี่ถลึงตามองเขาอีกครั้ง ‘ไม่ได้ดื้อดึงเกินไป’ หมายความว่าอะไร
โอกาสหายากที่ทั้งครอบครัวจะอยู่กินข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ตอนเหยาหย่วนจือเพิ่งมาถึงเมืองหลวง เหยาเฟิ่งเกอก็ไม่อยู่ พอเหยาเฟิ่งเกอมาเยือน เว่ยจางกลับมีธุระ วันนี้นอกจากซูอวี้เสียงแล้ว ก็ถือว่าพร้อมหน้าพร้อมตากัน ดังนั้นหนิงฮูหยินน้อยสั่งให้คนจัดอาหารอันเลิศรสไว้แต่เนิ่นๆ ทั้งยังเตรียมสุราชั้นดีไว้หนึ่งไห “ปกติทุกคนต่างยุ่ง วันนี้ถือว่าพร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “หรือว่าพวกเราจะเฉลิมฉลองตรุษจีนตั้งแต่ตอนนี้”
หนิงฮูหยินน้อยพูด “ไม่ถือว่าฉลองตรุษจีนหรอก วันนี้ถือว่าเป็นมื้อเล็กๆ ที่กินกันพร้อมหน้าพร้อมตาเท่านั้น”
อาหารมื้อนี้กินกันอย่างครึกครื้นยิ่งนัก เหยาหย่วนจือให้ความสำคัญเว่ยจาง ขอเพียงเป็นจอกสุราที่เว่ยจางริน เขาจะดื่มหมดจอก พอเป็นเช่นนี้ เหยาเหยียนอี้ก็มีความสุขมาก จึงชูจอกชนกับบุตรเขยดีเด่นของตระกูลเหยา หนิงฮูหยินน้อยคอยคีบอาหารและคำนับสุรากับน้องสาวสองคนนี้ กว่าอาหารมื้อนี้จะจบลงก็ยามสองแล้ว
หนิงฮูหยินน้อยบอกว่าจัดเตรียมเรือนไว้แล้ว ด้านนอกหิมะตกหนัก น้องสาวสองคนนี้ก็อย่ากลับไปเลย อยู่ค้างแรมที่นี่หนึ่งคืน
เหยาเฟิ่งเกอยังคงคอยเป็นห่วงบุตรี จึงดึงดันที่จะกลับไป เหยาเหยียนอี้เลยสั่งให้ข้ารับใช้เตรียมรถม้าชั้นดี แล้วส่งน้องสาวกลับไปด้วยตัวเอง เว่ยจางก็พูดว่า “มิเช่นนั้นข้ากับเยี่ยนอวี่ไปส่งพี่ใหญ่เถอะ ก็แค่อ้อมไปทางจวนติ้งโหวหน่อย ไม่ถือเป็นเรื่องลำบากอะไร พี่รองดื่มสุราไปไม่น้อย อย่าได้ออกไปตากลมหนาวเลย”
เหยาเหยียนอี้ครุ่นคิดก็เห็นด้วย จึงกำชับหลี่จงให้ระมัดระวังแล้วส่งน้องสาวสองคนขึ้นรถม้าของตนเองกับตา พร้อมเกลี้ยกล่อมเว่ยจาง “เจ้าอย่าขี่ม้าเลย หิมะยิ่งตกยิ่งหนัก ถึงแม้เจ้าจะแข็งแรง ทว่าก็ควรรักษาสุขภาพให้ดี”
เว่ยจางเพียงแค่มึนกับฤทธิ์สุราเล็กน้อยเท่านั้น พอโอกาสดีมาถึง เขาก็รีบตอบตกลงด้วยสีหน้าเบินบาน แล้วขึ้นรถม้าของเหยาเยี่ยนอวี่ไป
ทหารของจวนติ้งโหวและจวนเว่ยรวมกันประมาณสามสี่สิบคน พวกเขาคุ้มกันรถม้าคันใหญ่ทั้งสองคันออกจากจวนเหยา แล้วมุ่งหน้าไปจวนติ้งโหวก่อน