หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 435 งานเลี้ยงครอบครัวสุขสันต์ ความรักหวานซึ้ง (3)
ตอนที่ 435 งานเลี้ยงครอบครัวสุขสันต์ ความรักหวานซึ้ง (3)
เหยาเยี่ยนอวี่พิงอยู่ในรถม้าพลางอุ้มเตาอุ่นมือไว้ กำลังครุ่นคิดเรื่องในใจอย่างเงียบๆ คืนนี้นางก็ดื่มสุราไปไม่น้อย ทว่ากลับไม่รู้สึกมึนเมาเลย นานเพียงใดแล้วที่ไม่ได้ดื่มอย่างสาแก่ใจเช่นนี้ เหมือนตั้งแต่แต่งเข้าจวนติ้งโหวมา ก็ไม่ได้ดื่มกินอย่างสนุกสนานเช่นนี้
พอมองเหยาเยี่ยนอวี่และเว่ยจางรักและเคารพซึ่งกันและกัน ภายในใจของเหยาเฟิ่งเกอก็รู้สึกอิจฉายิ่งนัก แล้วครุ่นคิดถึงซูอวี้เสียงที่นอนอยู่บนเตียง ก็ยิ่งเจ็บปวดใจ ทว่าจะทำอย่างไรได้ ทุกคนล้วนมีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน จึงมิอาจฝืนโชคชะตาได้
พอนึกถึงตอนแรกที่นางแต่งเข้าจวนติ้งโหวด้วยสินเดิมเจ้าสาวอลังการ ยอดสตรีในเมืองหลวงอวิ๋นล้วนอิจฉาในตัวนาง
จวนติ้งโหวคือพระญาติของฮ่องเต้ ทั้งยังมีคุณงามความดีมากมายต่อแคว้น ใครก็รู้ว่าคุณชายสามซูเป็นหัวแก้วหัวแหวนของฮูหยินติ้งโหว ในสายตาคนอื่น เขาคือบุรุษรูปงามและสง่าผ่าเผย ทั้งยังสุขุม สุภาพ และละมุนละม่อม ถือว่าคุณชายดีเด่นที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงอวิ๋นคนหนึ่ง
ทว่าใครจะไปรู้ว่าคุณชายรูปงามประดุจหยกผู้นี้ ข้างนอกสุกใส ข้างในกลับเป็นโพรง
อันที่จริง เขาจะเที่ยวสำส่อนก็ช่าง จะเกียจคร้านไม่เอาการเอางานก็ช่าง ขอเพียงกิจการทางจวนติ้งโหวยังคงดำเนินต่อไป เหยาเฟิ่งเกอยังมีสินเดิมเจ้าสาวมากมาย เพียงแค่เขาไม่มาคอยหาเรื่อง อย่างไรก็ยังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้
ทว่าน่าเสียดาย ใจคนโลภไม่สิ้นสุดราวกับงูกลืนช้าง ในจวนมีภรรยาเอกและอนุภรรยามากเช่นนี้ก็ยังไม่รู้จักพอ กลับไปโปรดปรานผู้ที่ไม่ควรโปรดปราน และสตรีที่โปรดปรานก็ไม่ใช่คนที่ยอมโดนรังแกง่ายๆ
ตามหลักแล้ว เกี้ยวนางไม่สมหวัง ผู้ที่มีสติปัญญาก็ควรยอมแพ้ อย่างไรนางคือสตรีที่รอบรู้และมากความสามารถ อีกทั้งยังเป็นงานมงคลพระราชทาน ซ้ำยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหมอหลวงขั้นสาม อย่างไรก็คงไม่มีทางมาเป็นอนุภรรยาของคนอื่นอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่น่าเศร้ารันทดคือ ใต้หล้านี้กลับมีคนที่ ‘ดื้อดึงไม่ยอมรับความจริง’
ดื้อดึงไม่ยอมรับความจริง! เหยาเฟิ่งเกอถอนหายใจเสียงเบา
“คุณหนู เวียนศีรษะหรือเจ้าคะ” ซานหูที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามทันที
“เปล่า” เหยาเฟิ่งเกอส่ายหน้า
ซานหูมองดวงหน้าที่ดูอ้างว้างของคุณหนูตนเอง จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “นี่ใกล้จะถึงแล้ว คุณหนูเหนื่อยหรือไม่ ให้บ่าวนวดให้เถอะเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก” เหยาเฟิ่งเกอยกยิ้ม แล้วถามซานหู “หลี่จงดีกับเจ้าไหม”
ซานหูตะลึงงันไป อดก้มหน้าลงไม่ได้ กล่าวว่า “ก็ดีเจ้าค่ะ”
“ก็ดีจริงหรือ”
“ยังดีเจ้าค่ะ เขามีนิสัยค่อนข้างใจร้อน ทว่าตอนใจร้อนนั้น มากสุดก็แค่ต่อว่าบ่าวสองสามคำ กลับยังไม่กล้าลงไม้ลงมือเจ้าค่ะ”
“เขามีอะไรต้องต่อว่าเจ้าด้วยหรือ” เหยาเฟิ่งเกอถามด้วยคิ้วขมวด
ซานหูเป็นบ่าวคนสนิทของนาง ตอนที่ออกเรือนกับหลี่จง เหยาเฟิ่งเกอก็ได้ให้สินเดิมเจ้าสาวกับนางมากมาย ในบรรดาสาวใช้ นางถือเป็นคนสำคัญที่สุด ต่อให้มีหลี่หมัวมัวคอยรับใช้อย่างใกล้ชิด แต่ก็รู้ว่าซานหูมีความสำคัญกับนางอยู่เหมือนกัน แล้วนางจะปล่อยให้หลี่จงรังแกซานหูได้อย่างไร
ซานหูถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “เฮ้อ! คุณหนูเป็นฮูหยินสูงศักดิ์ แล้วจะไปรู้เรื่องของบ่าวไพร่ได้อย่างไร อันที่จริงมีบ้านใดบ้างที่ไม่มีปัญหากัน เพียงแต่ยอมอดทนและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปเท่านั้น ดูครอบครัวของเฉินซิ่นที่เป็นสาวใช้ของฮูหยินน้อยใหญ่สิ ถูกสามีลงไม้ลงมืออยู่บ่อยๆ ทว่าทั้งสองยังคงใช้ชีวิตคู่กันไป ซ้ำยังมีบุตรด้วยกันสามคนแน่ะ”
เหยาเฟิ่งเกอแค่นเสียง ‘หึ’ ออกมา จากนั้นถอนหายใจ เป็นเรื่องจริง ใต้หล้านี้จะมีสามีภรรยาสักกี่คู่ที่เคารพนบนอบต่อกัน มีสักกี่คนที่มีความรักลึกซึ้งให้กัน เพียงแต่อยู่ด้วยกันไปวันๆ เท่านั้น
รถม้าขับไปจอดลงตรงหน้าจวนติ้งโหว ซานหูเอาหมวกเสื้อคลุมคลุมศีรษะของเหยาเฟิ่งเกอไว้และผูกเชือกให้แน่นแล้วเดินลงจากรถม้าก่อน จากนั้นค่อยพยุงเหยาเฟิ่งลงมาจากรถม้า
หิมะยิ่งตกยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ เกล็ดหิมะประดุจขนห่านร่วงหล่นจากกลางนภามืดมัว รูปปั้นสิงโตหน้าประตูจวนติ้งโหวที่ถูกโคมไฟส่องจนกลายเป็นสิงโตหิมะสีแสด
รถม้าด้านหลัง เว่ยจางพยุงเหยาเยี่ยนอวี่ลงจากรถม้า สองสามีภรรยาเดินบนพื้นหิมะหนาไปตรงหน้าเหยาเฟิ่งเกอ เหยาเฟิ่งเกอเอ่ยยิ้มๆ “พวกเจ้าสองคนเข้ามาจิบชาร้อนๆ ก่อนไหม”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัว “ดึกป่านนี้แล้ว พวกเราคงไม่รบกวนแล้ว พี่สาวรีบเข้าไปเถอะ เกรงว่าตอนนี้เย่ว์เอ๋อร์คงหลับไปแล้ว”
“อืม หากพวกเจ้าไม่เข้าไปก็รีบกลับไปเถอะ เวลาล่วงเลยมานานแล้ว” เหยาเฟิ่งเกอยกมือปัดหิมะบนเสื้อคลุมสีแดงสดของเหยาเยี่ยนอวี่ออก
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “เรื่องโรงงานกระจกที่ข้าพูดในวันนี้ พี่สาวหาเวลาว่างมาปรึกษาหารือกัน พวกเรายังต้องเลือกคนไปดูแลแน่ะ ผ่านตรุษจีนนี้ไปจะได้ส่งไปให้พี่ใหญ่ที่เจียงหนาน”
“ได้ ข้าจดจำเรื่องนี้ไว้แล้ว ไว้จะไปหาเจ้าที่จวนวันหลัง” เหยาเฟิ่งเกอตอบกลับ
สองพี่น้องกล่าวอำลากัน เหยาเฟิ่งเกอเห็นเว่ยจางอุ้มเหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นรถม้า จากนั้นก็พาเหล่าทหารออกจากที่นี่ จากนั้นก็เรอเบาๆ หนึ่งที
จนถึงตอนนี้ นางก็ยังรู้สึกปิติยินดีที่เหยาเยี่ยนอวี่มาจวนติ้งโหวในครั้งนั้น และไม่ได้คิดจะหาเรื่องเหยาเยี่ยนอวี่เพราะซูอวี้เสียงโปรดปรานนางเลย ซ้ำยังดีใจที่นางเปิดใจยอมรับน้องสาวคนนี้ได้ ต่อให้เหยาเยี่ยนอวี่พยายามจะทำให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องห่างเหินกัน นางก็พยายามใช้ท่าทีที่ดีของพี่สาวไปมัดใจนาง
ถึงแม้เหยาเฟิ่งเกอไม่รู้ว่าเชวี่ยหวาไปทำอะไรกับเหยาเยี่ยนอวี่ ทว่าวันนี้ดูจากการปฏิเสธเชวี่ยหวา ก็รู้ว่าเหยาเยี่ยนอวี่เป็นคนที่ไม่ยอมโดนรังแกง่ายๆ!
กลับกล่าวถึงเหยาเยี่ยนอวี่ที่พิงอยู่กลางอ้อมกอดของเว่ยจาง เว่ยจางเอาเสื้อคลุมขนมิงค์ห่อหุ้มนางไว้พร้อมพูดยิ้มๆ “เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าวันนี้พี่สาวเจ้าดีกับเจ้าเป็นพิเศษ”
“อืม” เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้า “เป็นเช่นนั้น! ข้าให้นางมีโอกาสหาเงิน แล้วจะไม่พิเศษได้อย่างไร”
“หาเงินอะไร” เว่ยจางถามอย่างสงสัย
“เรื่องโรงงานกระจก” เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “หลังจากผ่านตรุษจีน ข้าจะไปเปิดโรงงานเจียงหนาน ให้นางกับพี่ใหญ่ร่วมลงทุนด้วย หนึ่งคนดูแลบัญชี อีกคนดูแลโรงงาน”
“เจ้ายังขาดคนอีกหรือ” เว่ยจางถามอย่างสงสัย
“ไม่ขาด” เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัว
“ขาดเงินหรือ ขาดเท่าใด”
“เงินก็พอ” เหยาเยี่ยนอวี่เปรยด้วยเสียงเบา แล้วยิ้มแห้งๆ “ตอนนี้ข้ายากไร้จนเหลือแต่เงินแล้ว”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้ายังให้พวกเขาลงทุน หากเจ้าอยากจะขยายกิจการ ใช้เงินตนเองโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ เช่นนี้จะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาในภายหลัง ความสัมพันธ์ทางพี่น้องที่ลึกซึ้งเกินไป กลับทำลายความรู้สึกกันได้ง่ายขึ้น”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วครุ่นคิด พร้อมถาม “เจ้าเกิดเป็นแม่ทัพ มีทหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชานับหมื่น ข้าถามคำถามหนึ่งกับเจ้าได้หรือไม่”
“อืม ถามมาสิ” เว่ยจางจับแก้มของภรรยาแล้วตอบกลับเสียงต่ำ
“เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าเหล่าทหารของเจ้าจะไม่ทรยศเจ้าตลอดไป”
เว่ยจางนึกไม่ถึงว่านางจะถามคำถามเช่นนี้ ดังนั้นจึงขบคิดอย่างเงียบๆ “ไม่มั่นใจหรอก และข้าไม่สงสัยเลยว่าใต้หล้านี้จะมีความจงรักภักดีที่แท้จริงหรือไม่ ทว่าสิ่งที่มั่นใจคือ ความจงรักภักดีที่แท้จริงไม่มีทางเกิดกับทุกคนและเกิดในทุกเรื่อง”
“เป็นเช่นนั้น” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “มนุษย์จงรักภักดี เพราะว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องทรยศ”
เหล่าทหารจงรักภักดีต่อรองแม่ทัพของตน ราชสำนัก และชนชาติ นอกจากเพราะว่าพวกเขารู้จักสัจธรรมของชาติ ก็ยังเพราะว่าพวกเขามีครอบครัว มีบิดา มารดาและบุตร มีกิจการทางครอบครัวที่ตั้งหลักปักฐานได้แล้ว ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาจะไม่ทรยศพวกเขาง่ายๆ