หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 467 หวังเฟยตาบอด ติ้งโหวสิ้นใจ (1)
ตอนที่ 467 หวังเฟยตาบอด ติ้งโหวสิ้นใจ (1)
หลังจากสามวันที่ลู่ฮูหยินสิ้นใจไป เหยาเยี่ยนอวี่และหนิงฮูหยินน้อยก็นัดกันแล้วว่าจะพาหร่วนฮูหยินร่วมพิธีทำบุญแก่ผู้ที่ถึงแก่กรรมในวันที่ห้า
โคมไฟขาวที่แขวนอยู่ตรงประตูใหญ่จวนติ้งโหวเขียนคำว่าไว้อาลัยไว้ตัวใหญ่ๆ ทั้งสองข้างมีกลอนคู่ไว้อาลัยที่ทรงพลังอย่างมาก บ่าวไพร่ที่สวมชุดไว้อาลัยตรงหน้าประตูเดินหน้ามาต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมพิธีศพ หลังจากเดินไปถึงประตูชั้นสอง ชายหญิงก็จะแยกย้ายกัน เหล่าบุรุษจะไปซุ้มงานศพ ส่วนเหล่าสตรีจะไปห้องโถงไว้อาลัย
ในห้องโถงไว้อาลัย เฟิงฮูหยินน้อย ซุนฮูหยินน้อย เหยาเฟิ่งเกอ และซูอวี้เหิงที่ออกเรือนแล้วก็รีบไปคุกเข่าร้องไห้เป็นเพื่อนซูอวี้เหอที่ยังอยู่หน้าป้ายบูชาตลอดเวลา เหยาเยี่ยนอวี่ หนิงฮูหยินน้อย และหร่วนฮูหยินเข้าไปในห้องโถงไว้อาลัย ต่างเดินหน้าจุดธูปไหว้ผู้ล่วงลับไปแล้ว จากนั้นบ่าวถึงจะเชิญไปนั่งพักจิบน้ำชากันที่เรือนข้าง
ทางฝั่งนี้เพิ่งจะจิบน้ำชาไปสองคำ ก็ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากด้านนอก เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางมองหนิงฮูหยินน้อย หนิงฮูหยินน้อยก็ฉงนสงสัย เหยาเยี่ยนอวี่หันกลับไปมองเหล่าไพร่ที่ดูแลน้ำชา บ่าวสองคนนี้ปั้นหน้าตึงเครียดเล็กน้อย
“เหตุใดถึงได้เสียงดังเช่นนี้” เหยาเยี่ยนอวี่ถามเสียงเรียบ
เฉินซินอยู่ด้านข้างพอดี นางคือบ่าวคนสนิทของเฟิงฮูหยินน้อย ก็ต้องไม่เห็นเหยาเยี่ยนอวี่เป็นคนนอกอยู่แล้ว จึงตอบกลับอย่างจนปัญญาและโกรธเคือง “พี่สะใภ้ของลู่ฮูหยินมาเจ้าค่ะ ครั้งก่อนนางก็เคยมาแล้ว บอกว่าการล่วงลับไปของฮูหยินนั้นถูกคนทำร้าย บอกว่าท่านซื่อจื่อของพวกบ่าวอกตัญญู มารดาสิ้นใจไปเช่นนั้นกลับไม่แยแส พวกเขายังบอกว่าจะไปฟ้องเรียกความเป็นธรรมถึงศาลเจ้าค่ะ”
“เหลวไหลไปกันใหญ่” หนิงฮูหยินน้อยขมวดคิ้ว
“เป็นเช่นนั้น คำเช่นนี้พูดออกมาเหลวไหลได้อย่างไร” หนิงฮูหยินน้อยขมวดคิ้ว
เหยาเยี่ยนอวี่พึมพำ “ท่านซื่อจื่อของพวกเจ้ายอมให้คนอื่นรังแกง่ายไปหน่อยไหม คำพูดเช่นนี้ ขืนหลุดออกไปให้คนนอกได้ยินเข้า อนาคตเขาจะเป็นเช่นไร หากฝ่าบาททรงทราบ เรื่องนี้จะจบอย่างไร”
เฉินซินเปรยขึ้น “ฮูหยินกล่าวถูกเจ้าค่ะ เพียงแต่น่าเสียดายที่ลู่ฮูหยินของพวกเราล่วงลับไป ท่านโหวก็ดันมาป่วยหนักอีก อีกอย่างยังไม่ยอมกินยาด้วย เฮ้อ! หมดหนทางเยียวยาแล้วจริงๆ”
ทางฝั่งนี้กำลังพูด เสียงโวยวายด้านนอกก็ดังกว่าเดิม แขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความเสียใจจากตระกูลต่างๆ นั่งไม่อยู่ต่อไป จึงลุกขึ้นออกไปดูแล้ว หนิงฮูหยินน้อยสั่งเฉินซิน “เจ้ารีบออกไปดูฮูหยินซื่อจื่อของพวกเจ้าเถอะ พวกเราก็ไม่ใช่คนนอก ไม่จำเป็นต้องปรนนิบัติอะไรมากมายหรอก”
เฉินซินพลันพูด “ขอบคุณหนิงฮูหยินน้อยที่เข้าใจเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้” พูดไป ก็สั่งสาวใช้ชั้นล่างที่อยู่ด้านหลัง “ดูแลฮูหยินทั้งสามท่านให้ดี”
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นเฉินซินจากไป ก็ถามสาวใช้ชั้นล่างที่อยู่ด้านหลังคนนั้น “เจ้าออกไป แอบเชิญฮูหยินน้อยสามของพวกเจ้าเข้ามาที พวกเรามีธุระต้องคุยกันหน่อย”
สาวใช้ชั้นล่างตอบกลับแล้วจากไป ไม่นานเหยาเฟิ่งเกอที่สวมชุดไว้อาลัยก็เข้ามา
เหยาเฟิ่งเกอเดินเข้ามาก็ไล่สาวใช้ที่อยู่ด้านในออกไปให้หมด แล้วถอนหายใจยาว พร้อมพูดว่า “ตอนแรกยังดีที่ไม่ได้ให้น้องสาวรักษาอาการของนาง จนปัญญากับตระกูลนี้จริงๆ ตอนนี้ไปร้องเรียนถึงศาลซุ่นเทียนแล้ว”
“จะฉีกหน้ากันเช่นนี้จริงหรือ” หนิงฮูหยินน้อยไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก “นี่จะมีประโยชน์อะไรกับพวกเขาล่ะ!”
เหยาเฟิ่งเกอแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “พวกเขาจะได้รับประโยชน์อะไรเล่า ท่านโหวก็ไม่ใช่เป็นคนที่ยอมให้รังแกง่ายๆ อันจริงพูดตามตรงก็คงอยากจะมาสร้างความทุกข์ใจให้งานศพนี้เท่านั้นแหละ! ทว่าพวกเราเป็นทุกข์ แล้วพวกเขาจะมีความสุขหรือ คอยดูไว้เลย”
หนิงฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่ก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา พวกนางเป็นญาติกัน คำบางคำก็ไม่ค่อยอยากพูด
ด้านนอกโวยวายกันไปสักพัก ไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร สุดท้ายนางก็เงียบไป เหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้น “พวกเราก็ควรไปได้แล้ว พี่สาวก็อย่าได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย ดูแลสุขภาพร่างกายตนเองและเย่ว์เอ๋อร์ถึงจะสำคัญที่สุด”
“พูดถึงเย่ว์เอ๋อร์ วันนี้ข้ามีเรื่องอยากขอร้องพี่สะใภ้หน่อย หลายวันมานี้ในจวนเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายจริงๆ คุณชายสามก็เป็นเช่นนั้น หลายวันมานี้แม่นมเป็นคนคอยดูแลเย่ว์เอ๋อร์ ข้าไม่วางใจมาก อยากจะส่งนางไปให้พี่สะใภ้ช่วยดูแลเสียสองสามวัน”
หนิงฮูหยินน้อยพูด “ไหนๆ เป็นเช่นนี้แล้ว วันนี้พวกเราพานางกลับไปด้วยเถอะ”
เหยาเฟิ่งเกอสั่งการซานหูให้พาแม่นมเก็บของใช้ของเย่ว์เอ๋อร์ ประเดี๋ยวติดตามหนิงฮูหยินกลับจวน
ทางฝั่งนี้พูดคุยเรื่องสัพเหระไปสองสามคำ หนิงฮูหยินน้อยเจอหน้าพวกนาง หนิงฮูหยินน้อย หร่วนฮูหยิน และเหยาเยี่ยนอวี่รีบลุกขึ้นคำนับ หลังจากหนิงฮูหยินน้อยคำนับกลับก็นั่งพูดคุยกันอย่างมีมารยาทไปสองสามประโยค
เฟิงฮูหยินน้อยลอบคุยกับเหยาเยี่ยนอวี่ “ไม่ว่าน้องสาวมียาบำรุงครรภ์ที่ดีหรือไม่”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้าเล็กน้อย “ยังไม่มีเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินจะเอาอันนี้ ไป…”
เฟิงฮูหยินน้อยยิ้มอย่างจนปัญญา พร้อมเปรยว่า “ซิ่วอวิ๋นตั้งครรภ์แล้ว เมียบ่าวคนหนึ่งก็ตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน ตอนนี้คนของสำนักหมอหลวงได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในจวน ถึงกับหลบไปไกลๆ เอาแต่อ้างโน่นอ้างนี่ ปฏิเสธกลับทางอ้อม หมอหลวงมากความสามารถกลับไม่มีใครกล้ามาเยือนเลย ตอนนี้ในจวนเกิดเรื่องกลุ้มใจมากมาย น้องสาวว่าข้าจะทำอย่างไรได้”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินก็ยิ้มอย่างประหม่า แล้วพูดว่า “นี่ก็ไม่มีอะไรหรอก รอให้เรื่องนี้ผ่านไป ทุกอย่างจะดีเอง เรื่องยาบำรุงครรภ์ ร้านยาด้านนอกก็มี โดยเฉพาะร้านยาตระกูลไป๋ เป็นตระกูลแพทย์ที่สืบสานที่นับร้อยปี หรือจะไม่มียาบำรุงครรภ์? ฮูหยินแอบให้อี๋เหนียงสองคนไปขอให้ดูอาการ แล้วเอายาบำรุงครรภ์จากตระกูลไป๋มาก็ได้เช่นกัน ข้าไม่เคยวิจัยทางด้านสูตินรีเวชเลย ขอพูดอะไรที่ไม่กลัวว่าฮูหยินจะขบขันหน่อยเถอะ ขนาดเรื่องของตัวเองก็ยังไม่รอดเลย! หากมีวิธีที่ดีอะไร ข้าคงใช้ไปนานแล้ว”
เฟิงฮูหยินน้อยตบมือของเหยาเยี่ยนอวี่ พร้อมเปรยว่า “น้องสาวไม่ต้องกังวลใจไป เจ้าทำความดีมากเช่นนี้ ย่อมเป็นผู้มีบุญอยู่แล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “ขอบคุณสำหรับคำมงคลของฮูหยินเจ้าค่ะ”
ไม่นาน ซานหูก็เข้ามารายงานว่าของใช้ของเจี่ยร์เอ๋อร์เก็บและใส่ไว้ในรถม้าแล้ว หนิงฮูหยินน้อยจึงลุกขึ้น แล้วพูดว่า “ในจวนก็ยุ่ง พวกเราไม่ควรอยู่เสียเวลาพวกเจ้าอีก มีเรื่องอะไรก็ส่งคนไปบอกพวกเรา เรื่องใหญ่พวกเราอาจช่วยไม่ได้ แต่เล็กน้อยพวกเราต้องไม่ปฏิเสธแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณหนิงฮูหยินน้อยแล้ว หากมีเรื่องอะไร พวกเราต้องไม่เกรงใจแน่นอน” เฟิงฮูหยินน้อยพลันลุกขึ้น แล้วส่งเหยาเยี่ยนอวี่และคนอื่นออกไปด้วยความเกรงใจ
เหยาเยี่ยนอวี่กลับจากจวนติ้งโหวก็ไม่ได้ไปสำนักแพทย์อีก
หลังจากที่แขนของราชครูเซียวได้รับบาดเจ็บ เซียวหลินก็รับผู้เฒ่ากลับไปพักฟื้นที่จวน การเรียนการสอนขององค์ชายหยุดชั่วคราว ทางฝั่งสำนักแพทย์จึงไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไร เหยาเยี่ยนอวี่ให้ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงให้ความรู้เหล่าหมอหญิงที่เพิ่งรับสมัครเข้ามาใหม่ และนางเองก็ได้ลากับจางฉางเป่ย บอกว่าตนไม่สบาย จึงนอนพักในจวน
เพราะว่าลู่ฮูหยินจากไป เฟิงจงเยี่ยก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่จะให้ลู่ฉางปั๋วสอนหนังสือแทนราชครูเซียวกับฮ่องเต้อีก ฮ่องเต้เหมือนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ จึงไม่ได้พูดอะไรอีก
พอเดินเข้าประตู ฉังเหมาเข้าไปต้อนรับ “ฮูหยินขอรับ เฉิงอ๋องซื่อจื่อมาเยือน และนั่งอยู่ในห้องโถงรับแขกนานแล้ว บอกว่ามีธุระกับฮูหยินขอรับ”
เหยาเยี่ยนอวี่เพิ่งจะนึกถึงเรื่องที่อวิ๋นคุนเคยขอร้องให้ตนช่วยเหลือในวันที่หนึ่งของตรุษจีน ดังนั้นจึงพูดขึ้นทันที “รอให้ข้าเปลี่ยนชุดเสร็จค่อยไปเจอกับท่านซื่อจื่อ”
“ขอรับ” ฉังเหมาตอบกลับ
เหยาเยี่ยนอวี่รีบกลับเรือนเยี่ยนอานไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบง่าย นางสวมชุดสีน้ำเงินเข้มที่เหมาะทั้งบุรุษและสตรี และมวยผมด้วยเครื่องประดับสีเรียบ เดินหน้าไปเจอแขก