หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 468 หวังเฟยตาบอด ติ้งโหวสิ้นใจ (2)
ตอนที่ 468 หวังเฟยตาบอด ติ้งโหวสิ้นใจ (2)
อวิ๋นคุนเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ก็ลุกขึ้นทักทายทันที เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างเกรงใจ “วันนี้ท่านซื่อจื่อมาเยือนถึงจวน ประจวบกับเวลาที่แม่ทัพและข้าไม่อยู่จวนพอดี ทำให้ท่านเสียเวลารอแล้ว ได้โปรดท่านซื่อจื่ออย่าถือสาเลยเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นเช่นไร ข้ามากะทันหันเกินไป” ใบหน้านิ่งเฉยของอวิ๋นคุนมีความกังวลใจแอบแฝง และพูดด้วยความลำบากใจ “วันนี้ข้ามาเพราะมีเรื่องอยากรบกวนหมอหลวงเหยา”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “คำพูดที่ท่านซื่อจื่อเอ่ยไม่จบในวันตรุษจีนแรก เหตุเพราะสถานการณ์ตอนนั้นไม่ค่อยสะดวก ฉะนั้นข้าก็ไม่ได้ถามมากมายอะไร ไม่ทราบว่าท่านซื่อจื่อมีเรื่องอะไรลำบากใจหรือ เชิญบอกข้ามาเถอะ”
“สุขภาพร่างกายของมารดาข้า” อวิ๋นคุนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเบาๆ พร้อมพูด “ก่อนตรุษจีน ข้าก็รู้สึกว่าอาการของนางไม่ค่อยดีแล้ว ตอนกลางคืนข้าไปน้อมคำนับนาง กลับนึกว่าข้าเป็นบิดา ตอนนั้นข้ายังนึกว่าเหตุเพราะงานตอนสิ้นปีค่อนข้างเยอะ ถึงได้ยุ่งวุ่นวายจนตาลาย หลังจากนั้นกลับสังเกตเห็นว่านางมองคนผิดไปจริงๆ ตอนวันแรกของตรุษจีน ข้าจึงไม่สะดวกพูดถึงเรื่องนี้กลางงานเฉลิมฉลอง จึงคิดว่าหลังจากปีใหม่ผ่านไป นางคงได้พักก็จะดีขึ้น ทว่า…อาการยิ่งอยู่ยิ่งร้ายแรง หลายวันมานี้แทบจะมองอะไรไม่ชัด หลังจากปีใหม่ บิดาก็เชิญหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงมาหลายคน วันนี้แม้กระทั่งจางจือหลิงก็ยังบอกว่ารักษายาก ดังนั้นข้าถึงมาหาหมอหลวงเหยาถึงจวน”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยิน จึงเอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “เช่นนั้น ก็ป่วยมาใกล้สามเดือนแล้วสิ”
“เป็นเช่นนั้น” อวิ๋นคุนถอนหายใจเบาๆ
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว ภายในใจกำลังคิดว่า ทำไมไม่บอกแต่แรก ต่อให้เป็นโรคอะไร หลังจากปล่อยให้ป่วยไปสามเดือนและพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการรักษา เช่นนั้นก็ยากที่จะรักษาให้หายเสียแล้ว
อวิ๋นคุนเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ไม่พูดไม่จา แล้วถามขึ้นต่อ “ไม่รู้ว่าตอนนี้หมอหลวงเหยามีเวลาหรือไม่ สะดวกไปจวนอ๋องหน่อยหรือไม่”
อันที่จริงเขารอมาชั่วยามกว่าก็เพราะเรื่องนี้ หากฟังเขาตั้งแต่แรก เหยาเยี่ยนอวี่ก็คงจะไปจวนอ๋องตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าเฉิงหวังเฟยไม่ชอบเหยาเยี่ยนอวี่ พอได้ยินว่านางจะรักษาตนก็ไม่สบอารมณ์ทุกที
เพื่อความสุขของมารดา อวิ๋นคุนจึงไม่ได้มาหาเหยาเยี่ยนอวี่ตลอดมา ทว่าตอนนี้มารดามองไม่ค่อยเห็นแล้ว อวิ๋นคุนจะสนใจเรื่องความสุขของนางได้อย่างไร หรือว่าจะรอให้นางตาบอดจริงๆ
อันที่จริงเรื่องนี้เหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้แต่เนิ่นแล้ว เฉิงหวังเฟยโปรดปรานบุตรีมากเช่นนั้น เพื่อที่จะแย่งเว่ยจางกับตน อวิ๋นเหยาก่อเรื่องมากมาย ถึงแม้นางไม่รู้ว่าหลังจากนั้นอวิ๋นเหยากลับเมืองหลวงแล้วอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉิงหวังเฟยอย่างไร ทว่าตามนิสัยของเฉิงหวังเฟย ก็ต้องโกรธเคืองเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น ต่อให้นางป่วยหนักอย่างไรก็ไม่ยอมเชิญตนไปรักษา ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ เหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้ว่าตนควรปฏิเสธ ทว่าคนอย่างอวิ๋นคุนอุตส่าห์มานั่งรอหนึ่งชั่วยามกว่าก็เพื่อขอให้ไปรักษามารดา ต่อให้ไม่เห็นแก่เขากับเว่ยจางที่เป็นสหายกัน ก็ควรเห็นแก่ความกตัญญูของเขา เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่อาจปฏิเสธกลับได้
อีกอย่าง ตนเองคือแพทย์ ไม่ควรเรียกร้องอะไรกับผู้ป่วย ทันใดนั้นเหยาเยี่ยนอวี่กลับเรือนเยี่ยนอานไปเปลี่ยนชุดเครื่องแบบหมอหลวง และสั่งให้เซียงหรูนำกล่องพกพา พลางให้อูเหมย เซินเจียง และเถียนหลัวติดตามไปด้วย ขึ้นรถม้าตามอวิ๋นคุนไปจวนเฉิงอ๋องทันที
วันนี้คนในจวนเฉิงอ๋องกลับอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เฉิงอ๋องก็อยู่ อวิ๋นเหยาไม่ได้ไปสนามฝึก เช่อเฟยสกุลหลี่และบุตรีอนุภรรยาอวิ๋นเหมยก็อยู่ด้วย
เหยาเยี่ยนอวี่เข้าประตูก็น้อมคำนับให้ทุกคน เฉิงอ๋องยิ้มอย่างเป็นมิตร พร้อมพูดว่า “ลำบากหมอหลวงเหยามาเยือนที่นี่แล้ว”
“ท่านอ๋องเกรงใจเกินไปแล้วเพคะ” เหยาเยี่ยนอวี่พลันคารวะ “ท่านอ๋องและท่านซื่อจื่อดีต่อหม่อมฉัน ตอนนี้ท่านอ๋องต้องการความช่วยเหลือ หม่อมฉันจะปฏิเสธได้อย่างไรเพคะ”
“เฮ้อ! ตอนนี้ข้าก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว” เฉิงอ๋องถอนหายใจ แล้วหันไปสั่งสกุลหลี่ “เจ้าพาเหยาฮูหยินเข้าไปดูอาการหวังเฟยเถอะ ดูแลฮูหยินให้ดีด้วยล่ะ”
สกุลหลี่ตอบกลับ แล้วหันไปส่งยิ้มจางๆ ให้เหยาเยี่ยนอวี่ “เหยาฮูหยิน เชิญตามข้ามาเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าให้เฉิงอ๋องและอวิ๋นคุนอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นตามสกุลหลี่ไป
“เสด็จพ่อ ลูกก็จะเข้าไปดูด้วย” อวิ๋นเหยาพูดไป ก็ตามไปด้วย
อวิ๋นคุนมองเฉิงอ๋องอย่างไม่ไว้วางใจ ท่านอ๋องพูดอย่างจนปัญญา “เจ้าก็ตามไปด้วยเถอะ อย่าให้อวิ๋นเหยาสร้างปัญหาเด็ดขาด”
สกุลหลี่พาเหยาเยี่ยนอวี่เดินผ่านฉากกั้นในห้องโถงหลัก ออกจากประตูหลังพลางเดินผ่านสวนเข้าไปเรือนของเฉิงหวังเฟย อวิ๋นเหยาและอวิ๋นคุนก็เดินตามไปด้วย
หลังจากเดินเข้าประตูไป ก็เห็นเฉิงหวังเฟยกำลังดื่มยาต้มอยู่บนตั่งไม้ ด้านข้างมีสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่สองคน หนึ่งคนกำลังถือถาดยืนอยู่ด้านข้าง บนถาดวางถ้วยชาและจานใส่บ๊วยไว้ ส่วนอีกคนถือกระโถนพลางคุกเข่าอยู่บนที่รองฝ่าเท้า เพื่อรอให้หวังเฟยบ้วนปาก
ก่อนหน้านี้เหยาเยี่ยนอวี่ไม่เคยเจอหน้าเฉิงหวังเฟย ไม่รู้ว่าตอนที่เฉิงหวังเฟยไม่ป่วยนั้นสง่างามเช่นไร เพียงแค่ว่าตอนนี้นางเห็นหญิงวัยกลางคนที่ใบหน้าที่เหี่ยวแห้ง ดวงตาไม่มีแววแม้แต่น้อย
ถึงแม้นางยังคงสวมเสื้อผ้าชั้นดี ทว่ากลับไม่มีความสง่าผ่าเผยแม้แต่น้อย ดวงตาไร้ชีวิตชีวาทำให้คนรู้สึกทุกข์ระทมยิ่งนัก
“เหยาเอ๋อร์มาแล้วหรือ” เฉิงหวังเฟยแย้มยิ้ม ยื่นมือไปจับหน้าอวิ๋นเหยา จากนั้นเอามือออกทันที รอยยิ้มบนใบหน้าจืดจางไป พลางเปรยด้วยเสียงต่ำ “อันที่จริงข้ามองเห็นเหยาเอ๋อร์อยู่นะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว” อวิ๋นเหยาจับมือเฉิงหวังเฟย พลางยิ้มอย่างขมขื่น กลับปลอบโยนด้วยอ่อนหวาน “แน่นอนว่าเสด็จแม่ต้องเห็นข้าอยู่แล้วสิ เสด็จแม่ดูสิ ท่านพี่หาหมอที่ดีที่สุดในสำนักหมอหลวงมารักษาท่านด้วย อาการเวียนศีรษะของท่านต้องหายดีแน่นอน”
เหยาเยี่ยนอวี่แปลกใจทันที อวิ๋นคุนประสานมือคารวะให้เหยาเยี่ยนอวี่ สายตาเคล้าด้วยความรู้สึกผิดและอ้อนวอน เดิมทีนางก็จะให้ร่วมมือแสดงละครตบตาอยู่แล้ว แน่นอนว่าทำความดีย่อมไม่หวังชื่อเสียงอยู่แล้ว เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ พยักหน้า สื่อให้เห็นว่าไม่เป็นเช่นไร
เฉิงหวังเฟยจับมือบุตรีไว้ พลางถาม “เชิญหมอหลวงคนไหนมา หมอหลวงมากฝีมือของสำนักหมอหลวงก็เชิญมาหมดแล้วมิใช่หรือ”
“เป็นหมอหลวงคนใหม่ แม้กระทั่งเสด็จลุงยังเชยชมว่านางมากฝีมือยิ่งนัก เสด็จแม่ ให้นางจับชีพจรให้ท่านเถอะ?” อวิ๋นเหยาพูดไป ก็หันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่เพียงชั่วพริบตาเดียว
สกุลหลี่ดึงมือของเฉิงหวังเฟยไปวางบนโต๊ะเล็ก เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือจับชีพจรอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพัก ก็เปลี่ยนมืออีกข้าง
ตอนจับชีพจร เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วตลอดเวลา อวิ๋นคุนและอวิ๋นเหยามองแล้วรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
เพราะว่าปิดบังเฉิงหวังเฟยไว้ ดังนั้นเหยาเยี่ยนอวี่ไม่ส่งเสียงใดๆ หลังจากจับเสร็จก็ส่งสายตาให้อวิ๋นคุน อวิ๋นคุนจึงพูดว่า “เสด็จแม่ ลูกจะพาหมอหลวงออกไปจ่ายยาด้านนอก เสด็จแม่พักผ่อนเถอะ”
“ได้ ไปเถอะ” เฉิงหวังเฟยก็ไม่สนใจอะไร เพียงแต่ผายมือเท่านั้น