หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 472 แม่ทัพกล่อมภรรยา (2)
ตอนที่ 472 แม่ทัพกล่อมภรรยา (2)
“เหนื่อยก็นอน หิวก็กิน นี่เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพ” เหยาฮูหยินหาวอย่างเกียจคร้านอีกรอบ
“ฮูหยิน เจ้าป่วยหรือไม่” แม่ทัพเว่ยขมวดคิ้ว
เหยาเยี่ยนอวี่จึงกลอกตามองบนใส่เขาอย่างเยือกเย็น “เป็นไปได้อย่างไร เจ็บป่วยจะกล้ามาหาเรื่องกับหมอเซียนได้อย่างไร”
อันที่จริงภายในใจของแม่ทัพเว่ยกำลังคิดเรื่องอีกอย่าง เขาเหมือนเคยได้ยินเฮ่อซีพูด ตอนหร่วนฮูหยินมีจี๋เอ๋อร์ก็มักจะนอนเกียจคร้านทั้งวัน ตอนนี้ดูจากสภาพของฮูหยินตนเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าอาการคล้ายคลึงจริงๆ ฉะนั้นจึงเกลี้ยกล่อม “มิเช่นนั้น ลองเชิญหมอหลวงมาจับชีพจรเจ้าหน่อยไหม อืม เจ้าไม่ชอบให้หมอหลวงมา เช่นนั้นก็ตามชุ่ยเวยมาไหม”
เหยาเยี่ยนอวี่จะไปรู้ว่าเว่ยจางคิดอะไรได้อย่างไร ดังนั้นถอนหายใจพลางพูด “เจ้าไม่ต้องคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ข้าไม่เป็นไร”
“เช่นนั้นก็อย่าเอาแต่นอนเลย มา อย่างไรวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำ มิเช่นนั้นให้ข้าพาเจ้าไปนอกเมืองเถอะ?” เว่ยจางพูดไปก็ดึงเหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นจากตั่งไม้ “เซียงหรู ไปเอาชุดขี่ม้าของฮูหยินมา แล้วสั่งให้คนจูงเถาเยาและเฮยเฟิงออกมา”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินคำพูดนี้ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา คิดๆ ดูแล้ว นานมากแล้วที่ไม่ได้ไปนอกเมือง
“พวกเราไปสนามม้าหรือ” เหยาฮูหยินลุกขึ้นใส่รองเท้าพลางถามไปด้วย
“เจ้าอยากไปสนามม้าก็ได้ อยากไปสนามฝึกก็ได้ หากไม่อยากไปทั้งสองที่ พวกเราไปโรงยาก็ได้ เช้านี้ข้าเจอเหยาซื่อสี่ เขาบอกว่าพี่รองไปโรงยาในวันนี้” เว่ยจางดึงนางลุกขึ้น แล้วพาไปตรงหน้าคันฉ่อง
เหยาเยี่ยนอวี่มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “คงไม่ต้องไปโรงยาแล้ว ข้าอยากไปสนามฝึก ข้าอยากฝึกยิงธนู”
“ฝึกยิงธนูอะไรเล่า” เว่ยจางจับนิ้วมือเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ ปลายนิ้วหยาบกร้านแตะลงบนปลายนิ้วอันนุ่มนวลของนาง “มือของเจ้าเอาไว้รักษาผู้ป่วย ไม่ได้เอาไว้ฝึกธนู อย่าทำให้สายธนูทำให้มือเจ้าได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด”
“ข้าใส่ถุงมือแล้วยิงได้หรือไม่” เหยาเยี่ยนอวี่หันไปเอาถุงมือหนังกวางหนึ่งคู่ แล้วสะบัดตรงหน้าเว่ยจาง
“ไม่ได้” เว่ยจางยิ้มจางๆ พลางยื่นมือไปแย่งถุงมือมา “เจ้าแค่เล่นเข็มเงินก็พอแล้ว อย่าไปคิดถึงธนูอะไรพวกนั้นอีก”
เหยาฮูหยินรู้สึกไม่ดีใจขึ้นมาทันที จึงเบะปากพลางขมวดคิ้ว “เช่นนั้นข้าจะไปสนามฝึกเพื่ออะไร!”
เว่ยจางยื่นมือคลี่ชุดขี่ม้าสีฟ้ามรกตที่เซียงหรูถือไว้ พลางพูดยิ้มๆ “ขี่ม้าได้”
“เช่นนั้นไปสนามม้าไม่ดีกว่าหรือ” เหยาฮูหยินเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วยพลางพร่ำบ่นอย่างไม่พอใจ
แม่ทัพเว่ยยื่นมือจัดคอเสื้อให้นาง พลางผูกเชือกตรงคอเสื้อให้เรียบร้อย พร้อมเปรยด้วยเสียงต่ำ “ไปขี่ม้าที่สนามฝึก ความรู้สึกมันต่างจากสนามม้า ในสนามฝึกมีทหารมากมาย หากขี่ได้ไม่ดี คงทำให้สามีของเจ้าต้องเสียหน้าแล้ว!”
“เอ๊ะ! เจ้ากล้ารังเกียจข้าหรือ!” เหยาฮูหยินขึ้นเสียงสูง
“ใครจะกล้าเล่า” แม่ทัพเว่ยยิ้มเสียงต่ำ “ข้าอยากให้ทหารเหล่านั้นเห็น ฮูหยินของข้าเว่ยจางสง่าผ่าเผยเพียงใด ไม่เพียงแต่เป็นหมอเซียน แล้วยังขี่ม้าเก่งด้วย”
“เจ้าน่าจะบอกว่า ไม่เพียงแต่เป็นหมอเซียน แล้วยังมากฝีมือในการขี่ม้ายิงธนูด้วย”
“ฮูหยิน พูดปดไม่ดีเท่าใดนัก ขี่ม้ายิงธนู เจ้าก็แค่ ‘ขี่ม้า’ เป็นเท่านั้น ส่วนยิงธนู น่าจะไม่เป็นเลยหรือเปล่า”
“นี่เจ้ากำลังรังเกียจข้าชัดๆ!”
“เปล่า สามีจะกล้ารังเกียจภรรยาได้อย่างไร” เว่ยจางยิ้มด้วยเสียงต่ำ พลางกุมมือฮูหยินเดินออกนอกประตู
เซียงหรูและอูเหมยได้ยินทั้งสองพูดจาหยอกล้อกันไปมา หลังจากกุมมือกันออกจากเรือน ทั้งสองจึงส่งยิ้มให้กัน
“แม่ทัพเหมือนเปลี่ยนไปคนละคนเลย” เซียงหรูกำลังเก็บเสื้อผ้าที่เหยาเยี่ยนอวี่ใส่เมื่อครู่ แล้วเปรยไปด้วย
“ที่ไหนเล่า แม่ทัพไม่อยู่ต่อหน้าฮูหยิน ยังคงปั้นหน้าเย็นชาเหมือนแต่ก่อน สีหน้านั้นไม่มีใครกล้ามองเลย” อูเหมยเก็บตำราที่เหยาเยี่ยนอวี่อ่านเมื่อครู่นี้ไปไว้บนชั้นวางหนังสือ
เซียงหรูยิ้มอีกครั้ง “พูดได้ไม่ผิด แม่ทัพก็แค่ปล่อยตัวตามสบายต่อหน้าฮูหยินเท่านั้น แล้วยังยิ้มเป็นบางครั้ง”
“ฮูหยินก็จะทำตัวเป็นสตรีตัวน้อยๆ ขี้อ้อนต่อหน้าแม่ทัพเท่านั้น ทั้งยังชอบยิ้มและออดอ้อน ในวันปกติ ฮูหยินก็เอาแต่อ่านตำราและวิจัยสมุนไพร นอกจากนั้นก็มักจะทำสีหน้าจริงจังตลอดเวลา” อูเหมยส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
เซียงหรูก็ถอนหายใจ “เฮ้อ! ขอให้ท่านแม่ทัพมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินเยอะๆ หน่อยเถอะ ตั้งแต่ฮูหยินออกเรือนมาจวนแม่ทัพ ก็แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน”
“เป็นเช่นนั้น”
นอกเมืองที่ห่างไกลนับสิบลี้ ณ สนามฝึกของค่ายทหาร
แม่ทัพเว่ยสวมชุดขี่ม้าสีฟ้าอ่อนไปเยือน เขาจูงบังเหียนม้า มีก็มีสตรีสวมชุดสีฟ้ามรกตควบม้าสีแดงพุทราหยุดม้าข้างกายเขาอย่างสง่างาม
เหล่าทหารที่กำลังฝึกวิชาต่อสู้อยู่ที่ไกลไม่รู้ว่าใครมาเยือน จึงหันไปมองเพียงพริบตา เผลอเพียงชั่วครู่เดียวกลับโดนอีกฝ่ายจู่โจมจนล้มลงบนพื้น จากนั้น ก็มีสองสามมองไปยังคู่บ่าวสาวที่มีรูปลักษณ์หน้าตาดี จากนั้นทหารที่เผลอมองไปก็ถูกจู่โจมทันที
“มองอะไรอยู่!” ไม่รู้ว่าเหล่าทหารตะโกนด้วยความแปลกใจอะไรอยู่ พอหันหน้าไป ต่างก็หลุดยิ้มอย่างน่าแปลก “ที่แท้ก็คือแม่ทัพเว่ยจางนี่เอง! เอ๊ะ? ข้างกายแม่ทัพ…เหมือนจะเป็นสตรีคนหนึ่ง”
ทหารที่อยู่อีกด้านก็เปรยด้วยความดูหมิ่น “ไร้สาระ ไม่ใช่สตรีแล้วข้าจะมองไปทำไมกันเล่า”
“เช่นนั้นก็น่าจะเป็นฮูหยินหรือเปล่า” ทหารคนหนึ่งกะพริบตาพูดขึ้น
“ดูเหมือนจะใช่แฮะ!” ทหารอีกคนจู่ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา “ตอนนั้นที่พวกเราไปเขตชายแดนตอนเหนือ ฮูหยินเคยไปเมืองเฟิ่งรักษาทหาร…จนถึงตอนนี้พี่ชายข้ายังคงพูดถึงพระคุณอันใหญ่หลวงของฮูหยินไม่หยุด!”
“จริงด้วย! ขาสหายคนหนึ่งของน้ารองข้าก็ได้รับการรักษาจนหาย ก็ต้องขอบคุณฮูหยินอย่างมาก ไม่เช่นนั้นกลับบ้านไปก็คงต้องกลายเป็นพิการ”
“ฮูหยินจริงหรือ” สตรีสวมชุดขี่ม้าสีฟ้ามรกตคนนั้นค่อยๆ เร่งม้าตามแม่ทัพเว่ยมา เหล่าทหารทางฝั่งนี้รู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก
“ใช่จริงด้วย!”
“คารวะท่านแม่ทัพ! คารวะฮูหยินขอรับ!”
ทหารหลายสิบนายรีบยืนเรียงรายกับอย่างเป็นระเบียบ ต่างก็เดินหน้าไปน้อมคำนับท่านแม่ทัพและฮูหยิน
เว่ยจางใช้สายตาเย็นชากวาดมองทหารทุกนายพลางถามด้วยความไม่พอใจ “เหตุใดถึงไม่ฝึกวิชาดีๆ”
เหล่าทหารถูกสายตาอันเฉียบคมของแม่ทัพเว่ยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ละคนก้มหน้าลงเล็กน้อย และไม่กล้ามากความอะไร หนึ่งในหัวหน้าก็รีบเดินหน้ามาครึ่งก้าว พลางค้อมตัวตอบกลับ “เรียนแม่ทัพ เหตุเพราะข้าน้อยเห็นฮูหยินมาเยือน ดังนั้น…จึงรู้สึกตื่นเต้น จึงอยาก…น้อมคำนับฮูหยินขอรับ”
แม่ทัพเว่ยทำเสียงฮึดฮัด แล้วถามด้วยเสียงเย็นชา “ตอนนี้ก็น้อมคำนับเสร็จแล้ว ยังจะยืนเซ่ออยู่นี่ไปไยกัน”
“ขอรับ! ข้าน้อยจะไปฝึกวิชาทันที” ทหารผู้นั้นจึงตอบกลับทันที แล้วรีบเดินออกจากแถว พลางหันไปตะโกน “เตรียมตัว…แยกย้าย! จับคู่กันฝึกวรยุทธ์ต่อ! เริ่ม!”
ทหารหลายสิบนายต่างก็รีบแยกย้ายทันที แล้วตั้งท่าต่อสู้ พลางทักทายฝ่ายตรงข้ามด้วยท่วงท่าต่อสู้ที่รุนแรง
แม่ทัพเว่ยมองไป จึงกระตุกบังเหียนม้าด้วยความพอใจ ขี่ม้าจากไปพร้อมกับฮูหยิน
“นี่ เมื่อครู่เจ้าดุเกินไปหรือเปล่า” เหยาเยี่ยนอวี่ขี่ม้าไปได้ไม่ไกล ก็หันไปมองที่ไม่ไกล เหล่าทหารกำลังฝึกวิชาต่อสู้อย่างตั้งใจ ไม่กล้าแอบเกียจคร้านอีกต่อไป